Art (Toy) Economy เศรษฐกิจ – ศิลปะ – ของเล่น
ตั้งแต่การบูมของงานศิลปะในรูปแบบ Non-Fungible Tokens (NFT) ในปี 2564 และราคาร่วงไปในช่วงปี 2565 ไปจนถึงการถือกำเนิดของอาร์ตทอย (Art Toy) ที่ค่อยๆ เติบโตขึ้นจนเริ่มมีฐานที่แข็งแรงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เรามองเห็นความเปลี่ยนแปลงและวิวัฒนาการของอุตสาหกรรมศิลปะ ที่ถึงแม้จะเปลี่ยนรูปแบบไป แต่เราน่าจะสามารถเห็นระบบนิเวศที่แข็งแรง ปรากฏการณืนี้ที่ทำให้รู้ว่าในฝั่ง Supply เรามีศิลปินที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความคิดสร้างสรรค์และอยากปล่อยของ ในขณะเดียวกันในฝั่ง Demand เราก็มีผู้บริโภคที่พร้อมที่จะเข้าสะสม ตั้งแต่นิทรรศการเสมือนจริงไปจนถึงตุ๊กตาสะสม โลกศิลปะนำเสนอทั้งโอกาสที่น่าตื่นเต้นและความท้าทายสำหรับศิลปิน นักสะสม และชุมชนศิลปะในวงกว้าง
การเติบโตของตลาด Art Toy ทั่วโลก
จากการวิจัยล่าสุด ขนาดตลาดของเล่นศิลปะทั่วโลกมีมูลค่า 200 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2566 และคาดว่าจะขยายตัวที่ CAGR ที่ 15% ในช่วงระยะเวลาคาดการณ์ปี 2567-2573 และมีมูลค่าถึง 1,000 พันล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2573 โดยตลาดอาร์ตทอยที่ใหญ่ที่สุด อยู่ในทวีปเอเชีย อเมริกาเหนือ และยุโรป ตามลำดับ สำหรับทวีปเอเชีย จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ เป็นศูนย์กลางการผลิตและสะสมอาร์ตทอยโดยเฉพาะจีนที่มีรายงานว่ามีบริษัทขนาดใหญ่กว่า 87 แห่งในเมืองตงก่วน ผลิตของเล่นประเภทอาร์ตทอย สร้างมูลค่าผลผลิตทางอุตสาหกรรมกว่า 16,660 ล้านหยวน (2,479 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เติบโตจากปีก่อนหน้า 29.80%
การเติบโตของตลาด Art toy ทำให้มีการเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในจำนวนนักสะสมและผู้ที่ชื่นชอบที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมของเล่นศิลปะ รวมไปถึงปัจจัยขับเคลื่อนตลาดสำหรับตลาดของเล่นศิลปะที่ได้รับอิทธิพลจากปัจจัยหลายประการ ยกตัวอย่างเช่น
- ของสะสมรุ่นลิมิเต็ด : ของเล่นศิลปะค่อนข้างน่าสะสมเนื่องจากมักผลิตในจำนวนจำกัดหรือในปริมาณน้อย นักสะสมที่พร้อมจะจ่ายสำหรับสินค้าหายากจะถูกดึงดูดให้สนใจสิ่งเหล่านี้เนื่องจากความหายากและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
- Collaboration : Art toy ได้รับความสนใจจากความร่วมมือระหว่างนักออกแบบ ศิลปิน และบริษัทที่มีชื่อเสียงในหลากหลายอุตสาหกรรม ความร่วมมือเหล่านี้มักผลิตผลิตภัณฑ์รุ่นจำกัดซึ่งดึงดูดความสนใจในวงกว้าง
- ชุมชนนักสะสมที่เพิ่มขึ้น : มีนักสะสมและผู้สนใจที่สนใจเกี่ยวกับ Art toy เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ความรู้สึกเป็นเจ้าของผลงานช่วยสร้างผลลัพธ์เชิงบวกและทำให้ผู้คนสนใจในตลาด Art toy มากขึ้น
การเติบโตของตลาด Art toy ในไทย
จากรายงานของศูนย์สร้างสรรค์และการออกแบบแห่งประเทศไทย (TCDC) ตลาด Art toy ของไทยเติบโตขึ้นกว่า 200% ในช่วงปี 2561 ถึง 2566 เป็นสัญญาณถึงความสนใจที่เพิ่มขึ้นในงานศิลปะรูปแบบที่เป็นเอกลักษณ์ของคนในประเทศ ทั้งนี้ประเทศไทยยังมีมูลค่าการนำเข้าของเล่นเป็นจำนวนเงิน 128.26 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2566 เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.79 จากปีที่ผ่านมาที่มีมูลค่า 114.73 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยไทยนำเข้าของเล่น (รวมอาร์ตทอย) สูงสุดจาก 3 ประเทศ คือ จีน ญี่ปุ่น และเวียดนาม สอดคล้องกับการเติบโตของเจ้าตลาด Art Toys อย่างร้าน POP Mart จากประเทศจีนที่เริ่มมาเปิดสาขาในไทย ขณะเดียวกันไทยมีมูลค่าการส่งออกที่ 251.09 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2566 ตอกย้ำความต้องการของเล่นชิ้นพิเศษเหล่านี้ทั่วโลก นอกจากนี้ นิทรรศการและการประชุมของArt Toys เช่น Thailand Toy Expo ได้กลายเป็นกิจกรรมสำคัญที่ดึงดูดผู้เข้าชมนับพันคน และสร้างกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่สำคัญในภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง
โดยตลาดของเล่นศิลปะในประเทศไทยได้รับแรงหนุนจากฐานผู้บริโภคที่หลากหลาย ตั้งแต่วัยรุ่นไปจนถึงนักสะสมผู้เชี่ยวชาญ ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ ระบุว่า บุคคลที่มีอายุระหว่าง 25-34 ปี เป็นนักสะสมที่มีความกระตือรือร้นมากที่สุด โดยคิดเป็น 40% ของการซื้อของเล่นศิลปะทั้งหมดในปี 2566 นอกจากนี้ การเพิ่มขึ้นของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียยังมีบทบาทสำคัญในการเพิ่มการมองเห็น และการเข้าถึงของArt Toysไทย โดย Instagram และ Facebook ถือเป็นช่องทางสำคัญสำหรับศิลปินและผู้ขาย
Pop Mart บริษัท Art Toy ชื่อดังจากจีน
POP MART เกิดขึ้นครั้งแรกจากการเป็นร้านค้าสินค้าไลฟ์สไตล์แนว Pop Culture ที่มีของน่ารักโดนใจวัยรุ่นจีน ซึ่งก่อตั้งเมื่อปี 2010 โดย ‘หวาง หนิง’ (Wang Ning) นักธุรกิจชาวจีน ซึ่งเขาเองก็ได้รับแรงบันดาลใจมาจากร้านค้า Log-On ขายสินค้าแนวไลฟ์สไตล์ ในประเทศฮ่องกงและเติบโตอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นผู้นำในโลกของของเล่นและของสะสมจากศิลปิน
เมื่อช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา ป๊อบมาร์ทได้เปิดเผยผลการดำเนินงานสำหรับไตรมาสแรกของปี 2024 ระบุว่ารายได้โดยรวมเพิ่มขึ้น 40%-45% โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รายได้จากจีนแผ่นดินใหญ่มีการเติบโต 20%-25% ในขณะที่ผลการดำเนินงานในฮ่องกง มาเก๊า ไต้หวัน และตลาดต่างประเทศยังคงเติบโตต่อเนื่องโดยมีรายได้เพิ่มขึ้น 245%-250% เมื่อเทียบเป็นรายปี
ความสำเร็จของบริษัทเห็นได้จากการเติบโตของรายได้ที่น่าประทับใจตลอดหลายปีที่ผ่านมา โดยได้รับแรงหนุนจากความนิยมในผลิตภัณฑ์ของบริษัททั้งในประเทศและต่างประเทศ ของสะสมที่หลากหลายของ Pop Mart ได้แก่ ของเล่นกล่องสุ่ม ฟิกเกอร์ไวนิลและอื่นๆ อีกมากมาย โดยแต่ละชิ้นมีการออกแบบที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร Art toy ที่โด่งดังที่สุด ได้แก่ Molly, Labubu และ Dimoo ที่เป็นการร่วมมือกับศิลปินชื่อดังอย่าง Kasing Lung, Pucky และ Rato Kim ของเล่นเหล่านี้ได้รับการติดตามในหมู่นักสะสมและผู้ที่ชื่นชอบทั่วโลก ตอกย้ำสถานะของ Pop Mart ในฐานะผู้นำในตลาดของเล่นจากดีไซเนอร์ระดับโลก
สถานการณ์ Art toy creator ในไทย
วงการ Art toy ในไทยกำลังเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด จากการที่มีศิลปินไทยหลายท่านสร้างผลงานโด่งดังไปทั่วโลก อาทิ คุณนิศา ศรีค้าดี หรือ Molly ผู้สร้าง “Crybaby เด็กหญิงเปื้อนนํ้าตา” คุณพัชรพล แตงรี่ม หรือ Alex Face ผู้สร้าง “Mardi เด็กในชุดกระต่ายสามตา” และคุณศิรินญา สุวรรณ หรือ Poriin ผู้สร้าง “Fenni จิ้งจอกหน้าตาน่ารัก” ด้วยกระแสความนิยมที่เพิ่มขึ้น อาร์ตทอยไทยจึงมีโอกาสเติบโตสูงในตลาดโลก ศิลปินและผู้ประกอบการไทยสามารถต่อยอดความสำเร็จนี้ พัฒนาสินค้าให้ตรงใจกลุ่มลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ เนื่องจากอาร์ตทอยไม่ได้เป็นเพียงของเล่นหรือของสะสม แต่เป็นหนึ่งในสินค้าที่ผู้ซื้อสามารถนำมาใช้ประดับตกแต่งภายในที่อยู่อาศัย ถือเป็นงานศิลปะที่บ่งบอกรสนิยม และเนื่องจากอาร์ตทอยเป็นสินค้าที่ผลิตในจำนวนที่จำกัด ไม่เพียงพอต่อความต้องการ ส่งผลให้ราคาของอาร์ตทอยสูงขึ้นจนกลายเป็นสินทรัพย์
ในอนาคต สถานการณ์สำหรับ Art toy creator ในไทยอาจมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากความสนใจในการสะสมและสร้างคอลเล็กชั่นของตนเองกำลังเพิ่มขึ้นในประเทศ นอกจากนี้ การใช้เทคโนโลยีและสื่อออนไลน์ในการสร้างและการตลาดก็เป็นจุดเด่นที่สำคัญในการส่งเสริมการเจริญเติบโตของอุตสาหกรรม Art toy ในประเทศไทยอีกด้วย และการสร้างความร่วมมือกับศิลปินและอุตสาหกรรมอื่น ๆ จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยกระตุ้นให้สถานการณ์ Art toy creator ในไทยเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต
ผู้เขียน : จินต์ศุจี มณฑิราลัยพร
ที่มา
https://www.verifiedmarketresearch.com/product/art-toy-market/
https://www.metastatinsight.com/report/art-toy-market
https://www.amarintv.com/spotlight/business-marketing/detail/64433
https://www.smethailandclub.com/management/9512.html