Baramizi Lab logo

Art (Toy) Economy เศรษฐกิจ – ศิลปะ – ของเล่น

Art (Toy) Economy เศรษฐกิจ – ศิลปะ – ของเล่น

ตั้งแต่การบูมของงานศิลปะในรูปแบบ Non-Fungible Tokens (NFT) ในปี 2564 และราคาร่วงไปในช่วงปี 2565 ไปจนถึงการถือกำเนิดของอาร์ตทอย (Art Toy) ที่ค่อยๆ เติบโตขึ้นจนเริ่มมีฐานที่แข็งแรงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เรามองเห็นความเปลี่ยนแปลงและวิวัฒนาการของอุตสาหกรรมศิลปะ ที่ถึงแม้จะเปลี่ยนรูปแบบไป แต่เราน่าจะสามารถเห็นระบบนิเวศที่แข็งแรง ปรากฏการณืนี้ที่ทำให้รู้ว่าในฝั่ง Supply เรามีศิลปินที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความคิดสร้างสรรค์และอยากปล่อยของ ในขณะเดียวกันในฝั่ง Demand เราก็มีผู้บริโภคที่พร้อมที่จะเข้าสะสม ตั้งแต่นิทรรศการเสมือนจริงไปจนถึงตุ๊กตาสะสม โลกศิลปะนำเสนอทั้งโอกาสที่น่าตื่นเต้นและความท้าทายสำหรับศิลปิน นักสะสม และชุมชนศิลปะในวงกว้าง

การเติบโตของตลาด Art Toy ทั่วโลก

จากการวิจัยล่าสุด ขนาดตลาดของเล่นศิลปะทั่วโลกมีมูลค่า 200 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2566 และคาดว่าจะขยายตัวที่ CAGR ที่ 15% ในช่วงระยะเวลาคาดการณ์ปี 2567-2573 และมีมูลค่าถึง 1,000 พันล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2573 โดยตลาดอาร์ตทอยที่ใหญ่ที่สุด อยู่ในทวีปเอเชีย อเมริกาเหนือ และยุโรป ตามลำดับ สำหรับทวีปเอเชีย จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ เป็นศูนย์กลางการผลิตและสะสมอาร์ตทอยโดยเฉพาะจีนที่มีรายงานว่ามีบริษัทขนาดใหญ่กว่า 87 แห่งในเมืองตงก่วน ผลิตของเล่นประเภทอาร์ตทอย สร้างมูลค่าผลผลิตทางอุตสาหกรรมกว่า 16,660 ล้านหยวน (2,479 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เติบโตจากปีก่อนหน้า 29.80% 

การเติบโตของตลาด Art toy ทำให้มีการเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในจำนวนนักสะสมและผู้ที่ชื่นชอบที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมของเล่นศิลปะ  รวมไปถึงปัจจัยขับเคลื่อนตลาดสำหรับตลาดของเล่นศิลปะที่ได้รับอิทธิพลจากปัจจัยหลายประการ ยกตัวอย่างเช่น

  • ของสะสมรุ่นลิมิเต็ด : ของเล่นศิลปะค่อนข้างน่าสะสมเนื่องจากมักผลิตในจำนวนจำกัดหรือในปริมาณน้อย นักสะสมที่พร้อมจะจ่ายสำหรับสินค้าหายากจะถูกดึงดูดให้สนใจสิ่งเหล่านี้เนื่องจากความหายากและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
  • Collaboration : Art toy ได้รับความสนใจจากความร่วมมือระหว่างนักออกแบบ ศิลปิน และบริษัทที่มีชื่อเสียงในหลากหลายอุตสาหกรรม ความร่วมมือเหล่านี้มักผลิตผลิตภัณฑ์รุ่นจำกัดซึ่งดึงดูดความสนใจในวงกว้าง
  • ชุมชนนักสะสมที่เพิ่มขึ้น : มีนักสะสมและผู้สนใจที่สนใจเกี่ยวกับ Art toy เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ความรู้สึกเป็นเจ้าของผลงานช่วยสร้างผลลัพธ์เชิงบวกและทำให้ผู้คนสนใจในตลาด Art toy มากขึ้น

การเติบโตของตลาด Art toy ในไทย

จากรายงานของศูนย์สร้างสรรค์และการออกแบบแห่งประเทศไทย (TCDC) ตลาด Art toy ของไทยเติบโตขึ้นกว่า 200% ในช่วงปี 2561 ถึง 2566 เป็นสัญญาณถึงความสนใจที่เพิ่มขึ้นในงานศิลปะรูปแบบที่เป็นเอกลักษณ์ของคนในประเทศ ทั้งนี้ประเทศไทยยังมีมูลค่าการนำเข้าของเล่นเป็นจำนวนเงิน 128.26 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2566 เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.79 จากปีที่ผ่านมาที่มีมูลค่า 114.73 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยไทยนำเข้าของเล่น (รวมอาร์ตทอย) สูงสุดจาก 3 ประเทศ คือ จีน ญี่ปุ่น และเวียดนาม สอดคล้องกับการเติบโตของเจ้าตลาด Art Toys อย่างร้าน POP Mart จากประเทศจีนที่เริ่มมาเปิดสาขาในไทย ขณะเดียวกันไทยมีมูลค่าการส่งออกที่ 251.09 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2566 ตอกย้ำความต้องการของเล่นชิ้นพิเศษเหล่านี้ทั่วโลก นอกจากนี้ นิทรรศการและการประชุมของArt Toys เช่น Thailand Toy Expo ได้กลายเป็นกิจกรรมสำคัญที่ดึงดูดผู้เข้าชมนับพันคน และสร้างกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่สำคัญในภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง

โดยตลาดของเล่นศิลปะในประเทศไทยได้รับแรงหนุนจากฐานผู้บริโภคที่หลากหลาย ตั้งแต่วัยรุ่นไปจนถึงนักสะสมผู้เชี่ยวชาญ ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ ระบุว่า บุคคลที่มีอายุระหว่าง 25-34 ปี เป็นนักสะสมที่มีความกระตือรือร้นมากที่สุด โดยคิดเป็น 40% ของการซื้อของเล่นศิลปะทั้งหมดในปี 2566 นอกจากนี้ การเพิ่มขึ้นของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียยังมีบทบาทสำคัญในการเพิ่มการมองเห็น และการเข้าถึงของArt Toysไทย โดย Instagram และ Facebook ถือเป็นช่องทางสำคัญสำหรับศิลปินและผู้ขาย

Pop Mart บริษัท Art Toy ชื่อดังจากจีน

POP MART เกิดขึ้นครั้งแรกจากการเป็นร้านค้าสินค้าไลฟ์สไตล์แนว Pop Culture ที่มีของน่ารักโดนใจวัยรุ่นจีน ซึ่งก่อตั้งเมื่อปี 2010 โดย ‘หวาง หนิง’ (Wang Ning) นักธุรกิจชาวจีน ซึ่งเขาเองก็ได้รับแรงบันดาลใจมาจากร้านค้า Log-On ขายสินค้าแนวไลฟ์สไตล์ ในประเทศฮ่องกงและเติบโตอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นผู้นำในโลกของของเล่นและของสะสมจากศิลปิน

เมื่อช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา ป๊อบมาร์ทได้เปิดเผยผลการดำเนินงานสำหรับไตรมาสแรกของปี 2024 ระบุว่ารายได้โดยรวมเพิ่มขึ้น 40%-45% โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รายได้จากจีนแผ่นดินใหญ่มีการเติบโต 20%-25% ในขณะที่ผลการดำเนินงานในฮ่องกง มาเก๊า ไต้หวัน และตลาดต่างประเทศยังคงเติบโตต่อเนื่องโดยมีรายได้เพิ่มขึ้น 245%-250% เมื่อเทียบเป็นรายปี

ความสำเร็จของบริษัทเห็นได้จากการเติบโตของรายได้ที่น่าประทับใจตลอดหลายปีที่ผ่านมา โดยได้รับแรงหนุนจากความนิยมในผลิตภัณฑ์ของบริษัททั้งในประเทศและต่างประเทศ ของสะสมที่หลากหลายของ Pop Mart ได้แก่ ของเล่นกล่องสุ่ม ฟิกเกอร์ไวนิลและอื่นๆ อีกมากมาย โดยแต่ละชิ้นมีการออกแบบที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร Art toy ที่โด่งดังที่สุด ได้แก่ Molly, Labubu และ Dimoo ที่เป็นการร่วมมือกับศิลปินชื่อดังอย่าง Kasing Lung, Pucky และ Rato Kim ของเล่นเหล่านี้ได้รับการติดตามในหมู่นักสะสมและผู้ที่ชื่นชอบทั่วโลก ตอกย้ำสถานะของ Pop Mart ในฐานะผู้นำในตลาดของเล่นจากดีไซเนอร์ระดับโลก

สถานการณ์ Art toy creator ในไทย

วงการ Art toy ในไทยกำลังเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด จากการที่มีศิลปินไทยหลายท่านสร้างผลงานโด่งดังไปทั่วโลก อาทิ คุณนิศา ศรีค้าดี หรือ Molly ผู้สร้าง “Crybaby เด็กหญิงเปื้อนนํ้าตา” คุณพัชรพล แตงรี่ม หรือ Alex Face ผู้สร้าง “Mardi เด็กในชุดกระต่ายสามตา” และคุณศิรินญา สุวรรณ หรือ Poriin ผู้สร้าง “Fenni จิ้งจอกหน้าตาน่ารัก” ด้วยกระแสความนิยมที่เพิ่มขึ้น อาร์ตทอยไทยจึงมีโอกาสเติบโตสูงในตลาดโลก ศิลปินและผู้ประกอบการไทยสามารถต่อยอดความสำเร็จนี้ พัฒนาสินค้าให้ตรงใจกลุ่มลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ เนื่องจากอาร์ตทอยไม่ได้เป็นเพียงของเล่นหรือของสะสม แต่เป็นหนึ่งในสินค้าที่ผู้ซื้อสามารถนำมาใช้ประดับตกแต่งภายในที่อยู่อาศัย ถือเป็นงานศิลปะที่บ่งบอกรสนิยม และเนื่องจากอาร์ตทอยเป็นสินค้าที่ผลิตในจำนวนที่จำกัด ไม่เพียงพอต่อความต้องการ ส่งผลให้ราคาของอาร์ตทอยสูงขึ้นจนกลายเป็นสินทรัพย์

ในอนาคต สถานการณ์สำหรับ Art toy creator ในไทยอาจมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากความสนใจในการสะสมและสร้างคอลเล็กชั่นของตนเองกำลังเพิ่มขึ้นในประเทศ นอกจากนี้ การใช้เทคโนโลยีและสื่อออนไลน์ในการสร้างและการตลาดก็เป็นจุดเด่นที่สำคัญในการส่งเสริมการเจริญเติบโตของอุตสาหกรรม Art toy ในประเทศไทยอีกด้วย และการสร้างความร่วมมือกับศิลปินและอุตสาหกรรมอื่น ๆ จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยกระตุ้นให้สถานการณ์ Art toy creator ในไทยเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต

ผู้เขียน : จินต์ศุจี มณฑิราลัยพร

 

ที่มา

https://www.linkedin.com/pulse/art-toy-market-size-projected-reach-usd-dv6tc#:~:text=According%20to%20the%20latest%20research,USD%2064655.92%20million%20by%202028

https://www.verifiedmarketresearch.com/product/art-toy-market/ 

https://www.metastatinsight.com/report/art-toy-market 

https://www.amarintv.com/spotlight/business-marketing/detail/64433 

https://www.smethailandclub.com/management/9512.html 

https://equalocean.com/news/2024042320816 

https://www.beartai.com/life/trends/1379569#:~:text=POP%20MART%20%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%82%E0%B8%B6%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%87,%E0%B9%84%E0%B8%A5%E0%B8%9F%E0%B9%8C%E0%B8%AA%E0%B9%84%E0%B8%95%E0%B8%A5%E0%B9%8C%20%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8%E0%B8%AE%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%87

RECOMMEND

T-Beauty
read more
08.10.2025 217

จาก T-Pop สู่ T-Beauty: เมื่อวัฒนธรรมไทยกลายเป็นพลังขับเคลื่อนอุตสาหกรรมความงาม

ปัจจัยสำคัญในการสร้างความสำเร็จของแบรนด์ T-Beauty ความนิยมและความเติบโตของตลาด T-Beauty ตลาดความงามในไทยเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยมูลค่ารวมมากกว่า 6.6 พันล้านดอลลาร์ในปี 2022 และอัตราการเติบโตเฉลี่ยปีละ 9-10% ตลาดนี้ได้นำเสนอระบบนิเวศน์ครบวงจรที่ผสมผสานวัฒนธรรม ความคิดสร้างสรรค์ และนวัตกรรม ทั้งด้านผลิตภัณฑ์และการตลาดดิจิทัล โดยมีแบรนด์ไทยเป็นที่สนใจและได้รับการยอมรับในตลาดโลกมากขึ้น การจำหน่ายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์และช่องทางค้าปลีกหลักๆ มีบทบาทสำคัญ อิทธิพลของวัฒนธรรมและไอดอล T-Pop ความสำเร็จของ T-Beauty ได้รับแรงสนับสนุนจากวัฒนธรรมป๊อปไทยหรือ T-Pop เช่น นักแสดงจากละครแนว BL และศิลปินดังอย่าง Lisa จาก BLACKPINK ที่กลายเป็นหน้าโฆษณาของแบรนด์ทั้งในและต่างประเทศ ลักษณะความงามที่เน้นความเป็นธรรมชาติ แบบ “Swai Meiku” คือความสมดุลระหว่างสไตล์เอเชียและตะวันตกที่ดูสวยแบบไม่ตั้งใจแต่ตั้งใจ ทำให้เกิดกระแสแรงบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เทรนด์สกินแคร์ที่โดดเด่น กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เติบโตเร็ว เช่น เซรั่ม Exosome, ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ Growth Factors และเปปไทด์ ซึ่งเน้นการปรับปรุงสุขภาพผิวตามชีววิทยาเ […]

thai cities safety resilience trend
read more
02.10.2025 362

แนวโน้มจะเป็นอย่างไรเมื่อ World Bank เตือน GDP ไทยอาจลด 7-14% ในปี 2593 เพราะภัยพิบัติโลกร้อน

แม้เราจะเดินทางมาถึงช่วงท้ายของปี 2025 แต่ประเทศไทยยังคงเผชิญกับภัยพิบัติทางธรรมชาติหลากหลายรูปแบบอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสะท้อนถึงสถานการณ์โลกที่กำลังเผชิญกับภัยพิบัติที่มากขึ้นเรื่อยๆ หากเทียบข้อมูลย้อนหลัง จำนวนภัยพิบัติทั่วโลกเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน จากเพียง 23 ครั้งในปี 1950 กลายเป็นกว่า 361 ครั้งในปี 2019 ซึ่งล้วนเเล้วเเต่เป็นผลของสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง สำหรับประเทศไทย แม้จะปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพียง 258 ล้านตัน คิดเป็น 0.76% ของการปล่อยทั้งหมดทั่วโลกในปี 2020 (ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 24) แต่กลับถูกจัดอยู่ใน ประเทศที่เสี่ยงได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมากที่สุดเป็นอันดับ 9 ของโลก ความเสี่ยงนี้ครอบคลุมเกือบทุกมิติ ตั้งแต่ผลผลิตทางการเกษตรและประมงชายฝั่ง ไปจนถึงการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ และฐานทรัพยากรด้านการท่องเที่ยวที่เป็นเสน่ห์สำคัญของประเทศ รายงานของ ธนาคารโลก (World Bank) ในช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา เตือนว่า หากไทยยังขาดมาตรการรับมือที่จริงจัง ภาวะโลกร้อนอาจทำให้ GDP ของประเทศลดลงถึง 7–14% ภายในปี 2593 โดยเฉพาะต่อประชากรเปราะบางกว่า 9.4 ล้านคน ซึ่งมีมากถึง 8 ล้านคนที่อย […]

Wellness Economy 5.0
read more
25.09.2025 248

Wellness Economy 5.0 พลังขับเคลื่อนไทยสู่ศูนย์กลางสุขภาพโลก

แนวคิดเศรษฐกิจสุขภาพยุคใหม่ในไทยธุรกิจไหนได้ประโยชน์มากที่สุด Wellness Economy 5.0 Wellness Economy 5.0 คือแนวคิดเศรษฐกิจสุขภาพยุคใหม่ในไทย ซึ่งมุ่งเน้นการพัฒนาและขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดยยึดสุขภาพและคุณภาพชีวิตของประชาชนเป็นศูนย์กลาง โดยเฉพาะในยุคที่ไทยกำลังกลายเป็นสังคมผู้สูงอายุ (super-aged society) ภายในปี 2033 แนวคิดนี้ไม่ใช่แค่การรักษาโรค แต่คือการส่งเสริมการใช้ชีวิตเชิงป้องกันและทำให้สุขภาพดีเป็นวิถีชีวิตที่รวมถึงความงาม อาหารสุขภาพ การออกกำลังกาย และการท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ Key Idea ของ Wellness Economy 5.0 มุ่งเน้นความสมดุลทั้งทางกาย ใจ อารมณ์ และสังคมผ่านการดำเนินชีวิตที่ดี เกิดการบูรณาการระหว่างเทคโนโลยี เศรษฐกิจ และรูปแบบการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน ผลักดันธุรกิจความงาม อาหารเพื่อสุขภาพ บริการออกกำลังกาย และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเป็นอุตสาหกรรมหลัก รัฐบาลและภาคเอกชนร่วมลงทุนและพัฒนาระบบสาธารณสุขและ wellness hubs เพื่อรองรับตลาดผู้สูงวัยและสุขภาพดีแบบองค์รวม Wellness Economy ในไทยปี 2023 มีมูลค่าตลาดประมาณ 1.4 ล้านล้านบาท เติบโตสูงจากกลุ่มนักท่องเที่ยวสุขภาพที่เพิ่มขึ้นและการผสมผสาน […]

Longevity Trend
read more
24.09.2025 230

Longevity Trend
”เมื่อ ‘วัยทำงาน’ ยาวนานขึ้น โอกาสของคนรุ่นใหม่จะเหลือเท่าไหร่?”

อายุขัยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง (เฉลี่ยเพิ่มขึ้นประมาณ 2 ปีในทุกๆ 10 ปี) ตำแหน่งงานเก่าๆ ยังไม่ว่างให้คนรุ่นใหม่เข้าทำงาน Longevity Trend แนวโน้ม Longevity Trend หรือแนวโน้มคนมีอายุยืนยาวขึ้น ส่งผลให้คนจำนวนมากเลือกหรือจำเป็นต้องเกษียณช้าลงจากเดิม โดยอายุเกษียณที่เคยอยู่ราว 60 ปี เริ่มถูกปรับเพิ่มเป็น 65 ปีขึ้นไป ทั้งในไทยและในหลายประเทศ เพราะคนมีสุขภาพดีขึ้น เรียนรู้และทำงานได้นานขึ้น พร้อมกับระบบสวัสดิการและนโยบายที่สนับสนุนให้คนยังคงมีส่วนร่วมในตลาดแรงงานมากขึ้น ขณะที่การเกษียณช้าช่วยให้มีรายได้และสวัสดิการทางการเงินที่มากขึ้น ลดความเสี่ยงด้านสุขภาพจิตและการแยกตัวจากสังคมได้ด้วย และการทำงานต่อเนื่องยังช่วยให้สมองและร่างกายได้รับการกระตุ้น ช่วยยืดอายุขัยโดยรวม สาเหตุของการเกษียณช้าลง อายุขัยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง (เฉลี่ยเพิ่มขึ้นประมาณ 2 ปีในทุกๆ 10 ปี) คนสูงอายุในยุคใหม่มีสุขภาพดีขึ้น เขียนได้ ชำนาญและมีประสบการณ์มากกว่ารุ่นก่อน ระบบสวัสดิการ ศูนย์ดูแลสุขภาพ และโครงสร้างทางสังคมที่สนับสนุนให้คนสูงอายุทำงานต่อได้ ความจำเป็นด้านการเงิน เช่น รายได้ที่ไม่เพียงพอจากเงินออมและ […]

read more
01.10.2025 741

Event Tourism พลังสำคัญที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลก

ประเทศไทยพร้อมหรือยัง…ที่จะสร้างกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์สู่ระดับนานาชาติ?   กิจกรรมและงานอีเวนต์ ไม่ว่าจะเป็น เทศกาลศิลปะ ดนตรี อาหาร กีฬา หรือวัฒนธรรม ล้วนมีพลังในการเปลี่ยน “พื้นที่หนึ่ง ๆ” ให้กลายเป็น “จุดหมายการท่องเที่ยวระดับโลก” สำหรับประเทศไทย กิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ไม่เพียงช่วยสร้างความสุข แต่ยังสร้างเศรษฐกิจ การจ้างงาน และทำให้ประเทศเป็นที่จดจำในสายตานักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติ  เพื่อให้ก้าวสู่เวทีโลก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยจึงมีการศึกษาศักยภาพกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ระดับนานาชาติของประเทศไทย และได้ใช้เครื่องมือ Future Scenario (ฉากทัศน์แห่งอนาคต) ในการออกแบบ “ภาพอนาคตของ Event Tourism” เพื่อให้เราเห็นว่ากิจกรรมแบบไหนที่ตอบโจทย์การท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ และสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศได้อย่างแท้จริง  ถ้าว่าเคยติดตามคอนเทนต์ของบรารามีซี่ แล็บจะทราบว่าเครื่องมือวิจัยที่เรียกว่า Future Scenario คือ ฉากทัศน์ที่เป็นไปได้ในอนาคตของแบรนด์ หรือคือ ไอเดียแก้ปัญหาที่น่าสนใจ ที่เราอยากได้ทดลองกับกลุ่มตัวอย่าง  อ่านบทความ Brand Future Scenario […]

Subscription

เพื่อรับข้อมูลเกี่ยวกับความรู้เทรนด์และวิจัยต่อเนื่อง