ปรับปรุงล่าสุด 13 ธันวาคม 2566
บริษัท เบารามีซี่ แล็บ จำกัด (“บริษัท”) ยึดมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างมีจรรยาบรรณและเคารพในสิทธิความเป็นส่วนตัวของคุณ บริษัทจึงให้ความสำคัญกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อให้คุณมั่นใจว่าข้อมูลส่วนบุคคลของคุณที่บริษัทได้รับจะถูกนำไปใช้ตรงตามวัตถุประสงค์และเป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย บริษัทจึงได้กำหนดนโยบายความเป็นส่วนตัว (“นโยบาย”) ฉบับนี้ขึ้นเพื่อแจ้งให้คุณในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบถึงวัตถุประสงค์และรายละเอียดของการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ตลอดจนสิทธิต่าง ๆ ของคุณตามกฎหมาย
1.นโยบายฉบับนี้ใช้กับใครบ้างและช่องทางในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล
1.1 นโยบายฉบับนี้ใช้กับใครบ้าง
นโยบายฉบับนี้ใช้สำหรับคุณ หากคุณเป็นบุคคลประเภทใดประเภทหนึ่งหรือหลายประเภท ดังนี้
ประเภทบุคคลที่อยู่ภายใต้นโยบาย | รายละเอียดและตัวอย่าง |
1.ลูกค้าบุคคลธรรมดาของบริษัท “ลูกค้าบุคคลธรรมดา” | ลูกค้าบุคคลธรรมดาของบริษัท เช่น
|
2.บุคคลธรรมดาที่มีความเกี่ยวข้องกับองค์กรนิติบุคคลของลูกค้า หรือนิติบุคคลที่มีการทำธุรกรรมกับบริษัท “บุคลากรของนิติบุคคล” | บุคคลธรรมดาที่มีความเกี่ยวข้องกับองค์กรนิติบุคคลของลูกค้า หรือนิติบุคคลที่มีการทำธุรกรรมกับบริษัท เช่น
|
3.บุคคลธรรมดาที่มีความเกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมของบริษัทหรือลูกค้าของบริษัท | บุคคลธรรมดาที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมของบริษัทหรือลูกค้าของบริษัท เช่น
|
4.บุคคลธรรมดาทั่วไป | บุคคลธรรมดาทั่วไป เช่น
|
1.2 ช่องทางในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทอาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของคุณผ่านช่องทาง ดังต่อไปนี้
(1) ข้อมูลส่วนบุคคลที่คุณให้ไว้แก่บริษัทโดยตรง หรือให้ผ่านบริษัท หรือมีอยู่กับบริษัททั้งที่เกิดจากการใช้ผลิตภัณฑ์ และ/หรือ บริการ ติดต่อ เยี่ยมชม เข้าร่วมกิจกรรม ค้นหา ผ่านช่องทางให้บริการ และ/หรือ ช่องทางการติดต่อต่าง ๆ ของบริษัท เช่น แอปพลิเคชัน เว็บไซต์ บัญชีสื่อสังคมออนไลน์ของบริษัท จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ ศูนย์บริการลูกค้า โทรศัพท์ โทรสาร ไปรษณีย์ ข้อความสั้น (SMS) แบบสอบถาม นามบัตร การประชุม อบรม สัมมนา งานอีเว้นท์ สันทนาการ กิจกรรมส่งเสริมทางการตลาด การพบปะ หรือช่องทางอื่นใด
(2) ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทได้รับหรือเข้าถึงได้จากแหล่งอื่น เช่น หน่วยงานของรัฐ บริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินธนาคารกสิกรไทย ธนาคารหรือสถาบันการเงินอื่น ผู้ให้บริการทางการเงินและผู้ให้บริการอื่น ๆ ของบริษัท พันธมิตรทางธุรกิจและผู้ให้บริการของพันธมิตรทางธุรกิจ บริษัทข้อมูลเครดิต ผู้ให้บริการข้อมูล ลูกค้าของบริษัท บุคคลหรือนิติบุคคลที่มาทำธุรกรรมกับบริษัท (ในฐานะที่คุณเป็นบุคคลธรรมดาที่มีความเกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมดังกล่าวตามที่ได้กล่าวไว้แล้วข้างต้น) สื่อสังคมออนไลน์ แพลตฟอร์มออนไลน์ของบุคคลภายนอก แหล่งข้อมูลสาธารณะ ผู้มีอำนาจหรือมีสิทธิตามกฎหมาย บุคคลหรือหน่วยงานอื่นใดที่บริษัทมีนิติสัมพันธ์ด้วย เป็นต้น
2.ข้อมูลส่วนบุคคลอะไรบ้างที่บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผย
2.1 ข้อมูลส่วนบุคคลหมายถึง ข้อมูลที่ทำให้สามารถระบุตัวตนของคุณได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ดังนี้
2.1.1 บุคคลธรรมดา คือ ลูกค้าบุคคลธรรมดา บุคคลธรรมดาที่มีความเกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมของบริษัทหรือลูกค้าของบริษัท และบุคคลธรรมดาทั่วไป
ประเภทของข้อมูล | ตัวอย่างข้อมูลที่บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผย |
ข้อมูลส่วนตัว |
|
ข้อมูลเพื่อการติดต่อ |
|
ข้อมูลการศึกษาและการทำงาน |
|
ข้อมูลทางการเงินและการทำธุรกรรม |
|
ข้อมูลการยืนยันตัวตน |
|
ข้อมูลทางเทคนิค อุปกรณ์หรือเครื่องมือ |
|
ข้อมูลอื่น ๆ |
|
2.1.2 บุคลากรของนิติบุคคล คือ บุคคลธรรมดาที่มีความเกี่ยวข้องกับองค์กรนิติบุคคลของลูกค้า หรือนิติบุคคลที่มีการทำธุรกรรมกับบริษัท
ประเภทของข้อมูล | ตัวอย่างข้อมูลที่บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผย |
ข้อมูลส่วนตัว |
|
ข้อมูลเพื่อการติดต่อ |
|
ข้อมูลการทำงาน |
|
ข้อมูลที่ปรากฎในเอกสารประกอบการทำธุรกรรม |
|
ข้อมูลอื่น ๆ |
|
2.2 ข้อมูลส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อน (Sensitive Personal Data)
ข้อมูลส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อน หมายถึง ข้อมูลส่วนบุคคลที่กฎหมายกำหนดเป็นการเฉพาะ โดยบริษัทไม่มีเจตนาในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อนจากคุณ หากบริษัททราบว่าบริษัทได้เก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อน โดยปราศจากความยินยอมโดยชัดแจ้งจากคุณ และไม่สามารถอาศัยฐานทางกฎหมายอื่นได้ บริษัทจะดำเนินการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลนั้น(ต่อไปในนโยบายฉบับนี้หากไม่กล่าวโดยเฉพาะเจาะจงจะเรียกข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อนข้างต้น รวมกันว่า (“ข้อมูลส่วนบุคคล”)
2.3 ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เยาว์ คนไร้ความสามารถ หรือคนเสมือนไร้ความสามารถ
บริษัทไม่มีเจตนาที่จะเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เยาว์ คนไร้ความสามารถ หรือคนเสมือนไร้ความสามารถ เว้นแต่บริษัทจะได้รับความยินยอมจากผู้ใช้อำนาจปกครอง ผู้อนุบาล ผู้พิทักษ์ หรือการใด ๆ ซึ่งผู้เยาว์อาจให้ความยินยอมโดยลำพังได้ตามกฎหมาย (แล้วแต่กรณี) และ/หรือดำเนินการภายใต้ฐานทางกฎหมายอื่น ๆ หากบริษัททราบว่าบริษัทได้เก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เยาว์ คนไร้ความสามารถ หรือคนเสมือนไร้ความสามารถ โดยปราศจากความยินยอมของผู้ใช้อำนาจปกครอง ผู้อนุบาล ผู้พิทักษ์ หรือผู้เยาว์ที่อาจให้ความยินยอมโดยลำพังได้ตามกฎหมาย (แล้วแต่กรณี) และไม่สามารถอาศัยฐานทางกฎหมายอื่นได้ บริษัทจะดำเนินการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลนั้น
2.4 ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลที่สามอื่นใด
หากคุณเป็นผู้ให้ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลที่สามอื่นใด ซึ่งเป็นบุคลากรของนิติบุคคล และ/หรือ ที่เกี่ยวข้องกับคุณแก่บริษัท เช่น ผู้ถือหุ้น กรรมการ ผู้มีอำนาจกระทำการแทน บุคคลในครอบครัว บุคคลอ้างอิง คู่ค้า และ/หรือ บุคคลอื่นใดตามเอกสารการทำธุรกรรมของคุณ เป็นต้น คุณรับรองและรับประกันว่าได้แจ้งให้บุคคลเหล่านั้นทราบเกี่ยวกับรายละเอียดตามนโยบายฉบับนี้ และขอความยินยอมจากบุคคลเหล่านั้นหากจำเป็น หรือสามารถอาศัยฐานทางกฎหมายอื่นเพื่อให้แน่ใจว่าบริษัทสามารถเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลที่สามเหล่านี้ได้
3.บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของคุณ เพื่อวัตถุประสงค์ใดบ้าง
บริษัทจะเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของคุณเท่าที่จำเป็นภายใต้วัตถุประสงค์อันชอบด้วยกฎหมายของบริษัท ซึ่งรวมถึงการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อดำเนินการตามความยินยอมของคุณ เพื่อการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งคุณเป็นคู่สัญญา เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย เพื่อการจำเป็นในการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย และ/หรือ เพื่อดำเนินการภายใต้ฐานทางกฎหมายอื่น ๆ โดยวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามนโยบายฉบับนี้ มีดังนี้
ทั้งนี้ วัตถุประสงค์บางประเภทดังต่อไปนี้อาจใช้บังคับกับบางคุณและอาจไม่ใช้บังคับกับบางคุณ โปรดพิจารณาลักษณะวัตถุประสงค์ตามความสัมพันธ์ระหว่างคุณและบริษัท เป็นรายกรณีไป
3.1 วัตถุประสงค์ที่อาศัยความยินยอม
บริษัทจะเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของคุณโดยอาศัยฐานความยินยอม สำหรับวัตถุประสงค์ ดังต่อไปนี้
3.1.1 การวิเคราะห์ วิจัย ทำสถิติและพัฒนา ปรับปรุงผลิตภัณฑ์ และ/หรือ บริการของบริษัท บริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินธนาคารกสิกรไทย พันธมิตรทางธุรกิจ และ/หรือนิติบุคคลอื่น ที่ต้องอาศัยความยินยอมจากคุณตามกฎหมาย
3.1.2 การดำเนินการทางการตลาด การนำส่งข้อเสนอผลิตภัณฑ์ และ/หรือ บริการ สิทธิพิเศษในการเข้าร่วมกิจกรรมที่บริษัท บริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินธนาคารกสิกรไทย พันธมิตรทางธุรกิจ และ/หรือนิติบุคคลอื่นจัดขึ้น รวมถึงข่าวสาร คำแนะนำที่เป็นประโยชน์และโปรโมชันที่คัดสรรอย่างเหมาะสม และการออกกลยุทธ์ทางการตลาดที่ต้องอาศัยความยินยอมจากคุณตามกฎหมาย
3.1.3 การแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคลระหว่างบริษัทกับบริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินธนาคารกสิกรไทย และ/หรือ พันธมิตรทางธุรกิจ (กล่าวคือ บมจ. ธนาคารกสิกรไทย และผู้ขายสินค้าตามโครงการสินเชื่อเพื่อผู้ซื้อสินค้ารายย่อย) โดยบริษัทอาจมีความจำเป็นต้องเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของคุณผ่านทางบริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินธนาคารกสิกรไทย และ/หรือ พันธมิตรทางธุรกิจดังกล่าว เพื่อวัตถุประสงค์ในการพิสูจน์และยืนยันตัวตน การพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ การตรวจสอบสถานะ และการทำธุรกรรมตามโครงการสินเชื่อเพื่อผู้ซื้อสินค้ารายย่อย การติดตามทวงถามหนี้ การพัฒนาและจัดทำแบบจำลอง การพิจารณาให้ผลิตภัณฑ์หรือบริการใด ๆ การพัฒนาและปรับปรุงผลิตภัณฑ์ของบริษัท รวมทั้งการดำเนินการอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับโครงการสินเชื่อเพื่อผู้ซื้อสินค้ารายย่อย
นอกจากนี้ บริษัทยังอาจจำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของคุณให้แก่บริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินธนาคารกสิกรไทย และ/หรือ พันธมิตรทางธุรกิจดังกล่าว เพื่อวัตถุประสงค์ในการพิจารณาให้ผลิตภัณฑ์หรือบริการใด ๆ จาก บมจ. ธนาคารกสิกรไทย และ/หรือ บริษัทอื่น ๆ ในกลุ่มธุรกิจทางการเงินธนาคารกสิกรไทย และผู้ขายสินค้า ตลอดจน การตรวจสอบสถานะและการทำธุรกรรมตามโครงการสินเชื่อเพื่อผู้ซื้อสินค้ารายย่อย การติดตามทวงถามหนี้ การพัฒนาและจัดทำแบบจำลอง การพัฒนาและปรับปรุงผลิตภัณฑ์ ของ บมจ. ธนาคารกสิกรไทย และ/หรือ บริษัทอื่น ๆ ในกลุ่มธุรกิจทางการเงินธนาคารกสิกรไทย และผู้ขายสินค้า
ทั้งนี้ บริษัทอาจขอความยินยอมโดยตรงจากคุณหรือผ่านบริษัทอื่นในกลุ่มธุรกิจทางการเงินของบริษัท พันธมิตรทางธุรกิจ และ/หรือ นิติบุคคลอื่น โดยดำเนินการขอความยินยอมตามที่จำเป็นเป็นคราว ๆ ไป โดยในกรณีที่คุณได้ให้ความยินยอมให้บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของคุณ คุณมีสิทธิที่จะถอนความยินยอมเมื่อใดก็ได้ ทั้งนี้ ภายใต้หลักเกณฑ์และข้อยกเว้นตามที่กฎหมายที่ใช้บังคับกำหนด โดยติดต่อมายังบริษัทตามรายละเอียดที่ระบุในข้อ 11 (คุณจะติดต่อบริษัท และเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลได้อย่างไร)
คุณสามารถศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับสิทธิขอถอนความยินยอมได้ในข้อ 9 (สิทธิของคุณเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลมีอะไรบ้าง)
3.2 วัตถุประสงค์ที่อาศัยฐานทางกฎหมายอื่น นอกเหนือจากความยินยอม
บริษัทจะเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของคุณโดยอาศัยฐานทางกฎหมายอื่น ๆ เท่าที่จำเป็นภายใต้วัตถุประสงค์อันชอบด้วยกฎหมายของบริษัท เช่น เพื่อการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งคุณเป็นคู่สัญญาหรือตามที่คุณร้องขอ เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย เพื่อการจำเป็นในการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย และ/หรือ เพื่อดำเนินการภายใต้ฐานทางกฎหมายอื่น ๆ สำหรับวัตถุประสงค์ ดังต่อไปนี้
3.2.1 การดำเนินการก่อนเข้าทำสัญญากับบริษัท เช่น การให้คำปรึกษา คำแนะนำ และ/หรือ ข้อมูลอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ และ/หรือ บริการ การวิเคราะห์และประเมินความต้องการของลูกค้า การตรวจสอบคุณสมบัติ การตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลหรือเอกสาร การพิสูจน์และยืนยันตัวบุคคล การตรวจสอบข้อมูลเครดิต และ/หรือ การขอแก้ไขข้อมูลเครดิต การตรวจสอบกับรายชื่อบุคคลที่ถูกกำหนด (Sanction List) ของหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของรัฐและ/หรือหน่วยงานทางการซึ่งเปิดเผยเป็นการทั่วไปตามที่กฎหมายกำหนด การตรวจสอบการถูกพิทักษ์ทรัพย์หรือความเป็นบุคคลล้มละลาย การจัดระดับความเสี่ยงลูกค้า การ pre – fill ข้อมูลส่วนตัว/ข้อมูลเพื่อการติดต่อของลูกค้าเพื่อการอำนวยความสะดวกในการสมัครผลิตภัณฑ์ และ/หรือ บริการของบริษัท
3.2.2 การดำเนินการใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพิจารณาให้ผลิตภัณฑ์ และ/หรือบริการต่าง ๆ เช่น การติดต่อสื่อสาร การรับส่งเอกสารหรือพัสดุ การประมวลผลคำขอและการดำเนินการตามกระบวนการพิจารณาอนุมัติคำขอ การกำหนดวงเงินสินเชื่อ การเข้าทำสัญญา ข้อตกลง และ/หรือ นิติกรรมอื่นใดที่เกี่ยวข้อง การลงทะเบียนใช้ผลิตภัณฑ์ บริการ และ/หรือ เพื่อเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ของบริษัท
3.2.3 การส่งมอบผลิตภัณฑ์ และ/หรือ บริการต่าง ๆ ตามสัญญาที่คุณได้ทำไว้กับบริษัท เช่น
- การเบิกรับเงินกู้ยืม และการดำเนินการใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการให้ใช้ผลิตภัณฑ์ และ/หรือ บริการ (เช่น การเปลี่ยนแปลงข้อมูล การจัดเตรียมเอกสารเพื่อประกอบการทำธุรกรรม)
- การตรวจสอบ ยืนยัน และปรับปรุงรายการธุรกรรม
- การมอบสิทธิประโยชน์ และการดำเนินการให้เป็นไปตามสิทธิประโยชน์ของลูกค้า
- การจัดการความสัมพันธ์ลูกค้า การดำเนินธุรกรรมหลังการขาย การอำนวยความสะดวกลูกค้า และ/หรือ การจัดการด้านการสมนาคุณลูกค้า
- การให้คำปรึกษาหรือแนวทางการจัดการความเสี่ยง
- การจัดการข้อร้องเรียน แก้ไขปัญหา การดำเนินการตามคำขอลูกค้า
- การรับชำระเงิน
- การติดตามการปฏิบัติตามเงื่อนไขการใช้ผลิตภัณฑ์ และ/หรือ บริการ การยกเลิกการบริการ
3.2.4 การดำเนินการทางการตลาดที่ไม่ต้องอาศัยความยินยอมจากคุณตามกฎหมาย เช่น
- การพิจารณากลุ่มลูกค้าเพื่อการนำส่งคำเชิญเข้าร่วมกิจกรรม หรือการส่งเสริมการขายตามความเหมาะสม
- การนำส่งข้อเสนอผลิตภัณฑ์ และ/หรือ บริการ สิทธิพิเศษในการเข้าร่วมกิจกรรม งานอีเว้นท์ หรือการประชุมที่บริษัทจัดขึ้น รวมถึงการอำนวยความสะดวกในการเข้าร่วมกิจกรรม (เช่น การลงทะเบียนเข้างาน)
- การนำเสนอผลิตภัณฑ์ บริการ และ/หรือ สิทธิพิเศษที่คุณร้องขอ หรือการแจ้งสิทธิประโยชน์ของคุณ
- การนำเสนอผลิตภัณฑ์ และ/หรือ บริการประเภทเดียวกัน/ใกล้เคียงกับที่คุณมีอยู่กับบริษัท หรือบริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินธนาคารกสิกรไทย
- การติดต่อในกรณีที่คุณยังสมัครใช้ผลิตภัณฑ์ และ/หรือ บริการไม่สำเร็จ (drop – off) เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่คุณในกรณีที่คุณต้องการสมัครใช้ผลิตภัณฑ์ และ/หรือ บริการนั้น ๆ กับบริษัทอีก หรือนำเสนอผลิตภัณฑ์ และ/หรือบริการอื่นที่น่าจะอยู่ในความสนใจของคุณ
- การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย (เช่น การให้สิทธิประโยชน์และของรางวัล)
3.2.5 การวิเคราะห์ วิจัย และ/หรือ จัดทำข้อมูลทางสถิติที่ไม่ต้องอาศัยความยินยอมจากคุณตามกฎหมาย เพื่อใช้ในการพัฒนา ปรับปรุงผลิตภัณฑ์ และ/หรือ บริการภายในบริษัทเอง เช่น
- การวิเคราะห์ วิจัย วิจัยการตลาด จัดทำข้อมูลทางสถิติ การวิเคราะห์ข้อมูลทางการเงินของคุณ และ/หรือ การจัดทำรายงานสำหรับการใช้ภายในบริษัท การพัฒนา ปรับปรุงผลิตภัณฑ์ และ/หรือ บริการของบริษัท บริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินธนาคารกสิกรไทย พันธมิตรทางธุรกิจ และ/หรือนิติบุคคลอื่น
- การวิเคราะห์ จัดทำแบบจำลอง (เช่น การทำ Credit Scoring)
3.2.6 การดำเนินงานอื่น ๆ ของบริษัท เช่น
- การบริหารจัดการ การบริหารความเสี่ยง การกำกับตรวจสอบภายในบริษัท
- การรักษาประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมาย
- การจัดทำฐานข้อมูลลูกค้า หรือการเก็บบันทึกข้อมูลลงระบบหรือฐานข้อมูล
- การพิจารณาทบทวนคุณภาพเครดิตลูกค้า
- การแจ้งเตือนชำระหนี้ และ/หรือ บริการต่าง ๆ
- การติดตามทวงถามหนี้
- การสำรวจและประเมินความพึงพอใจภายหลังใช้ผลิตภัณฑ์ และ/หรือ บริการ
- การดำเนินคดีหรือกระบวนการทางกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
- การร่วมงาน การประสานงาน และ/หรือ การมอบหมายงานให้ผู้อื่นดำเนินการแทนหรือร่วมกับบริษัท (เช่น เพื่อการออกแบบผลิตภัณฑ์หรือบริการ ออกแบบประสบการณ์การให้บริการลูกค้า ออกแบบกระบวนการ หรือการสนับสนุนการส่งมอบผลิตภัณฑ์ และ/หรือ บริการ)
- การโอนสิทธิ และ/หรือ หน้าที่ การบริหารกิจการของบริษัทและบริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินธนาคารกสิกรไทย
- การใช้กล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) การควบคุมการเข้า – ออกสถานที่ทำการของบริษัท
- การจัดการเรื่องร้องเรียน หรือการจัดการเหตุการณ์กระทำผิดต่อกฎหมาย หรือเหตุการณ์ต้องสงสัย (เช่น การทุจริต การฟอกเงิน การก่อการร้ายและแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง การก่ออาชญากรรม การละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งรวมถึง การวางแผนการจัดการ การตรวจสอบ การเฝ้าระวัง การเก็บหลักฐาน การรายงาน และ/หรือ การดำเนินการตรวจจับ)
- การป้องกันและประเมินความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการให้สินเชื่อ
- การทำฐานข้อมูลด้านความเสี่ยงทางธุรกิจต่อบริษัท
- การดำเนินการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ การจัดการระบบสื่อสาร และการป้องกัน รับมือ ลดความเสี่ยงด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและภัยคุกคามทางไซเบอร์
3.2.7 การปฏิบัติตามคำสั่งของผู้มีอำนาจตามกฎหมาย และ/หรือ การปฏิบัติตามกฎหมายเช่น
การปฏิบัติตามคำสั่งศาล คำสั่งของหน่วยงานรัฐ หน่วยงานที่มีอำนาจกำกับดูแลบริษัท เจ้าพนักงานของรัฐที่มีอำนาจตามกฎหมาย ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ทั้งที่ใช้บังคับอยู่แล้วในขณะนี้ ที่จะแก้ไขเพิ่มเติม หรือที่จะมีขึ้นต่อไปในอนาคต ซึ่งบริษัทจำเป็นต้องปฏิบัติตาม
3.2.8 การป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล
3.2.9 การจัดทำเอกสารประวัติศาสตร์หรือจดหมายเหตุเพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือที่เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยหรือสถิติ
3.2.10 การดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของบริษัท หรือการปฏิบัติหน้าที่ในการใช้อำนาจรัฐที่ได้มอบให้แก่บริษัท
3.2.11 การจำเป็นเพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย
ทั้งนี้ หากบริษัทจำเป็นต้องเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลจากคุณสำหรับการเข้าทำหรือการปฏิบัติตามสัญญาที่คุณได้ทำไว้กับบริษัท และ/หรือ การปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายของบริษัท และคุณไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่จำเป็นเหล่านั้นแก่บริษัทเมื่อมีการร้องขอ หรือกรณีที่คุณเลือกที่จะลบบัญชีผู้ใช้งานของคุณออกจากแอปพลิเคชันที่ให้บริการของบริษัท บริษัทอาจจะไม่สามารถพิจารณาอนุมัติ หรือส่งมอบ/จัดหา ผลิตภัณฑ์ และ/หรือ บริการบางส่วนหรือทั้งหมดให้แก่คุณได้ ตลอดจนอาจส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายของบริษัท หรือความสัมพันธ์ระหว่างคุณและบริษัทได้
4.บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของคุณให้ใครบ้าง
บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของคุณให้แก่ผู้อื่นภายใต้ความยินยอมของคุณหรือภายใต้หลักเกณฑ์ที่กฎหมายอนุญาตให้เปิดเผยได้ และขอบเขตที่เกี่ยวข้องในนโยบายฉบับนี้ โดยในบางกรณี คุณอาจอยู่ภายใต้นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของผู้รับข้อมูลส่วนบุคคลของคุณเหล่านั้นอีกด้วย โดยที่ผู้รับข้อมูลส่วนบุคคลของคุณอาจอยู่ในประเทศไทยหรือต่างประเทศ
โดยบริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของคุณให้แก่บุคคลหรือหน่วยงานต่าง ๆ ตามแต่ความสัมพันธ์และการทำธุรกรรมของคุณ ดังต่อไปนี้
ประเภทผู้รับข้อมูลส่วนบุคคล | รายละเอียด |
บริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินธนาคารกสิกรไทย | บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของคุณให้แก่บริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินธนาคารกสิกรไทย ซึ่งรวมถึง บมจ. ธนาคารกสิกรไทย ตามความยินยอมของคุณและ/หรือเพื่อวัตถุประสงค์ที่กำหนดภายใต้นโยบายฉบับนี้ ท่านสามารถดูนโยบายความเป็นส่วนตัวของบมจ. ธนาคารกสิกรไทย ซึ่งอธิบายว่า บมจ. ธนาคารกสิกรไทย เก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของคุณอย่างไร โดยไปที่ https://www.kasikornbank.com/financial-conglomerate |
ผู้ให้บริการของบริษัท | บริษัทอาจใช้บริษัทอื่น คู่ค้า ตัวแทนของบริษัท ผู้รับจ้างช่วงงานต่อ หรือผู้ให้บริการภายนอกเพื่อประกอบธุรกิจแทนบริษัท หรือเพื่อช่วยสนับสนุนการให้ผลิตภัณฑ์ และ/หรือ บริการของบริษัทแก่คุณ ด้วยเหตุนี้ บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของคุณให้แก่ผู้ให้บริการของบริษัท ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง
|
พันธมิตรทางธุรกิจของบริษัท | บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของคุณให้พันธมิตรทางธุรกิจของบริษัท เช่น ผู้ขายสินค้าตามโครงการสินเชื่อเพื่อผู้ซื้อสินค้ารายย่อย ทั้งนี้ กรณีเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของคุณให้พันธมิตรทางธุรกิจเพื่อวัตถุประสงค์ทางการตลาดของพันธมิตรทางธุรกิจ เช่น เพื่อการส่งเสริมการขาย การประชาสัมพันธ์ หรือการเสนอผลิตภัณฑ์ และ/หรือ บริการจากพันธมิตรทางธุรกิจให้แก่คุณ บริษัทจะแจ้งรายชื่อพันธมิตรทางธุรกิจให้คุณทราบเพื่อประกอบการตัดสินใจให้ความยินยอม |
บุคคลตามที่กฎหมายกำหนด | ในบางกรณี บริษัทมีความจำเป็นในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของคุณเพื่อการปฏิบัติตามคำสั่งของผู้มีอำนาจหรือมีสิทธิตามกฎหมาย และ/หรือ การปฏิบัติตามกฎหมาย ซึ่งผู้รับข้อมูลส่วนบุคคลของคุณรวมถึง
|
ที่ปรึกษา/ผู้เชี่ยวชาญ | เพื่อประโยชน์ในการดำเนินธุรกิจของบริษัท บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของคุณไปยัง
ที่ปรึกษาหรือผู้เชี่ยวชาญอื่น ๆ ตามแต่กรณี |
ผู้สนใจจะเข้ารับโอนสิทธิ และ/หรือ ผู้รับโอนสิทธิในธุรกรรมหรือการควบรวมกิจการต่าง ๆ ของบริษัท | ในกรณีที่บริษัทมีการปรับปรุงโครงสร้างองค์กร ปรับโครงสร้างหนี้ การควบรวมกิจการ การได้มาซึ่งกิจการ การโอนสิทธิ การเลิกกิจการ หรือเหตุการณ์อื่นใดในลักษณะเดียวกันนั้น บริษัทอาจมีความจำเป็นในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของคุณไปยัง
|
บุคคลที่สามอื่นใด | บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของคุณไปยังบุคคลที่สามอื่นใด เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ระบุในนโยบายฉบับนี้ บุคคลที่สามอื่นใดที่รับข้อมูลส่วนบุคคลของคุณ อาจรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง
สาธารณะหรือบุคคลทั่วไป |
5.บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของคุณไปยังต่างประเทศหรือไม่
บริษัทอาจมีความจำเป็นต้องส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของคุณไปยังบริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินธนาคารกสิกรไทยที่อยู่ต่างประเทศ หรือไปยังผู้รับข้อมูลอื่นซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินธุรกิจตามปกติของบริษัท เช่น การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปเก็บไว้บนแพลตฟอร์มคลาวด์หรือเซิร์ฟเวอร์ที่ตั้งอยู่ในต่างประเทศ ผู้ให้บริการสื่อสังคมออนไลน์ หน่วยงานภาครัฐในต่างประเทศ เป็นต้น
กรณีที่ประเทศปลายทางมีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่เพียงพอ บริษัทจะดูแลให้มั่นใจว่าการส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด และจะดำเนินการให้มีมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เห็นว่าจำเป็นและเหมาะสมสอดคล้องกับมาตรฐานการรักษาความลับ เช่น มีข้อตกลงกับผู้รับข้อมูลในประเทศดังกล่าวเพื่อยืนยันว่าข้อมูลส่วนบุคคลของคุณจะได้รับการคุ้มครองภายใต้มาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เทียบเท่ากับประเทศไทย หรือในกรณีที่ผู้รับข้อมูลเป็นบริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินธนาคารกสิกรไทย บริษัทอาจเลือกใช้วิธีการดำเนินการให้มีนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของกลุ่มธุรกิจทางการเงิน (Binding Corporate Rules) ที่ได้รับการตรวจสอบและรับรองจากผู้มีอำนาจตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องและจะดำเนินการให้การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังบริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินธนาคารกสิกรไทยที่อยู่ต่างประเทศเป็นไปตามนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวก็ได้
6.การใช้งานคุกกี้ และ/หรือ เทคโนโลยีที่มีลักษณะใกล้เคียงกัน
บริษัทอาจเก็บรวบรวมและใช้งานคุกกี้ และ/หรือ เทคโนโลยีอื่นใดที่มีลักษณะใกล้เคียงกัน เมื่อคุณมีการใช้งานแอปพลิเคชัน และ/หรือ เว็บไซต์ของบริษัท รวมถึงการทำธุรกรรม การใช้ผลิตภัณฑ์ และ/หรือ บริการของบริษัทผ่านช่องทางดิจิทัลและเครือข่ายอินเทอร์เน็ต การเก็บรวบรวมคุกกี้ และ/หรือ การใช้งานเทคโนโลยีอื่นใดที่มีลักษณะใกล้เคียงกัน จะช่วยให้บริษัทสามารถจดจำการใช้งานและความชื่นชอบของคุณ รวมถึงการวิเคราะห์ความสนใจของคุณเพื่อปรับปรุงและพัฒนาประสิทธิภาพการทำงานของแอปพลิเคชัน และ/หรือ เว็บไซต์ของบริษัท ให้ตอบสนองต่อความต้องการและการใช้งานของคุณ เพื่อให้คุณได้รับได้รับประสบการณ์ที่ดีจากการใช้งานแอปพลิเคชัน และ/หรือ เว็บไซต์ของบริษัท
นอกจากนี้ บริษัทอาจมีการเปิดเผยข้อมูลที่ไม่ระบุตัวตนของคุณแก่ผู้ให้บริการวิเคราะห์ข้อมูล เช่น Google ทั้งในและต่างประเทศ โดย Google จะมีการใช้เทคโนโลยีและเครื่องมือเพื่อช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูล เช่น คุกกี้ และ/หรือ Software Development Kit (SDK) ในการติดตามและจัดทำรายงานการวิเคราะห์ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมการใช้งานของคุณบนแอปพลิเคชัน และ/หรือ เว็บไซต์ของบริษัท ทั้งนี้ คุณสามารถศึกษารายละเอียดการวิเคราะห์ข้อมูลของ Google ได้ที่หัวข้อ “How Google uses data when you use our partner’s sites or apps” ที่ www.google.com/policies/privacy/partners หรือ URL อื่นตามที่ Google กำหนด
7.บริษัทจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของคุณไว้นานเท่าใด
บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของคุณในระหว่างที่คุณเป็นลูกค้า หรือมีความสัมพันธ์อยู่กับบริษัท หรือตามระยะเวลาที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องในนโยบายฉบับนี้ และเมื่อคุณสิ้นสุดความสัมพันธ์กับบริษัท บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของคุณไว้ต่อไปภายหลังจากนั้นตามระยะเวลาที่จำเป็นตามอายุความ หรือระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดหรืออนุญาตไว้ เช่น
- จัดเก็บไว้ตามกฎหมายป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน 5 – 10 ปีนับแต่ยุติความสัมพันธ์ตามแต่กรณี
- จัดเก็บไว้ตามกฎหมายธุรกิจสถาบันการเงิน กฎหมายการบัญชี กฎหมายภาษีอากร 10 ปีนับแต่ยุติความสัมพันธ์
ทั้งนี้ บริษัทจะมีการดำเนินการในขั้นตอนที่เหมาะสม เพื่อทำการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล หรือทำให้เป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุถึงตัวตนของคุณได้เมื่อหมดความจำเป็นหรือสิ้นสุดระยะเวลาดังกล่าว
8.บริษัทคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของคุณอย่างไร
บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของคุณไว้เป็นอย่างดีตามมาตรการเชิงเทคนิค (Technical Safeguard) มาตรการเชิงบริหารจัดการ (Administrative Safeguard) และมาตรการป้องกันทางกายภาพ (Physical Safeguard) เพื่อธำรงไว้ซึ่งความลับ ความถูกต้องครบถ้วน สภาพความพร้อมใช้งานของข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อป้องกันการเข้าถึง เก็บรวบรวม เปลี่ยนแปลง แก้ไข ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากอำนาจหรือโดยมิชอบ ทั้งนี้เป็นไปตามที่กฎหมายที่ใช้บังคับกำหนด
บริษัทได้จัดให้มีมาตรการที่เหมาะสมเพื่อป้องกันการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล โดยบริษัทได้กำหนดนโยบาย ระเบียบ และหลักเกณฑ์ในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เช่น มาตรการควบคุมการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลและการใช้งานอุปกรณ์สำหรับการจัดเก็บและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ปลอดภัยและเหมาะสม การจำกัดการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล การกำหนดสิทธิการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งาน สิทธิในการอนุญาตให้พนักงานที่ได้รับมอบหมายให้เข้าถึงข้อมูล และหน้าที่ความรับผิดชอบของผู้ใช้งาน เพื่อป้องกันการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล การเปิดเผย การล่วงรู้ หรือการลักลอบทำสำเนาข้อมูลส่วนบุคคล หรือการลักขโมยอุปกรณ์จัดเก็บหรือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยจัดให้มีมาตรการสำหรับการตรวจสอบย้อนหลังเกี่ยวกับการเข้าถึง เปลี่ยนแปลง ลบ หรือถ่ายโอนข้อมูลส่วนบุคคลที่สอดคล้องเหมาะสมกับวิธีการและเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงการตรวจสอบเพื่อประเมินประสิทธิผลของการปฏิบัติตามนโยบาย ระเบียบ และหลักเกณฑ์ในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
นอกจากนี้ ผู้บริหาร พนักงาน ลูกจ้าง ผู้รับจ้าง ตัวแทน ที่ปรึกษา และผู้รับข้อมูลจากบริษัทมีหน้าที่ต้องรักษาความลับข้อมูลส่วนบุคคลตามมาตรการรักษาความลับที่บริษัทกำหนดขึ้น
9.สิทธิของคุณเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลมีอะไรบ้าง
สิทธิของคุณในข้อนี้เป็นสิทธิตามกฎหมายที่คุณควรทราบ โดยคุณสามารถขอใช้สิทธิต่าง ๆ ได้ภายใต้ข้อกำหนดของกฎหมาย และนโยบายที่กำหนดไว้ในขณะนี้หรือที่จะมีการแก้ไขเพิ่มเติมในอนาคต ตลอดจนหลักเกณฑ์ตามที่บริษัทกำหนดขึ้น และในกรณีคุณมีอายุไม่ครบ 20 ปีบริบูรณ์ หรือถูกจำกัดความสามารถในการทำนิติกรรมตามกฎหมาย คุณสามารถขอใช้สิทธิโดยให้บิดาและ/หรือมารดา ผู้ใช้อำนาจปกครอง หรือมีผู้อำนาจกระทำการแทนเป็นผู้แจ้งความประสงค์
9.1 สิทธิขอถอนความยินยอม: หากคุณได้ให้ความยินยอมให้บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของคุณ คุณมีสิทธิที่จะถอนความยินยอมเมื่อใดก็ได้ตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลของคุณอยู่กับบริษัท เว้นแต่มีข้อจำกัดสิทธินั้นโดยกฎหมายหรือมีสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่คุณอยู่ โดยการถอนความยินยอมของคุณจะไม่ส่งผลกระทบต่อการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของคุณที่ได้กระทำขึ้นก่อนการถอนความยินยอม
ทั้งนี้ การถอนความยินยอมของคุณในส่วนที่เกี่ยวข้องและจำเป็นกับการขอรับบริการ อาจส่งผลให้บริษัทไม่สามารถปฏิบัติตามสัญญาหรือให้บริการกับคุณได้ หรืออาจส่งผลให้ธุรกรรมหรือกิจกรรมอื่นใดที่เกี่ยวข้องถูกระงับ หรือหยุดลงชั่วคราว หรืออาจส่งผลกระทบต่อคุณในการรับทราบเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ และ/หรือ บริการต่าง ๆ เช่น คุณจะไม่ได้รับข้อเสนอผลิตภัณฑ์ และ/หรือ บริการ สิทธิประโยชน์ โปรโมชั่นหรือข้อเสนอใหม่ ๆ ไม่ได้รับผลิตภัณฑ์ และ/หรือ บริการที่ถูกใจมากยิ่งขึ้นและสอดคล้องหรือตรงตามความต้องการของคุณ หรือไม่ได้รับข้อมูลข่าวสาร คำแนะนำอันเป็นประโยชน์แก่คุณ เป็นต้น เพื่อประโยชน์ของคุณ จึงควรศึกษาและสอบถามถึงผลกระทบก่อนถอนความยินยอม
9.2 สิทธิขอเข้าถึงข้อมูล: คุณมีสิทธิขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของคุณที่อยู่ในความรับผิดชอบของบริษัท และขอให้บริษัททำสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวให้แก่คุณ รวมถึงขอให้บริษัทเปิดเผยว่าบริษัทได้ข้อมูลส่วนบุคคลของคุณมาได้อย่างไร
9.3 สิทธิขอถ่ายโอนข้อมูล: คุณมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลของคุณในกรณีที่บริษัทได้จัดทำข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอยู่ในรูปแบบให้สามารถอ่านหรือใช้งานได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติ และสามารถใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ รวมทั้งมีสิทธิขอให้บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของคุณในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นเมื่อสามารถทำได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ และมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นโดยตรง เว้นแต่ไม่สามารถดำเนินการได้เพราะเหตุทางเทคนิค
ทั้งนี้ ข้อมูลส่วนบุคคลของคุณข้างต้นต้องเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่คุณได้ให้ความยินยอมแก่บริษัทในการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผย หรือเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทจำเป็นต้องเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยเพื่อให้คุณสามารถใช้ผลิตภัณฑ์ และ/หรือ บริการของบริษัทได้ตามความประสงค์ซึ่งคุณเป็นคู่สัญญาอยู่กับบริษัท หรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของคุณก่อนใช้ผลิตภัณฑ์ และ/หรือ บริการของบริษัท หรือเป็นข้อมูลส่วนบุคคลอื่นตามที่ผู้มีอำนาจตามกฎหมายกำหนด
9.4 สิทธิขอคัดค้าน: คุณมีสิทธิขอคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของคุณในเวลาใดก็ได้ หากการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของคุณที่ทำขึ้นเพื่อการดำเนินงานที่จำเป็นภายใต้ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท หรือของบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น หรือเพื่อดำเนินการตามภารกิจเพื่อสาธารณประโยชน์ หากคุณยื่นคัดค้าน บริษัทจะยังคงดำเนินการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของคุณต่อไปเฉพาะที่บริษัทสามารถแสดงเหตุผลตามกฎหมายได้ว่ามีความสำคัญยิ่งกว่า หรือเป็นไปเพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย ตามแต่ละกรณี
นอกจากนี้ คุณยังมีสิทธิขอคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของคุณที่ทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการตลาดแบบตรง หรือเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ หรือสถิติได้อีกด้วย
9.5 สิทธิขอให้ลบหรือทำลายข้อมูล: คุณมีสิทธิขอลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของคุณ หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวคุณได้ หากคุณเชื่อว่าข้อมูลส่วนบุคคลของคุณถูกเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หรือเห็นว่าบริษัทหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องในนโยบายฉบับนี้ หรือเมื่อคุณได้ใช้สิทธิขอถอนความยินยอมหรือใช้สิทธิขอคัดค้านตามที่แจ้งไว้ข้างต้นแล้ว
9.6 สิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูล: คุณมีสิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลชั่วคราว ในกรณีที่บริษัทอยู่ระหว่างตรวจสอบตามคำร้องขอใช้สิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลหรือขอใช้สิทธิคัดค้านของคุณ หรือกรณีอื่นใดที่บริษัทหมดความจำเป็นและต้องลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของคุณตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง แต่คุณขอให้บริษัทระงับการใช้แทน
9.7 สิทธิขอให้แก้ไขข้อมูล: คุณมีสิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของคุณให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
9.8 สิทธิร้องเรียน: คุณมีสิทธิร้องเรียนต่อผู้มีอำนาจตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หากคุณเชื่อว่าการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของคุณเป็นการกระทำในลักษณะที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
การใช้สิทธิของคุณดังกล่าวข้างต้นอาจถูกจำกัดภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง และมีบางกรณีที่มีเหตุจำเป็นที่บริษัทอาจปฏิเสธหรือไม่สามารถดำเนินการตามคำขอใช้สิทธิข้างต้นของคุณได้ เช่น ต้องปฏิบัติตามกฎหมายหรือคำสั่งศาล เพื่อประโยชน์สาธารณะ การใช้สิทธิอาจละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลอื่น เป็นต้น หากบริษัทปฏิเสธคำขอข้างต้น บริษัทจะแจ้งเหตุผลของการปฏิเสธให้คุณทราบด้วย
ทั้งนี้ คุณสามารถดำเนินการขอใช้สิทธิต่าง ๆ ได้โดยการติดต่อมายังบริษัทตามรายละเอียดในข้อ 11 (คุณจะติดต่อบริษัท และเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลได้อย่างไร)
10.บริษัทจะแก้ไขเพิ่มเติมหรือปรับปรุงนโยบายฉบับนี้หรือไม่
บริษัทอาจพิจารณาทบทวนเพื่อแก้ไขเพิ่มเติม ปรับปรุง หรือเปลี่ยนแปลงนโยบายฉบับนี้เป็นครั้งคราวตามความเหมาะสมและเท่าที่กฎหมายอนุญาต ทั้งนี้ ในกรณีที่มีการแก้ไขเพิ่มเติม ปรับปรุง หรือเปลี่ยนแปลงนโยบายฉบับนี้ บริษัทจะดำเนินการประกาศนโยบายฉบับปัจจุบันให้คุณทราบผ่านช่องทางของบริษัท
11.คุณจะติดต่อบริษัท และเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลได้อย่างไร
หากคุณมีข้อเสนอแนะ หรือต้องการสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับรายละเอียดการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของคุณ รวมถึงการขอใช้สิทธิตามนโยบายฉบับนี้ คุณสามารถติดต่อบริษัท ตามรายละเอียดด้านล่าง
สถานที่ติดต่อ : เบารามีซี่ แล็บ 111 True Digital Park West, Unicorn Building, Unit 1016, 10th Floor, Sukhumvit Road, Bangchak, Phra Khanong, Bangkok 10260