Baramizi Lab logo

สิงค์โปร์เปิดตัวนโยบาย โครงการ “Singapore Move Foward”

สิงค์โปร์เปิดตัวนโยบาย โครงการ “Singapore Move Foward”

เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2567 ในสุนทรพจน์วันชาติของประเทศสิงค์โปร์ นายกรัฐมนตรี ลอว์เรนซ์ หว่อง ได้แสดงความขอบคุณต่อผู้นำในอดีต และเน้นย้ำถึงความสำคัญของความรอบคอบและความกล้าหาญในการนำทางอนาคตของสิงคโปร์ท่ามกลางความไม่แน่นอนของโลก ไม่ว่าจะเป็นการกีดกันกันเองระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน ที่มีผลกระทบต่อประเทศสิงค์โปร์ที่ต้องพึ่งพาทั้งสองประเทศในเรื่องของการค้าขาย การเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากเทคโนโลยี เช่น AI และผลกระทบที่มีต่อวิธีการทำงานและเรียนรู้และได้เตือนถึงภัยคุกคามจากการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ และความจำเป็นในการลดการปล่อยคาร์บอนและเตรียมพร้อมรับมือกับผลกระทบ

ทั้งนี้เขากล่าวถึงความจำเป็นในการจัดทำข้อตกลงทางสังคมใหม่ภายใต้โครงการ “Singapore Move Forward” ซึ่งมุ่งหวังให้สังคมมีความครอบคลุม เห็นอกเห็นใจ และยืดหยุ่นมากขึ้น หว่องยังได้สรุปแผนงานที่จะกำหนดนโยบายใหม่ในพื้นที่สำคัญๆ เช่น ด้านกีฬา เศรษฐกิจ ที่อยู่อาศัย ครอบครัว และการศึกษา และเรียกร้องให้เกิดการดำเนินการร่วมกันเพื่อให้บรรลุความฝันของสิงคโปร์ที่ดียิ่งขึ้น

 

ด้านกีฬา : แผนการสร้างสนามกีฬาในร่มแห่งใหม่และปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับนักกีฬาในพื้นที่ Kallang เป้าหมายคือการทำให้ Kallang เป็นศูนย์กลางสำหรับนักกีฬาชั้นนำและประชาชนทั่วไป  โดยสร้างสนามกีฬาในร่มแห่งใหม่ที่มีความจุ 18,000 คน พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกใหม่จะรวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกด้านวิทยาศาสตร์การกีฬาและการแพทย์ขั้นสูง และศูนย์ฝึกอบรมระดับชาติที่สำคัญ

ด้านเศรษฐกิจ : เน้นความสำคัญของการลงทุนในวิจัยและพัฒนาเพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันกับประเทศอื่น ประกาศโครงการใหม่ที่ให้เงินสนับสนุนการฝึกอบรมและการพัฒนาทักษะสำหรับชาวสิงคโปร์อายุ 40 ปีขึ้นไป และแนะนำโครงการช่วยเหลือทางการเงินสำหรับผู้ที่ว่างงานและการสนับสนุนด้านการฝึกอบรมและการหางาน นอกจากนี้ยังลดค่าใช้จ่ายและขั้นตอนของกฏเกณฑ์ต่างๆ ที่ยุ่งยากเพื่อดึงดูดให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนหรือเปิดบริษัทในประเทศมากขึ้น

ด้านที่อยู่อาศัย : มีแผนการพัฒนารอบ Marina Bay ซึ่งรวมถึงการสร้าง National Service Square, Bay East Garden และสะพานคนเดินเชื่อมพื้นที่ริมน้ำและ​​เงินอุดหนุนที่อยู่อาศัย CPF ขั้นสูง ซึ่งให้เงินช่วยเหลือสูงถึง 80,000 ดอลลาร์สำหรับคู่สามีภรรยาที่มีรายได้น้อยที่ซื้อบ้านหลังแรก คนโสดจะได้รับสิทธิ์ซื้อแฟลตแบบสร้างตามสั่ง (Build-To-Order หรือ BTO) ก่อนเมื่อซื้อบ้านใกล้กับพ่อแม่ของตน นอกจากนี้ ทางการกำลังพิจารณาแนวทางเพื่อทำให้บ้านที่มีอยู่เป็นมิตรต่อผู้สูงอายุมากขึ้น 

ด้านครอบครัว : เพิ่มสิทธิลาเพื่อเลี้ยงดูบุตรร่วมกันอีก 10 สัปดาห์จากสิทธิลา 16 สัปดาห์สำหรับคุณแม่ และ 4 สัปดาห์สำหรับคุณพ่อ จะมีการสนับสนุนเพิ่มเติมสำหรับครอบครัวที่มีลูกคนที่สามหรือมีลูกเล็กสามคนขึ้นไป ซึ่งเป็นความพยายามในการแก้ไขปัญหาอัตราการเจริญพันธุ์ที่ลดลงของสิงคโปร์ ซึ่งลดลงเหลือ 0.97 ในปี 2023 โดยมีเป้าหมายในการส่งเสริมการเติบโตของครอบครัว

ด้านการศึกษา : โครงการ Gifted Education Programme (GEP) จะถูกแทนที่ด้วยแนวทางใหม่ที่โรงเรียนประถมศึกษาทั้งหมด ช่วยให้นักเรียนที่มีความสามารถจำนวนมากสามารถบรรลุศักยภาพสูงสุดของตนเองได้ มีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนนักเรียนทุกคน รวมถึงนักเรียนจากโรงเรียนในชนบทและในละแวกใกล้เคียง โรงเรียนที่มีนักเรียนด้อยโอกาสหรือต้องการการศึกษาระดับสูงจะได้รับครูและเงินทุนเพิ่มเติม 

 

ทั้งหมดนี้คือการชูนโยบายที่นายกรัฐมนตรี ลอว์เรนซ์ หว่อง ได้เน้นย้ำผ่านการกล่าวสุนทรพจน์หลังวันชาติครั้งแรกของเขา ด้วยระยะเวลายาวนานถึง 1 ชั่วโมงครึ่ง สุนทรพจน์นี้ได้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการนำพาประเทศสิงคโปร์ไปสู่อนาคตที่เต็มไปด้วยความท้าทาย โดยการวางแผนเชิงกลยุทธ์ในทุกมิติ ทั้งด้านกีฬา เศรษฐกิจ ที่อยู่อาศัย ครอบครัว และการศึกษา ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเป็นประเทศขนาดเล็กแต่มีศักยภาพสูงอันดับต้น ๆ ของโลก ได้รับการชี้นำจากผู้นำที่ทรงคุณค่า และการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคตจะเป็นตัวชี้วัดความสำเร็จของสิงคโปร์ในการก้าวข้ามความท้าทายของโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

 

ผู้เขียน

นางสาวจินต์ศุจี มณฑิราลัยพร

 

ที่มา

https://www.straitstimes.com/singapore/politics/ndr-2024-key-highlights-from-pm-wong-s-first-rally 

https://brandinside.asia/pm-lawrence-wong-speech-on-national-day-rally-2024/ 

https://www.todayonline.com/news/national-day-rally-2024-live-2475081 

https://www.businesstimes.com.sg/singapore/national-day-rally-major-reset-policies-mindsets-needed-realise-singapores-new-ambitions

RECOMMEND

read more
20.10.2025 13

ท้องฟ้ายามค่ำคืน ‘มืด’ จริงหรือไม่

ปรากฏการณ์ “แสงจากดาวเทียม” คืออะไรเเล้วกระทบกับเรามากแค่ไหน ทุกวันนี้ท้องฟ้ายามค่ำคืนไม่ได้มีสีดำสนิทอีกต่อไป ในยุคที่เครือข่ายอินเทอร์เน็ตจากอวกาศเติบโตอย่างก้าวกระโดด กลุ่มดาวเทียมวงโคจรต่ำจำนวนมหาศาลได้เริ่มทิ้งร่องรอยเป็นเส้นแสงสีขาวพาดผ่านผืนฟ้า ปรากฏการณ์นี้คือสิ่งที่เรารู้จักกันในชื่อ “มลภาวะแสงจากดาวเทียม” (Satellite Light Pollution) แก่นของปัญหาคือ ในช่วงเวลาที่ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า แต่แสงอาทิตย์ยังคงส่องกระทบวัตถุในวงโคจร ไม่ว่าจะเป็นแผงโซลาร์เซลล์หรือเสาอากาศ กลับมายังโลก ทำให้เรามองเห็นเป็นเส้นสว่างวาบเคลื่อนที่ผ่านหมู่ดาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงหัวค่ำและรุ่งสาง ทำไมปัญหานี้จึงเด่นชัดขึ้นในวันนี้? หลายคนอาจสงสัยว่าเหตุใดปรากฏการณ์นี้จึงกลายเป็นที่พูดถึงอย่างกว้างขวางในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ปัจจัยหลักคือปริมาณดาวเทียมที่เพิ่มขึ้นทวีคูณ โครงการกลุ่มดาวเทียม (Satellite Constellations) เพื่อให้บริการอินเทอร์เน็ตและการสำรวจโลก ได้ส่งดาวเทียมขึ้นสู่วงโคจรนับหมื่นดวง และยังมีแผนจะเพิ่มจำนวนขึ้นอีกในอนาคต หรือหากมองภาพง่ายๆ คือท้องฟ้าที่เเน่นไปด้วยหมู่ดาวเทียม ทำให้ภารกิจในการเฝ้ามอ […]

T-Beauty
read more
08.10.2025 326

จาก T-Pop สู่ T-Beauty: เมื่อวัฒนธรรมไทยกลายเป็นพลังขับเคลื่อนอุตสาหกรรมความงาม

ปัจจัยสำคัญในการสร้างความสำเร็จของแบรนด์ T-Beauty ความนิยมและความเติบโตของตลาด T-Beauty ตลาดความงามในไทยเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยมูลค่ารวมมากกว่า 6.6 พันล้านดอลลาร์ในปี 2022 และอัตราการเติบโตเฉลี่ยปีละ 9-10% ตลาดนี้ได้นำเสนอระบบนิเวศน์ครบวงจรที่ผสมผสานวัฒนธรรม ความคิดสร้างสรรค์ และนวัตกรรม ทั้งด้านผลิตภัณฑ์และการตลาดดิจิทัล โดยมีแบรนด์ไทยเป็นที่สนใจและได้รับการยอมรับในตลาดโลกมากขึ้น การจำหน่ายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์และช่องทางค้าปลีกหลักๆ มีบทบาทสำคัญ อิทธิพลของวัฒนธรรมและไอดอล T-Pop ความสำเร็จของ T-Beauty ได้รับแรงสนับสนุนจากวัฒนธรรมป๊อปไทยหรือ T-Pop เช่น นักแสดงจากละครแนว BL และศิลปินดังอย่าง Lisa จาก BLACKPINK ที่กลายเป็นหน้าโฆษณาของแบรนด์ทั้งในและต่างประเทศ ลักษณะความงามที่เน้นความเป็นธรรมชาติ แบบ “Swai Meiku” คือความสมดุลระหว่างสไตล์เอเชียและตะวันตกที่ดูสวยแบบไม่ตั้งใจแต่ตั้งใจ ทำให้เกิดกระแสแรงบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เทรนด์สกินแคร์ที่โดดเด่น กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เติบโตเร็ว เช่น เซรั่ม Exosome, ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ Growth Factors และเปปไทด์ ซึ่งเน้นการปรับปรุงสุขภาพผิวตามชีววิทยาเ […]

thai cities safety resilience trend
read more
02.10.2025 374

แนวโน้มจะเป็นอย่างไรเมื่อ World Bank เตือน GDP ไทยอาจลด 7-14% ในปี 2593 เพราะภัยพิบัติโลกร้อน

แม้เราจะเดินทางมาถึงช่วงท้ายของปี 2025 แต่ประเทศไทยยังคงเผชิญกับภัยพิบัติทางธรรมชาติหลากหลายรูปแบบอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสะท้อนถึงสถานการณ์โลกที่กำลังเผชิญกับภัยพิบัติที่มากขึ้นเรื่อยๆ หากเทียบข้อมูลย้อนหลัง จำนวนภัยพิบัติทั่วโลกเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน จากเพียง 23 ครั้งในปี 1950 กลายเป็นกว่า 361 ครั้งในปี 2019 ซึ่งล้วนเเล้วเเต่เป็นผลของสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง สำหรับประเทศไทย แม้จะปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพียง 258 ล้านตัน คิดเป็น 0.76% ของการปล่อยทั้งหมดทั่วโลกในปี 2020 (ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 24) แต่กลับถูกจัดอยู่ใน ประเทศที่เสี่ยงได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมากที่สุดเป็นอันดับ 9 ของโลก ความเสี่ยงนี้ครอบคลุมเกือบทุกมิติ ตั้งแต่ผลผลิตทางการเกษตรและประมงชายฝั่ง ไปจนถึงการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ และฐานทรัพยากรด้านการท่องเที่ยวที่เป็นเสน่ห์สำคัญของประเทศ รายงานของ ธนาคารโลก (World Bank) ในช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา เตือนว่า หากไทยยังขาดมาตรการรับมือที่จริงจัง ภาวะโลกร้อนอาจทำให้ GDP ของประเทศลดลงถึง 7–14% ภายในปี 2593 โดยเฉพาะต่อประชากรเปราะบางกว่า 9.4 ล้านคน ซึ่งมีมากถึง 8 ล้านคนที่อย […]

Wellness Economy 5.0
read more
25.09.2025 264

Wellness Economy 5.0 พลังขับเคลื่อนไทยสู่ศูนย์กลางสุขภาพโลก

แนวคิดเศรษฐกิจสุขภาพยุคใหม่ในไทยธุรกิจไหนได้ประโยชน์มากที่สุด Wellness Economy 5.0 Wellness Economy 5.0 คือแนวคิดเศรษฐกิจสุขภาพยุคใหม่ในไทย ซึ่งมุ่งเน้นการพัฒนาและขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดยยึดสุขภาพและคุณภาพชีวิตของประชาชนเป็นศูนย์กลาง โดยเฉพาะในยุคที่ไทยกำลังกลายเป็นสังคมผู้สูงอายุ (super-aged society) ภายในปี 2033 แนวคิดนี้ไม่ใช่แค่การรักษาโรค แต่คือการส่งเสริมการใช้ชีวิตเชิงป้องกันและทำให้สุขภาพดีเป็นวิถีชีวิตที่รวมถึงความงาม อาหารสุขภาพ การออกกำลังกาย และการท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ Key Idea ของ Wellness Economy 5.0 มุ่งเน้นความสมดุลทั้งทางกาย ใจ อารมณ์ และสังคมผ่านการดำเนินชีวิตที่ดี เกิดการบูรณาการระหว่างเทคโนโลยี เศรษฐกิจ และรูปแบบการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน ผลักดันธุรกิจความงาม อาหารเพื่อสุขภาพ บริการออกกำลังกาย และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเป็นอุตสาหกรรมหลัก รัฐบาลและภาคเอกชนร่วมลงทุนและพัฒนาระบบสาธารณสุขและ wellness hubs เพื่อรองรับตลาดผู้สูงวัยและสุขภาพดีแบบองค์รวม Wellness Economy ในไทยปี 2023 มีมูลค่าตลาดประมาณ 1.4 ล้านล้านบาท เติบโตสูงจากกลุ่มนักท่องเที่ยวสุขภาพที่เพิ่มขึ้นและการผสมผสาน […]

Longevity Trend
read more
24.09.2025 242

Longevity Trend
”เมื่อ ‘วัยทำงาน’ ยาวนานขึ้น โอกาสของคนรุ่นใหม่จะเหลือเท่าไหร่?”

อายุขัยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง (เฉลี่ยเพิ่มขึ้นประมาณ 2 ปีในทุกๆ 10 ปี) ตำแหน่งงานเก่าๆ ยังไม่ว่างให้คนรุ่นใหม่เข้าทำงาน Longevity Trend แนวโน้ม Longevity Trend หรือแนวโน้มคนมีอายุยืนยาวขึ้น ส่งผลให้คนจำนวนมากเลือกหรือจำเป็นต้องเกษียณช้าลงจากเดิม โดยอายุเกษียณที่เคยอยู่ราว 60 ปี เริ่มถูกปรับเพิ่มเป็น 65 ปีขึ้นไป ทั้งในไทยและในหลายประเทศ เพราะคนมีสุขภาพดีขึ้น เรียนรู้และทำงานได้นานขึ้น พร้อมกับระบบสวัสดิการและนโยบายที่สนับสนุนให้คนยังคงมีส่วนร่วมในตลาดแรงงานมากขึ้น ขณะที่การเกษียณช้าช่วยให้มีรายได้และสวัสดิการทางการเงินที่มากขึ้น ลดความเสี่ยงด้านสุขภาพจิตและการแยกตัวจากสังคมได้ด้วย และการทำงานต่อเนื่องยังช่วยให้สมองและร่างกายได้รับการกระตุ้น ช่วยยืดอายุขัยโดยรวม สาเหตุของการเกษียณช้าลง อายุขัยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง (เฉลี่ยเพิ่มขึ้นประมาณ 2 ปีในทุกๆ 10 ปี) คนสูงอายุในยุคใหม่มีสุขภาพดีขึ้น เขียนได้ ชำนาญและมีประสบการณ์มากกว่ารุ่นก่อน ระบบสวัสดิการ ศูนย์ดูแลสุขภาพ และโครงสร้างทางสังคมที่สนับสนุนให้คนสูงอายุทำงานต่อได้ ความจำเป็นด้านการเงิน เช่น รายได้ที่ไม่เพียงพอจากเงินออมและ […]

Subscription

เพื่อรับข้อมูลเกี่ยวกับความรู้เทรนด์และวิจัยต่อเนื่อง