Baramizi Lab logo

“Crown Expression” คลื่นมหาชนร่วมแสดงออกและปลดปล่อย สร้าง Soft Power ที่มีจุดร่วมของคนทั้งโลก

17
04.2024
view
96
SHARE

“Crown Expression” คลื่นมหาชนร่วมแสดงออกและปลดปล่อย สร้าง Soft Power ที่มีจุดร่วมของคนทั้งโลก

เพราะเทศกาลสงกรานต์บ้านเราอยู่บนกระแสเทรนด์ของ Event Tourism ที่ชื่อ “Crown Expression” แม้ฉากหน้าจะดูไทยไทย แต่เนื้อในนั้นโดนใจ Inner ที่เป็นสากล สงกรานต์บ้านเราจึงสามารถเป็น Soft Power ที่ทรงพลังระดับโลกได้

เมื่อช่วงปีที่ผ่านมา Baramizi Lab ได้ร่วมทำวิจัยกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ในหัวเรื่องการศึกษาศักยภาพกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ระดับนานาชาติของประเทศไทย เราได้ทำการ Spot Event Tourism Trend ประจำปีล่าสุดเพื่อค้นหาแนวโน้มการสร้างสรรค์ประสบการณ์การท่องเที่ยวเชิงกิจกรรมมาไว้เพิ่มพลังให้กับการผลักดันการท่องเที่ยวเชิงกิจกรรมของประเทศไทยให้ขึ้นสู่ระดับนานาชาติได้

ด้วยกระบวนการศึกษาผ่านข้อมูลทุติยภูมิและทำการ Spot กรณีศึกษากว่า 100 กรณีศึกษาของงานกิจกรรมและเทศกาลประเภทต่างๆ ที่ทำหน้าที่ดึงดูดการท่องเที่ยวทั่วโลก เราพบเจอถึง 12 เทรนด์ที่น่าสนใจสำหรับการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงกิจกรรม บางแนวโน้มนั้นก็เป็นแนวโน้มที่มีมาแต่เดิมอยู่แล้วอันเนื่องจากมันสอดคล้องไปกับความต้องการดั้งเดิมของมนุษย์เราที่กระตุ้นให้เราออกเดินทางได้ บางแนวโน้มเป็นความคาดหวังที่ Emerging ใหม่จากแรงกระทบของ Megatrend บางแนวโน้มตัวมันอาจไม่ใหม่มากแต่มีรายละเอียดที่ใหม่ขึ้นมา ไว้จะมาเล่าทั้ง 12 แนวโน้มให้ฟังอีกครั้งนะคะ : )

แต่วันนี้เอาเรื่องนี้ก่อน หนึ่งในแนวโน้มที่น่าสนใจและช่วยไขความกระจ่างให้กับความฮอตฮิตของเทศกาลสงกรานต์บ้านเราคือแนวโน้มที่ชื่อว่า “Crown Expression” คือประสบการณ์ของงานอิเวนต์ที่เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมได้ปลดปล่อยตัวเองจากโลกความเป็นจริง สามารถแสดงออกทางด้านอารมณ์หรือร่างกายได้อย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน ห้อมล้อมด้วยคนหมู่มากในการร่วมทำกิจกรรมที่มีความหมายเดียวกัน  อยากให้ทุกคนสังเกตค่ะ แนวโน้มนี้…เกิดขึ้นจาก Inner ภายในจิตใจของพวกเราที่ว่า ในการใช้ชีวิตบางทีก็มีอะไรที่อัดอั้นบ้างอะไรบ้าง (55) แล้วเราก็มีอารมณ์อยากปลดปล่อย อยากขว้างปา อยากทำลาย ยิ่งถ้าได้ทำแล้วได้แข่งขันกับคนอื่นด้วยนี่ยิ่งมันส์! แต่ๆๆๆ ในชีวิตจริง ใครจะให้เราทำอย่างนั้นกันล่ะ มันเดือดร้อนคนอื่นและสร้างความเสียหายต่อทรัพย์สิน แล้วๆๆๆ ในขณะเดียวกันนั้น ก็มีงานกิจกรรมมหกรรมประเภทหนึ่งที่เปิดโอกาสให้ทำอะไรอย่างนั้นเกิดขึ้นเต็มไปหมดรอบโลกของเรา 🤣 แต่มาในรูปแบบและที่มาที่แตกต่างกันแต่ล้วน Serve Needs หรือตอบโจทย์ความต้องการแบบเดียวกัน บางที่ก็เป็นเรื่องราวของวัฒนธรรม บางที่ก็เป็นเรื่องศาสนา บางที่ก็มาจากฤดูกาลของพืชผลทางการเกษตร หรือไม่ก็เกิดจากการรำลึกถึงเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ เริ่มต้นจากทำกันเองเชื่อกันเองในพื้นที่ของตนแล้วค่อยๆ ขยายวงใหญ่ขึ้นเติบโตขึ้นจนถึงจุดที่กลายเป็นสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกได้

เทรนด์ Crown Expression จากการ Spot ข้อมูลในรอบปีนี้ สามารถสรุป Key Experience สำคัญได้ 3 ประการได้แก่

1. Crowd on Public: การรวมตัวของฝูงชนในพื้นที่สาธารณะสร้างประสบการณ์ที่ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ทั่วไป

2. Splashing: การได้ขว้างปา ปลดปล่อย สิ่งต่างๆ ใส่กัน จากวัตถุดิบทางธรรมชาติใน  ท้องถิ่นนั้นๆ ทำให้เกิดประสบการณ์ที่สนุกสนาน หลุดออกจากโลกที่เป็นอยู่

3. Release and Move on: การได้ปลดปล่อยและทิ้งสิ่งที่เกิดขึ้นภายในงาน เพื่อเริ่มต้นสิ่งใหม่ในโอกาสต่อไป

เทศกาลสงกรานต์เข้าข่ายแนวโน้มนี้เต็มๆ เลยค่ะ ถอดรหัสความเจ๋งของเทศกาลที่ทำให้เป็น Soft Power ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกมาได้ น่าจะประกอบด้วยองค์ประกอบ ดังนี้ 1) มีรากมีที่มาที่อิงกับวัฒนธรรมและวันสำคัญของคนไทยทั้งประเทศ 2) รูปแบบของกิจกรรมมาในรูปแบบของการได้ปลดปล่อย (+ทำลายล้าง 55) ได้แข่งขันต่อสู้ (เล็กๆ) 3) เป็นวัฒนธรรมร่วมที่คนทั้งประเทศตอบรับอย่างแข่งขันและพร้อมมีส่วนร่วม แต่ก็ยังเกิดวัฒนธรรมย่อยที่มีอัตลักษณ์เฉพาะของตัวเองแตกต่างกันไป ทำให้เกิดความหลากหลายที่น่าสนใจ องค์ประกอบข้อ 3) นี้ ส่วนตัวในตอนที่วิเคราะห์โจทย์วิจัยที่เกี่ยวกับประเด็นของงานท่องเที่ยวเชิงกิจกรรมระดับนานาชาติคิดว่าเป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุด

นอกจากเทศกาลสงกรานต์ของบ้านเราแล้ว ยังมีงานกิจกรรมและเทศกาลอื่นๆ ที่น่าสนใจในเทรนด์นี้ คอนเทนต์นี้เราพาไปลองเที่ยวชมกันค่ะ 😁☺️

Burning Man

งานเทศกาลที่เน้นเรื่องชุมชน ศิลปะ การแสดงออก และการพึ่งพาตนเอง จัดขึ้นทุกปีทางตะวันตกของสหรัฐอเมริกา ชื่อของงานมาจากพิธีการเผาหุ่นจำลองไม้ขนาดใหญ่ที่เป็นสัญลักษณ์ซึ่งเรียกว่า The Man การเผานี้จะเกิดขึ้นในคืนสุดท้ายของงานเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการได้ปลดปล่อยและทิ้งสิ่งที่เกิดขึ้นภายในงานเพื่อเริ่มต้นสิ่งใหม่ในโอกาสต่อไป โดยภายในงานผู้คนที่เข้าร่วมจะใช้ไลฟ์สไตล์แบบสุดโต่ง เช่น การแสดงงานศิลปะที่มีความเฉพาะตัว การใช้ชีวิตด้วยการแลกเปลี่ยนสิ่งของไม่มีการใช้เงิน เทศกาล Burning Man จัดตั้งโดย Burning Man Project ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร

 

Holi Festival

เทศกาลโฮลี มีการจัดขึ้น 2 วันในช่วงเดือนมีนาคม ซึ่งเทศกาลนี้เรียกอีกอย่างว่า “เทศกาลแห่งสีสัน” ผู้คนมากมายจะออกมาเฉลิมฉลองด้วยการสาดสีหรือป้ายสีซึ่งมีลักษณะเป็นฝุ่นผงใส่กันอย่างสนุกสนาน ฝุ่นผงสีจะทำมาจากธรรมชาติ อาทิ ดอกทองกวาว บีทรูท และขมิ้น เป็นต้น การสาดสีจะเล่นกันเฉพาะช่วงเช้าจนถึงเที่ยงวันเท่านั้นจากนั้นผู้คนจะแยกย้ายไปพักผ่อนแล้วเมื่อตกเย็นจะออกมาพบปะสังสรรค์กันแจกขนมหวานและสวมกอดกัน

La Tomatina

เทศกาลดั้งเดิมของสเปนที่จัดขึ้นในเมือง Buñol ทางตะวันออก โดยผู้เข้าร่วมจัดปามะเขือเทศใส่กัน ผู้คนมากถึง 20,000 คนจะจ่ายเงินคนละ 12 ยูโร เพื่อเข้าร่วมเทศกาล เพียงเวลาไม่นานพื้นที่ถนนก็ชุ่มไปด้วยเนื้อสีแดง งานนี้จัดขึ้นในวันพุธสุดท้ายของเดือนสิงหาคมของทุกปี งานเทศกาลนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากการต่อสู้แย่งชิงอาหารระหว่างเด็กๆ ในท้องถิ่นในปี 1945 ในเมืองที่ตั้งอยู่ในภูมิภาคที่ผลิตมะเขือเทศ

Crown Expression แนวโน้มสำคัญที่โดนใจผู้คนถ้าลองต่อยอดดูเราอาจจะสร้างสรรค์ Event Tourism ที่เป็น Soft Power เพิ่มเติมพลังการดึงดูดผู้คนสร้างเศรษฐกิจไทยให้เข้มแข็งได้อีกมากมายอย่างแน่นอนค่ะ 🥰🥰

อาจจะใส่ไว้ตั้งแต่ข้อความกลุ่มแรกก่อนแตกเข้ารายภาพ

 

บทความวิเคราะห์โดย

ปรมา ทิพย์ธนทรัพย์ (โจ้ง)

Baramizi Lab Director

ข้อมูลวิจัยเทรนด์โดย Trend Researcher Team ของ Baramizi Lab

โครงการศึกษาศักยภาพกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ระดับนานาชาติของประเทศไทย

 

ขอบคุณข้อมูลจาก
https://burningman.org
https://www.holifestival.org/#google_vignette

RECOMMEND

Superfansindex.com
read more
13.09.2024 33

เราจะรู้ได้อย่างไรว่าแบรนด์เราสุขภาพดีแค่ไหน?

ในหลายๆ ธุรกิจมักจะนึกถึงยอดขายที่จะทำให้รู้สึกว่าแบรนด์เรายังมีลูกค้าซึ่งก็ส่งผลต่อสุขภาพของแบรนด์ได้เช่นเดียวกัน แต่แท้ที่จริงแล้วแบรนด์คุณอาจจะสุขภาพไม่ดีก็ได้ เหมือนร่างกายคนถ้าไม่ไปตรวจสุขภาพเราก็จะไม่รู้ว่าข้างในร่างกายเป็นอย่างไร ทั้งๆ ที่ภายนอกเรายังรู้สึกปกติอยู่  เพราะฉะนั้นก่อนที่จะเกิดปัญหา และอาจส่งผลให้ปัญหานั้นลามใหญ่โตซึ่งต้องใช้ทั้งเงินและเวลาในการแก้ไข การวิจัยตรวจสอบสุขภาพแบรนด์จึงเป็นสิ่งสำคัญที่แบรนด์ควรจะทำอย่างต่อเนื่อง เปรียบเหมือนการเอ๊กซเรย์แบรนด์…เพราะหากรู้ก่อนย่อมสามารถแก้ปัญหาได้เร็วกว่า จากภาพข้างต้นหากทุกแท่งมีฐานที่กว้าง การันตีได้เลยว่าแบรนด์คุณสุขภาพดี เพราะการลงงบไปกับสื่อหรือการสร้างประสบการณ์นั้นสามารถได้ใจลูกค้าจนเกิดความเป็น Superfans ได้ (ความเป็น Superfans ของแบรนด์ คือ ขั้นสุดที่แบรนด์ควรไปให้ถึงและเก็บให้ได้มากที่สุด หรือที่เราเรียกว่า สาวกของแบรนด์)  รูปแบบการตรวสอบสุขภาพแบรนด์  โดยทั่วไปสามารถพบได้ 3 รูปแบบ 1.การวิจัยเพื่อตรวจสอบรายปี  เหมาะสำหรับแบรนด์/ องค์กรที่มีการลงงบการตลาด การทำแคมเปญต่างๆ ในช่วงระหว่างปี เพื่อให้เราสามารถรู้ได้ว่ารู […]

read more
11.09.2024 39

ตลาด Sustainable Fashion กับการเติบโต 22.9% ต่อปี

Sustainable Fashion หรือ แฟชั่นแบบยั่งยืนที่เคยเป็นเพียงกลุ่มเล็กๆ ในอุตสาหกรรมแฟชั่นโดยรวม กำลังได้รับความสนใจอย่างรวดเร็วเนื่องจากผู้บริโภคตระหนักถึงปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและจริยธรรมมากขึ้น ในปี 2024 ตลาดแฟชั่นยั่งยืนระดับโลกมีมูลค่า 8.1 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2024 และคาดว่าจะเติบโตถึง 33.1 พันล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2033 ด้วยอัตรา CAGR 22.9% ในช่วงคาดการณ์ปี 2024 – 2033 แม้ว่าจะเป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ ของอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ แต่ผลกระทบของแฟชั่นยั่งยืนกำลังเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากแบรนด์และผู้ค้าปลีกรายใหญ่ต่างนำแนวทางการปฏิบัติที่ยั่งยืนเข้ามาใช้ในธุรกิจของตน การเพิ่มขึ้นของแบรนด์แฟชั่นยั่งยืน ร่วมกับการนำโครงการริเริ่มสีเขียวมาใช้โดยบริษัทที่จัดตั้งขึ้นแล้ว กำลังผลักดันตลาดให้ก้าวไปข้างหน้า พร้อมแรงหนุนจากความต้องการผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะในกลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญกับความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม อุตสาหกรรมแฟชั่นยั่งยืนมีโอกาสอีกมากมาย เช่น ความต้องการที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภคที่ต้องการความโปร่งใสในกระบวนการผลิตและการจัดหาวั […]

read more
11.09.2024 61

ทิศทาง Food delivery ทั้งไทยและต่างประเทศ

ตลาด Food Delivery ในไทยปี 2567 ยังมีเทรนด์ที่ลดลงต่อเนื่อง ศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้มีการประเมินว่าในปี 2567 มูลค่าตลาด Food Delivery จะอยู่ที่ประมาณ 8.6 หมื่นล้านบาท  หรือหดตัว 1.0% จากปี 2566 แม้ว่าค่าใช้จ่ายในการสั่งอาหารเฉลี่ยต่อครั้งน่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น (Price per Order) ประมาณ 2.8% จากค่าเฉลี่ยในปี 2566 หรือ มีราคาเฉลี่ยประมาณ 185 บาทต่อครั้งของการสั่ง ซึ่งจะมีผลตามมาต่อทั้งจำนวนครั้งและปริมาณการสั่งให้ลดลง ปัจจุบัน ตลาด Food Delivery ในหลายประเทศกำลังเผชิญกับแนวโน้มขาลงไม่ต่างจากประเทศไทย แม้ว่าจะมีการเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงการแพร่ระบาดของ COVID-19 เช่น สหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักรเห็นการเติบโตชะลอตัวเนื่องจากการแข่งขันที่รุนแรงและต้นทุนการดำเนินงานที่สูงขึ้น ส่งผลให้บริการต้องปรับราคาให้สูงขึ้นเพื่อรักษากำไร ขณะที่ในญี่ปุ่น การเพิ่มขึ้นของต้นทุนการจัดส่งและการแข่งขันจากผู้เล่นหลายราย ทำให้บริษัทฟู้ดเดลิเวอรี่ต้องปรับกลยุทธ์เพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาดและกำไร  การเติบโตของตลาด Food Delivery ทั่วโลก รายได้ในตลาดบริการจัดส่งอาหารออนไลน์คาดว่าจะสูงถึง 1.22 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2567 แล […]

read more
06.09.2024 121

ตลาด Sustainable Dining กับการเติบโต 6.9% ต่อปี

Sustainable Dining หรือ การรับประทานอาหารอย่างยั่งยืนหมายถึงการเลือกอาหารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มีจริยธรรมและมีความรับผิดชอบต่อสังคม แนวทางการรับประทานอาหารนี้เน้นที่การบริโภคอาหารที่ผลิตและเตรียมในลักษณะที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สนับสนุนเศรษฐกิจในท้องถิ่น การรับประทานอาหารอย่างยั่งยืนอาจเกี่ยวข้องกับแนวทางปฏิบัติต่างๆ เช่น การเลือกส่วนผสมจากแหล่งท้องถิ่นและออร์แกนิก การลดขยะอาหาร การเลือกอาหารจากพืชและการสนับสนุนร้านอาหารและธุรกิจที่ยึดมั่นในแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืน เป้าหมายหลักคือการสร้างระบบอาหารที่สามารถรักษาคนรุ่นต่อไปได้โดยไม่ทำให้ทรัพยากรธรรมชาติหมดสิ้นหรือก่อให้เกิดอันตรายต่อระบบนิเวศ โดยมูลค่าตลาดอาหารที่ยั่งยืนมีมูลค่า 1,066.2 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2023 และคาดว่าจะถึง 1,945.38 ล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2032 โดยเติบโตที่อัตรา CAGR 6.91% ตั้งแต่ปี 2024-2032 แนวโน้มเหล่านี้สะท้อนถึงการเคลื่อนไหวที่กว้างขึ้นสู่ความยั่งยืนในอุตสาหกรรมอาหาร ซึ่งขับเคลื่อนโดยความต้องการของผู้บริโภคและความจำเป็นในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม เมื่อการรับประทานอาหารที่ยั่งยืนกลายเป็นกระแสหลักมากขึ้น จึงมีศัก […]

read more
06.09.2024 125

Urban Farming การทำเกษตรในเมือง

ในขณะที่เมืองทั่วโลกขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ความจำเป็นในการหาแหล่งอาหารที่ยั่งยืนก็มีความสำคัญมากขึ้นกว่าเดิม การทำเกษตรในเมือง ซึ่งเคยเป็นเพียงแค่แนวคิดเล็กๆ กำลังกลายเป็นขบวนการที่ทรงพลังซึ่งกำลังเปลี่ยนแปลงวิธีการที่เราคิดเกี่ยวกับการผลิตอาหารและการใช้ชีวิตในเมือง โดยการเปลี่ยนหลังคาอาคาร ที่ดินว่างเปล่า หรือแม้แต่ระเบียงเล็กๆ ให้กลายเป็นพื้นที่การเกษตรที่เจริญรุ่งเรือง การทำเกษตรในเมืองเสนอโซลูชั่นใหม่สำหรับการแก้ปัญหาที่สำคัญที่สุดที่เมืองสมัยใหม่กำลังเผชิญ การทำเกษตรในเมืองคืออะไร การทำเกษตรในเมือง หรือ Urban Farming คือ การปลูกอาหารภายในสภาพแวดล้อมของเมือง โดยมักใช้พื้นที่ที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ แตกต่างจากการเกษตรแบบดั้งเดิมที่ต้องใช้พื้นดินในชนบทอย่างกว้างขวาง การทำเกษตรในเมืองสามารถผสมผสานเข้ากับพื้นที่ของเมืองได้ ซึ่งอาจหมายถึงทุกอย่างตั้งแต่สวนชุมชนในที่ดินว่าง ไปจนถึงฟาร์มแนวตั้งบนด้านข้างของอาคารหรือระบบไฮโดรโปนิกส์ในห้องใต้ดิน ประโยชน์ของการทำเกษตรในเมือง ความยั่งยืนและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การทำเกษตรในเมืองมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมความยั่งยืน การผลิตอาหารในท้องถิ่ […]

Subscription

เพื่อรับข้อมูลเกี่ยวกับความรู้เทรนด์และวิจัยต่อเนื่อง