Baramizi Lab logo

“Crown Expression” คลื่นมหาชนร่วมแสดงออกและปลดปล่อย สร้าง Soft Power ที่มีจุดร่วมของคนทั้งโลก

17
04.2024
view
499
SHARE

“Crown Expression” คลื่นมหาชนร่วมแสดงออกและปลดปล่อย สร้าง Soft Power ที่มีจุดร่วมของคนทั้งโลก

เพราะเทศกาลสงกรานต์บ้านเราอยู่บนกระแสเทรนด์ของ Event Tourism ที่ชื่อ “Crown Expression” แม้ฉากหน้าจะดูไทยไทย แต่เนื้อในนั้นโดนใจ Inner ที่เป็นสากล สงกรานต์บ้านเราจึงสามารถเป็น Soft Power ที่ทรงพลังระดับโลกได้

เมื่อช่วงปีที่ผ่านมา Baramizi Lab ได้ร่วมทำวิจัยกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ในหัวเรื่องการศึกษาศักยภาพกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ระดับนานาชาติของประเทศไทย เราได้ทำการ Spot Event Tourism Trend ประจำปีล่าสุดเพื่อค้นหาแนวโน้มการสร้างสรรค์ประสบการณ์การท่องเที่ยวเชิงกิจกรรมมาไว้เพิ่มพลังให้กับการผลักดันการท่องเที่ยวเชิงกิจกรรมของประเทศไทยให้ขึ้นสู่ระดับนานาชาติได้

ด้วยกระบวนการศึกษาผ่านข้อมูลทุติยภูมิและทำการ Spot กรณีศึกษากว่า 100 กรณีศึกษาของงานกิจกรรมและเทศกาลประเภทต่างๆ ที่ทำหน้าที่ดึงดูดการท่องเที่ยวทั่วโลก เราพบเจอถึง 12 เทรนด์ที่น่าสนใจสำหรับการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงกิจกรรม บางแนวโน้มนั้นก็เป็นแนวโน้มที่มีมาแต่เดิมอยู่แล้วอันเนื่องจากมันสอดคล้องไปกับความต้องการดั้งเดิมของมนุษย์เราที่กระตุ้นให้เราออกเดินทางได้ บางแนวโน้มเป็นความคาดหวังที่ Emerging ใหม่จากแรงกระทบของ Megatrend บางแนวโน้มตัวมันอาจไม่ใหม่มากแต่มีรายละเอียดที่ใหม่ขึ้นมา ไว้จะมาเล่าทั้ง 12 แนวโน้มให้ฟังอีกครั้งนะคะ : )

แต่วันนี้เอาเรื่องนี้ก่อน หนึ่งในแนวโน้มที่น่าสนใจและช่วยไขความกระจ่างให้กับความฮอตฮิตของเทศกาลสงกรานต์บ้านเราคือแนวโน้มที่ชื่อว่า “Crown Expression” คือประสบการณ์ของงานอิเวนต์ที่เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมได้ปลดปล่อยตัวเองจากโลกความเป็นจริง สามารถแสดงออกทางด้านอารมณ์หรือร่างกายได้อย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน ห้อมล้อมด้วยคนหมู่มากในการร่วมทำกิจกรรมที่มีความหมายเดียวกัน  อยากให้ทุกคนสังเกตค่ะ แนวโน้มนี้…เกิดขึ้นจาก Inner ภายในจิตใจของพวกเราที่ว่า ในการใช้ชีวิตบางทีก็มีอะไรที่อัดอั้นบ้างอะไรบ้าง (55) แล้วเราก็มีอารมณ์อยากปลดปล่อย อยากขว้างปา อยากทำลาย ยิ่งถ้าได้ทำแล้วได้แข่งขันกับคนอื่นด้วยนี่ยิ่งมันส์! แต่ๆๆๆ ในชีวิตจริง ใครจะให้เราทำอย่างนั้นกันล่ะ มันเดือดร้อนคนอื่นและสร้างความเสียหายต่อทรัพย์สิน แล้วๆๆๆ ในขณะเดียวกันนั้น ก็มีงานกิจกรรมมหกรรมประเภทหนึ่งที่เปิดโอกาสให้ทำอะไรอย่างนั้นเกิดขึ้นเต็มไปหมดรอบโลกของเรา 🤣 แต่มาในรูปแบบและที่มาที่แตกต่างกันแต่ล้วน Serve Needs หรือตอบโจทย์ความต้องการแบบเดียวกัน บางที่ก็เป็นเรื่องราวของวัฒนธรรม บางที่ก็เป็นเรื่องศาสนา บางที่ก็มาจากฤดูกาลของพืชผลทางการเกษตร หรือไม่ก็เกิดจากการรำลึกถึงเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ เริ่มต้นจากทำกันเองเชื่อกันเองในพื้นที่ของตนแล้วค่อยๆ ขยายวงใหญ่ขึ้นเติบโตขึ้นจนถึงจุดที่กลายเป็นสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกได้

เทรนด์ Crown Expression จากการ Spot ข้อมูลในรอบปีนี้ สามารถสรุป Key Experience สำคัญได้ 3 ประการได้แก่

1. Crowd on Public: การรวมตัวของฝูงชนในพื้นที่สาธารณะสร้างประสบการณ์ที่ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ทั่วไป

2. Splashing: การได้ขว้างปา ปลดปล่อย สิ่งต่างๆ ใส่กัน จากวัตถุดิบทางธรรมชาติใน  ท้องถิ่นนั้นๆ ทำให้เกิดประสบการณ์ที่สนุกสนาน หลุดออกจากโลกที่เป็นอยู่

3. Release and Move on: การได้ปลดปล่อยและทิ้งสิ่งที่เกิดขึ้นภายในงาน เพื่อเริ่มต้นสิ่งใหม่ในโอกาสต่อไป

เทศกาลสงกรานต์เข้าข่ายแนวโน้มนี้เต็มๆ เลยค่ะ ถอดรหัสความเจ๋งของเทศกาลที่ทำให้เป็น Soft Power ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกมาได้ น่าจะประกอบด้วยองค์ประกอบ ดังนี้ 1) มีรากมีที่มาที่อิงกับวัฒนธรรมและวันสำคัญของคนไทยทั้งประเทศ 2) รูปแบบของกิจกรรมมาในรูปแบบของการได้ปลดปล่อย (+ทำลายล้าง 55) ได้แข่งขันต่อสู้ (เล็กๆ) 3) เป็นวัฒนธรรมร่วมที่คนทั้งประเทศตอบรับอย่างแข่งขันและพร้อมมีส่วนร่วม แต่ก็ยังเกิดวัฒนธรรมย่อยที่มีอัตลักษณ์เฉพาะของตัวเองแตกต่างกันไป ทำให้เกิดความหลากหลายที่น่าสนใจ องค์ประกอบข้อ 3) นี้ ส่วนตัวในตอนที่วิเคราะห์โจทย์วิจัยที่เกี่ยวกับประเด็นของงานท่องเที่ยวเชิงกิจกรรมระดับนานาชาติคิดว่าเป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุด

นอกจากเทศกาลสงกรานต์ของบ้านเราแล้ว ยังมีงานกิจกรรมและเทศกาลอื่นๆ ที่น่าสนใจในเทรนด์นี้ คอนเทนต์นี้เราพาไปลองเที่ยวชมกันค่ะ 😁☺️

Burning Man

งานเทศกาลที่เน้นเรื่องชุมชน ศิลปะ การแสดงออก และการพึ่งพาตนเอง จัดขึ้นทุกปีทางตะวันตกของสหรัฐอเมริกา ชื่อของงานมาจากพิธีการเผาหุ่นจำลองไม้ขนาดใหญ่ที่เป็นสัญลักษณ์ซึ่งเรียกว่า The Man การเผานี้จะเกิดขึ้นในคืนสุดท้ายของงานเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการได้ปลดปล่อยและทิ้งสิ่งที่เกิดขึ้นภายในงานเพื่อเริ่มต้นสิ่งใหม่ในโอกาสต่อไป โดยภายในงานผู้คนที่เข้าร่วมจะใช้ไลฟ์สไตล์แบบสุดโต่ง เช่น การแสดงงานศิลปะที่มีความเฉพาะตัว การใช้ชีวิตด้วยการแลกเปลี่ยนสิ่งของไม่มีการใช้เงิน เทศกาล Burning Man จัดตั้งโดย Burning Man Project ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร

 

Holi Festival

เทศกาลโฮลี มีการจัดขึ้น 2 วันในช่วงเดือนมีนาคม ซึ่งเทศกาลนี้เรียกอีกอย่างว่า “เทศกาลแห่งสีสัน” ผู้คนมากมายจะออกมาเฉลิมฉลองด้วยการสาดสีหรือป้ายสีซึ่งมีลักษณะเป็นฝุ่นผงใส่กันอย่างสนุกสนาน ฝุ่นผงสีจะทำมาจากธรรมชาติ อาทิ ดอกทองกวาว บีทรูท และขมิ้น เป็นต้น การสาดสีจะเล่นกันเฉพาะช่วงเช้าจนถึงเที่ยงวันเท่านั้นจากนั้นผู้คนจะแยกย้ายไปพักผ่อนแล้วเมื่อตกเย็นจะออกมาพบปะสังสรรค์กันแจกขนมหวานและสวมกอดกัน

La Tomatina

เทศกาลดั้งเดิมของสเปนที่จัดขึ้นในเมือง Buñol ทางตะวันออก โดยผู้เข้าร่วมจัดปามะเขือเทศใส่กัน ผู้คนมากถึง 20,000 คนจะจ่ายเงินคนละ 12 ยูโร เพื่อเข้าร่วมเทศกาล เพียงเวลาไม่นานพื้นที่ถนนก็ชุ่มไปด้วยเนื้อสีแดง งานนี้จัดขึ้นในวันพุธสุดท้ายของเดือนสิงหาคมของทุกปี งานเทศกาลนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากการต่อสู้แย่งชิงอาหารระหว่างเด็กๆ ในท้องถิ่นในปี 1945 ในเมืองที่ตั้งอยู่ในภูมิภาคที่ผลิตมะเขือเทศ

Crown Expression แนวโน้มสำคัญที่โดนใจผู้คนถ้าลองต่อยอดดูเราอาจจะสร้างสรรค์ Event Tourism ที่เป็น Soft Power เพิ่มเติมพลังการดึงดูดผู้คนสร้างเศรษฐกิจไทยให้เข้มแข็งได้อีกมากมายอย่างแน่นอนค่ะ 🥰🥰

อาจจะใส่ไว้ตั้งแต่ข้อความกลุ่มแรกก่อนแตกเข้ารายภาพ

 

บทความวิเคราะห์โดย

ปรมา ทิพย์ธนทรัพย์ (โจ้ง)

Baramizi Lab Director

ข้อมูลวิจัยเทรนด์โดย Trend Researcher Team ของ Baramizi Lab

โครงการศึกษาศักยภาพกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ระดับนานาชาติของประเทศไทย

 

ขอบคุณข้อมูลจาก
https://burningman.org
https://www.holifestival.org/#google_vignette

RECOMMEND

thai cities safety resilience trend
read more
02.10.2025 346

แนวโน้มจะเป็นอย่างไรเมื่อ World Bank เตือน GDP ไทยอาจลด 7-14% ในปี 2593 เพราะภัยพิบัติโลกร้อน

แม้เราจะเดินทางมาถึงช่วงท้ายของปี 2025 แต่ประเทศไทยยังคงเผชิญกับภัยพิบัติทางธรรมชาติหลากหลายรูปแบบอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสะท้อนถึงสถานการณ์โลกที่กำลังเผชิญกับภัยพิบัติที่มากขึ้นเรื่อยๆ หากเทียบข้อมูลย้อนหลัง จำนวนภัยพิบัติทั่วโลกเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน จากเพียง 23 ครั้งในปี 1950 กลายเป็นกว่า 361 ครั้งในปี 2019 ซึ่งล้วนเเล้วเเต่เป็นผลของสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง สำหรับประเทศไทย แม้จะปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพียง 258 ล้านตัน คิดเป็น 0.76% ของการปล่อยทั้งหมดทั่วโลกในปี 2020 (ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 24) แต่กลับถูกจัดอยู่ใน ประเทศที่เสี่ยงได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมากที่สุดเป็นอันดับ 9 ของโลก ความเสี่ยงนี้ครอบคลุมเกือบทุกมิติ ตั้งแต่ผลผลิตทางการเกษตรและประมงชายฝั่ง ไปจนถึงการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ และฐานทรัพยากรด้านการท่องเที่ยวที่เป็นเสน่ห์สำคัญของประเทศ รายงานของ ธนาคารโลก (World Bank) ในช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา เตือนว่า หากไทยยังขาดมาตรการรับมือที่จริงจัง ภาวะโลกร้อนอาจทำให้ GDP ของประเทศลดลงถึง 7–14% ภายในปี 2593 โดยเฉพาะต่อประชากรเปราะบางกว่า 9.4 ล้านคน ซึ่งมีมากถึง 8 ล้านคนที่อย […]

Wellness Economy 5.0
read more
25.09.2025 222

Wellness Economy 5.0 พลังขับเคลื่อนไทยสู่ศูนย์กลางสุขภาพโลก

แนวคิดเศรษฐกิจสุขภาพยุคใหม่ในไทยธุรกิจไหนได้ประโยชน์มากที่สุด Wellness Economy 5.0 Wellness Economy 5.0 คือแนวคิดเศรษฐกิจสุขภาพยุคใหม่ในไทย ซึ่งมุ่งเน้นการพัฒนาและขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดยยึดสุขภาพและคุณภาพชีวิตของประชาชนเป็นศูนย์กลาง โดยเฉพาะในยุคที่ไทยกำลังกลายเป็นสังคมผู้สูงอายุ (super-aged society) ภายในปี 2033 แนวคิดนี้ไม่ใช่แค่การรักษาโรค แต่คือการส่งเสริมการใช้ชีวิตเชิงป้องกันและทำให้สุขภาพดีเป็นวิถีชีวิตที่รวมถึงความงาม อาหารสุขภาพ การออกกำลังกาย และการท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ Key Idea ของ Wellness Economy 5.0 มุ่งเน้นความสมดุลทั้งทางกาย ใจ อารมณ์ และสังคมผ่านการดำเนินชีวิตที่ดี เกิดการบูรณาการระหว่างเทคโนโลยี เศรษฐกิจ และรูปแบบการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน ผลักดันธุรกิจความงาม อาหารเพื่อสุขภาพ บริการออกกำลังกาย และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเป็นอุตสาหกรรมหลัก รัฐบาลและภาคเอกชนร่วมลงทุนและพัฒนาระบบสาธารณสุขและ wellness hubs เพื่อรองรับตลาดผู้สูงวัยและสุขภาพดีแบบองค์รวม Wellness Economy ในไทยปี 2023 มีมูลค่าตลาดประมาณ 1.4 ล้านล้านบาท เติบโตสูงจากกลุ่มนักท่องเที่ยวสุขภาพที่เพิ่มขึ้นและการผสมผสาน […]

Longevity Trend
read more
24.09.2025 212

Longevity Trend
”เมื่อ ‘วัยทำงาน’ ยาวนานขึ้น โอกาสของคนรุ่นใหม่จะเหลือเท่าไหร่?”

อายุขัยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง (เฉลี่ยเพิ่มขึ้นประมาณ 2 ปีในทุกๆ 10 ปี) ตำแหน่งงานเก่าๆ ยังไม่ว่างให้คนรุ่นใหม่เข้าทำงาน Longevity Trend แนวโน้ม Longevity Trend หรือแนวโน้มคนมีอายุยืนยาวขึ้น ส่งผลให้คนจำนวนมากเลือกหรือจำเป็นต้องเกษียณช้าลงจากเดิม โดยอายุเกษียณที่เคยอยู่ราว 60 ปี เริ่มถูกปรับเพิ่มเป็น 65 ปีขึ้นไป ทั้งในไทยและในหลายประเทศ เพราะคนมีสุขภาพดีขึ้น เรียนรู้และทำงานได้นานขึ้น พร้อมกับระบบสวัสดิการและนโยบายที่สนับสนุนให้คนยังคงมีส่วนร่วมในตลาดแรงงานมากขึ้น ขณะที่การเกษียณช้าช่วยให้มีรายได้และสวัสดิการทางการเงินที่มากขึ้น ลดความเสี่ยงด้านสุขภาพจิตและการแยกตัวจากสังคมได้ด้วย และการทำงานต่อเนื่องยังช่วยให้สมองและร่างกายได้รับการกระตุ้น ช่วยยืดอายุขัยโดยรวม สาเหตุของการเกษียณช้าลง อายุขัยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง (เฉลี่ยเพิ่มขึ้นประมาณ 2 ปีในทุกๆ 10 ปี) คนสูงอายุในยุคใหม่มีสุขภาพดีขึ้น เขียนได้ ชำนาญและมีประสบการณ์มากกว่ารุ่นก่อน ระบบสวัสดิการ ศูนย์ดูแลสุขภาพ และโครงสร้างทางสังคมที่สนับสนุนให้คนสูงอายุทำงานต่อได้ ความจำเป็นด้านการเงิน เช่น รายได้ที่ไม่เพียงพอจากเงินออมและ […]

read more
01.10.2025 701

Event Tourism พลังสำคัญที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลก

ประเทศไทยพร้อมหรือยัง…ที่จะสร้างกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์สู่ระดับนานาชาติ?   กิจกรรมและงานอีเวนต์ ไม่ว่าจะเป็น เทศกาลศิลปะ ดนตรี อาหาร กีฬา หรือวัฒนธรรม ล้วนมีพลังในการเปลี่ยน “พื้นที่หนึ่ง ๆ” ให้กลายเป็น “จุดหมายการท่องเที่ยวระดับโลก” สำหรับประเทศไทย กิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ไม่เพียงช่วยสร้างความสุข แต่ยังสร้างเศรษฐกิจ การจ้างงาน และทำให้ประเทศเป็นที่จดจำในสายตานักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติ  เพื่อให้ก้าวสู่เวทีโลก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยจึงมีการศึกษาศักยภาพกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ระดับนานาชาติของประเทศไทย และได้ใช้เครื่องมือ Future Scenario (ฉากทัศน์แห่งอนาคต) ในการออกแบบ “ภาพอนาคตของ Event Tourism” เพื่อให้เราเห็นว่ากิจกรรมแบบไหนที่ตอบโจทย์การท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ และสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศได้อย่างแท้จริง  ถ้าว่าเคยติดตามคอนเทนต์ของบรารามีซี่ แล็บจะทราบว่าเครื่องมือวิจัยที่เรียกว่า Future Scenario คือ ฉากทัศน์ที่เป็นไปได้ในอนาคตของแบรนด์ หรือคือ ไอเดียแก้ปัญหาที่น่าสนใจ ที่เราอยากได้ทดลองกับกลุ่มตัวอย่าง  อ่านบทความ Brand Future Scenario […]

CTM Cafe
read more
15.09.2025 339

ชาตรามือออกแบรนด์ชา CTM
เดินตลาดตาม Trend Specialty Tea

ชาตรามือ แบรนด์ใหม่ CTM CTM หรือ Captivating Tea Muse เป็นแบรนด์ชาใหม่ล่าสุดจากชาตรามือ ที่เน้นชาพรีเมียมคัดสรรคุณภาพดีเยี่ยม ผสมผสานกับวัตถุดิบคุณภาพสูงเพื่อมอบประสบการณ์รสชาติที่แปลกใหม่และสนุกขึ้น แบรนด์นี้มีใบชาหลากหลายสายพันธุ์มากกว่า 10 ชนิด พร้อมเมนูเด่น เช่น ชาอู่หลงนางงาม ที่ถือเป็นจุดขายสำคัญของแบรนด์ CTM ได้ต่อยอดจากความเชี่ยวชาญด้านชาอย่างลึกซึ้งของชาตรามือเพื่อสร้างชาในมิติใหม่ที่เหนือชั้นกว่าเดิม อะไรทำให้ชาไทย Specialty เป็นเทรนด์ฮิตตอนนี้ การเติบโตของอุตสาหกรรมชาไทยที่มีการพัฒนาเชิงโครงสร้างในด้านคุณภาพของใบชา ความหลากหลายของแหล่งปลูก และกำลังการผลิต ทำให้ไทยกลายเป็นตลาดค้าชารายใหญ่อันดับ 7 ของโลก ผู้บริโภคไทยเริ่มรับรู้และสนใจเครื่องดื่ม Specialty มากขึ้น หลังจากที่กาแฟ Specialty ได้รับความนิยมก่อนหน้านี้ ทำให้มีการพัฒนาชาไทยแบบพรีเมียม ที่มีการคัดใบชาจากแหล่งปลูกหลากหลายทั่วไทย รวมถึงการใช้เทคนิคการชงที่ทันสมัย ชาไทย Specialty เน้นความพิถีพิถันในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การคัดเลือกใบชาคุณภาพสูงที่มีโน้ตรสชาติและกลิ่นเฉพาะตัวแตกต่างกันตามแหล่งปลูก เช่น ชาเชียงราย ชาแม่ฮ่องสอน […]

Subscription

เพื่อรับข้อมูลเกี่ยวกับความรู้เทรนด์และวิจัยต่อเนื่อง