Baramizi Lab logo

A.I. ความก้าวหน้าของเทคโนโลยี ที่ควรมีการกำกับดูแลที่เหมาะสม

A.I. ความก้าวหน้าของเทคโนโลยี ที่ควรมีการกำกับดูแลที่เหมาะสม

ปัญญาประดิษฐ์ หรือ Artificial Intelligence (AI) กลายเป็นพลังแห่งการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมต่างๆ โดยได้ปฏิวัติการดูแลสุขภาพ การเงิน การขนส่ง และอื่นๆ อีกมากมาย อย่างไรก็ตาม ด้วยความก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว จึงมีความจำเป็นเร่งด่วนสำหรับกฎระเบียบที่ครอบคลุมเพื่อจัดการกับข้อกังวลด้านจริยธรรม รับประกันความรับผิดชอบและจัดการความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ประชาคมโลกอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญ โดยต้องเผชิญกับความซับซ้อนของนวัตกรรมทางเทคโนโลยี ผลกระทบทางสังคมและกรอบการกำกับดูแลที่มุ่งควบคุมศักยภาพของ AI ในขณะเดียวกันก็ป้องกันข้อผิดพลาด วิวัฒนาการของแนวทางการกำกับดูแลเหล่านี้จะมีบทบาทสำคัญในการกำหนดผลกระทบในอนาคตต่ออุตสาหกรรมและชุมชนทั่วโลก

ความจำเป็นสำหรับกฏหมายควบคุม AI

กฏหมายควบคุมดูแล AI เกิดขึ้นจากผลกระทบของปัญญาประดิษฐ์ในมิติทางสังคม เศรษฐกิจ และจริยธรรม ในขณะที่เทคโนโลยี AI ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ความกังวลเกี่ยวกับการละเมิดความเป็นส่วนตัว อคติของอัลกอริทึมและผลกระทบทางจริยธรรมก็มีความกดดันมากขึ้น หากไม่มีกฎระเบียบที่มีประสิทธิภาพก็มีความเสี่ยงที่ระบบ AI อาจทำให้เกิดความไม่เท่าเทียมกัน ละเมิดสิทธิส่วนบุคคล และทำลายความไว้วางใจของสาธารณะ ด้วยการกำหนดแนวทางและมาตรฐานที่ชัดเจน หน่วยงานกำกับดูแลตั้งเป้าที่จะส่งเสริมนวัตกรรมในขณะเดียวกันก็ป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้น เพื่อให้มั่นใจว่าการพัฒนา AI สอดคล้องกับหลักการทางจริยธรรมและตอบสนองผลประโยชน์ในวงกว้างของสังคม ดังนั้นกฎระเบียบ AI ที่แข็งแกร่งจึงเป็นสิ่งสำคัญในการนำทางความซับซ้อนของเทคโนโลยีอย่างมีความรับผิดชอบและยั่งยืนไปสู่อนาคต

AI Act กฏหมายปัญญาประดิษฐ์ฉบับแรกของโลก

AI Act เกิดขึ้นโดยสหภาพยุโรปที่เป็นผู้นำด้านกฎระเบียบด้าน AI ในเดือนเมษายน ปี 2021 และมีผลบังคับใช้ปลายปี 2025 การควบคุมการใช้ AI ในยุโรปให้อยู่ภายใต้กรอบความปลอดภัย เคารพสิทธิขั้นพื้นฐานของผู้คน สนับสนุนประชาธิปไตย ในขณะเดียวกันก็เปิดโอกาสให้ธุรกิจสามารถพัฒนา เติบโตและขยายตัวภายใต้การควบคุมได้เช่นเดียวกัน ดังนั้น AI Act จึงไม่ใช่แค่กฎหมายที่ร่างขึ้นมาเพื่อกำกับดูแลการใช้งานอย่างถูกต้องและมีจริยธรรมเท่านั้น แต่ยังส่งเสริมการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ และทำให้ยุโรปเป็นผู้นำทางด้านนี้อีกด้วย

ทว่าสหภาพยุโรปได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับ AI บางประเภทที่อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสิทธิของพลเมืองและประชาธิปไตย สมาชิกของสหภาพจึงได้ตกลงที่จะห้ามการปฏิบัติเฉพาะ 6 ประการ ดังนี้

  1. Biometric Categorisation Systems หรือระบบที่จัดหมวดหมู่บุคคลตามคุณลักษณะทางชีวมิติ (ทางกายภาพหรือพฤติกรรม) เช่น ลายนิ้วมือหรือลักษณะใบหน้า และการใช้ข้อมูลที่ละเอียดอ่อน เช่น มุมมองทางการเมือง ความเชื่อทางศาสนา ความเชื่อทางปรัชญา รสนิยมทางเพศ หรือเชื้อชาติ
  2. Untargeted Scraping of Facial Images หรือการคัดลอกภาพใบหน้าจากอินเทอร์เน็ตหรือภาพวงจรปิดโดยเฉพาะเจาะจงที่ใคร และนำภาพเหล่านั้นมาสร้างฐานข้อมูลสำหรับเทคโนโลยีการจดจำใบหน้า (Facial Recognition)
  3. Emotion recognition หรือระบบการจดจำอารมณ์ความรู้สึก เช่น การใช้กล้องหรือเซ็นเซอร์อื่นๆ เพื่อตรวจจับการแสดงออกทางสีหน้า ภาษากาย หรือสัญญาณอื่นๆ ที่บ่งบอกว่าใครบางคนรู้สึกอย่างไร
  4. Social Scoring หรือการใช้ AI ในการให้คะแนนบุคคลจากพฤติกรรมทางสังคมหรือลักษณะส่วนบุคคล
  5. ระบบ AI ที่บิดเบือนพฤติกรรมของมนุษย์เพื่อหลีกเลี่ยงเจตจำนงเสรี คือระบบ AI ที่ถูกนำมาใช้ชี้นำหรือควบคุมพฤติกรรมของมนุษย์เพื่อจำกัดเสรีภาพในการตัดสินใจ
  6. AI ที่ใช้เพื่อแสวงหาประโยชน์จากความเปราะบางของผู้คน เช่น อายุ ความพิการ สถานการณ์ทางสังคม หรือเศรษฐกิจ (ข้อกังวลด้านจริยธรรมในการใช้ AI อย่างมีความรับผิดชอบและยุติธรรม)

นอกเหนือจากสหภาพยุโรปที่มีกฏหมายควบคุมปัญญาประดิษฐ์แล้ว ยังมีประเทศอื่นๆ ที่เริ่มพิจารณาการร่างกฏหมายหรือบังคับใช้กฏหมายที่เกี่ยวกับ AI มากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น

สหรัฐอเมริกา

ตั้งแต่ต้นปี 2022 สหรัฐอเมริกาไม่มีกฎหมายของรัฐบาลกลางที่ครอบคลุมซึ่งกำหนดเป้าหมายไปที่กฎระเบียบ AI โดยเฉพาะ อย่างไรก็ตาม การอภิปรายยังดำเนินอยู่เกี่ยวกับกรอบการกำกับดูแลที่เป็นไปได้เพื่อจัดการกับข้อกังวลด้านจริยธรรม ความเป็นส่วนตัวของข้อมูล และความปลอดภัย

ขณะที่บางรัฐ เช่น แคลิฟอร์เนีย ได้มีการบังคับใช้กฎหมายที่เน้นเรื่อง AI โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับความเป็นส่วนตัวและการปกป้องข้อมูลแล้วเรียบร้อย

จีน

ในฐานะผู้นำระดับโลกด้านการพัฒนาเทคโนโลยี AI จีนได้ปรับใช้กรอบการกำกับดูแลที่เน้นความเป็นส่วนตัวของข้อมูล ความปลอดภัยทางไซเบอร์ และจริยธรรมของ AI รัฐบาลจีนได้ออกแนวปฏิบัติและมาตรฐานสำหรับการพัฒนา AI โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างสมดุลระหว่างนวัตกรรมกับความมั่นคงทางสังคมและการพิจารณาด้านจริยธรรม

สิงคโปร์

ได้จัดทำกรอบการกำกับดูแล Model AI เพื่อเป็นแนวทางแก่องค์กรต่างๆ ในการนำ AI ไปใช้อย่างมีความรับผิดชอบ กรอบการทำงานดังกล่าวเน้นความโปร่งใส ความรับผิดชอบ และความเป็นธรรมในระบบ AI เพื่อสร้างความไว้วางใจระหว่างผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและปกป้องสิทธิของผู้บริโภค

ประเทศในอาเซียน

ภายในภูมิภาคอาเซียน ประเทศต่างๆ รวมถึงประเทศไทย กำลังสำรวจความพยายามร่วมกันเพื่อทำให้กฎระเบียบและมาตรฐาน AI สอดคล้องกัน โครงการริเริ่มประกอบด้วยโปรแกรมเสริมสร้างขีดความสามารถ การเจรจาเชิงนโยบาย และการพัฒนาแนวปฏิบัติระดับภูมิภาคเพื่อส่งเสริมแนวทางที่สอดคล้องกันในการกำกับดูแล AI

แม้จะมีความพยายามที่จะควบคุม AI แต่ความท้าทายยังคงมีอยู่ นวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่ก้าวไปอย่างรวดเร็วมักจะแซงหน้ากรอบการกำกับดูแล ซึ่งนำไปสู่ช่องว่างในการกำกับดูแลและการบังคับใช้ นอกจากนี้ การถกเถียงยังคงดำเนินต่อไปเกี่ยวกับความสมดุลระหว่างการส่งเสริมนวัตกรรมและการป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้น

ทิศทางในอนาคตของกฏหมายควบคุม AI

เส้นทางข้างหน้าในกฎระเบียบด้าน AI ต้องได้รับความร่วมมือระหว่างรัฐบาล ผู้นำในอุตสาหกรรม นักวิชาการ และภาคประชาสังคม เพื่อพัฒนานโยบายที่ครอบคลุมซึ่งส่งเสริมนวัตกรรมในขณะเดียวกันก็ปกป้องผลประโยชน์สาธารณะ เช่น

  • มาตรฐานอุตสาหกรรมและแนวทางปฏิบัติ : โครงการริเริ่มที่นำโดยอุตสาหกรรมมีบทบาทสำคัญในการกำหนดแนวทางด้านจริยธรรมและแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสำหรับการพัฒนาและการปรับใช้ AI
  • การตระหนักรู้และการมีส่วนร่วมของสาธารณะ : การให้ความรู้แก่สาธารณะเกี่ยวกับเทคโนโลยี AI ประโยชน์ที่อาจเกิดขึ้น ความเสี่ยงและกำหนดลำดับความสำคัญของนโยบายสาธารณะ
  • ความร่วมมือระหว่างประเทศ : โครงการและความคิดริเริ่มต่างๆ เช่น ที่นำโดย OECD (The Organisation for Economic Co-operation and Development) และ G20 อำนวยความสะดวกในการแบ่งปันความรู้และการประสานกันของกฎระเบียบด้าน AI ในระดับโลก

แนวปฏิบัติด้านจริยธรรมมีบทบาทสำคัญในการควบคู่ไปกับกรอบทางกฎหมาย โดยเป็นแนวทางให้กับนักพัฒนาและผู้ใช้ในการปรับใช้ AI อย่างมีความรับผิดชอบ หลักการของความเป็นธรรม ความโปร่งใส ความรับผิดชอบ และการไม่แบ่งแยกได้รับความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อลดอคติและรับประกันว่า AI จะทำหน้าที่เพื่อประโยชน์ทางสังคมในวงกว้าง

เมื่อมองไปข้างหน้า วิวัฒนาการของกฎระเบียบด้าน AI จะเป็นหัวใจสำคัญ ความร่วมมือระหว่างรัฐบาล ผู้นำในอุตสาหกรรม และกลุ่มผู้สนับสนุนจะมีความสำคัญในการประสานมาตรฐานระดับโลกและจัดการกับความท้าทายใหม่ที่อาจเกิดขึ้น ในขณะที่ AI ยังคงกำหนดนิยามใหม่ของความเป็นไปได้ การแสวงหากฎระเบียบที่มีประสิทธิภาพยังคงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการกำหนดอนาคตที่นวัตกรรมอยู่ร่วมกันอย่างมีความรับผิดชอบกับความเป็นอยู่ที่ดีของสังคม

ผู้เขียน: 

จินต์ศุจี มณฑิราลัยพร

ที่มา

https://www.spiceworks.com/tech/artificial-intelligence/articles/ai-regulations-around-the-world/ 

https://www.mindfoundry.ai/blog/ai-regulations-around-the-world 

https://techsauce.co/news/world-first-laws-to-regulate-ai-in-eu-called-ai-act 

RECOMMEND

CTM Cafe
read more
15.09.2025 72

ชาตรามือออกแบรนด์ชา CTM
เดินตลาดตาม Trend Specialty Tea

ชาตรามือ แบรนด์ใหม่ CTM CTM หรือ Captivating Tea Muse เป็นแบรนด์ชาใหม่ล่าสุดจากชาตรามือ ที่เน้นชาพรีเมียมคัดสรรคุณภาพดีเยี่ยม ผสมผสานกับวัตถุดิบคุณภาพสูงเพื่อมอบประสบการณ์รสชาติที่แปลกใหม่และสนุกขึ้น แบรนด์นี้มีใบชาหลากหลายสายพันธุ์มากกว่า 10 ชนิด พร้อมเมนูเด่น เช่น ชาอู่หลงนางงาม ที่ถือเป็นจุดขายสำคัญของแบรนด์ CTM ได้ต่อยอดจากความเชี่ยวชาญด้านชาอย่างลึกซึ้งของชาตรามือเพื่อสร้างชาในมิติใหม่ที่เหนือชั้นกว่าเดิม อะไรทำให้ชาไทย Specialty เป็นเทรนด์ฮิตตอนนี้ การเติบโตของอุตสาหกรรมชาไทยที่มีการพัฒนาเชิงโครงสร้างในด้านคุณภาพของใบชา ความหลากหลายของแหล่งปลูก และกำลังการผลิต ทำให้ไทยกลายเป็นตลาดค้าชารายใหญ่อันดับ 7 ของโลก ผู้บริโภคไทยเริ่มรับรู้และสนใจเครื่องดื่ม Specialty มากขึ้น หลังจากที่กาแฟ Specialty ได้รับความนิยมก่อนหน้านี้ ทำให้มีการพัฒนาชาไทยแบบพรีเมียม ที่มีการคัดใบชาจากแหล่งปลูกหลากหลายทั่วไทย รวมถึงการใช้เทคนิคการชงที่ทันสมัย ชาไทย Specialty เน้นความพิถีพิถันในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การคัดเลือกใบชาคุณภาพสูงที่มีโน้ตรสชาติและกลิ่นเฉพาะตัวแตกต่างกันตามแหล่งปลูก เช่น ชาเชียงราย ชาแม่ฮ่องสอน […]

read more
12.09.2025 86

แนวโน้ม Trend สำคัญของโรงงาน ในปี 2025

โรงงานยุคใหม่ต้องเป็นทั้ง “อัจฉริยะ” และ “ยั่งยืน” เพื่อรักษาความแข่งขันในตลาดโลก “อัจฉริยะ” และ “ยั่งยืน” โรงงานยุคใหม่ต้องเป็นทั้ง “อัจฉริยะ” และ “ยั่งยืน” เพื่อรักษาความแข่งขันในตลาดโลก ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีดิจิทัลและความเปลี่ยนแปลงของห่วงโซ่อุปทาน ผลักดันให้โรงงานต้องพัฒนาไปสู่ระบบอัตโนมัติที่มีความสามารถในการคาดการณ์ ใช้ข้อมูลแบบเรียลไทม์ และสร้างประสบการณ์ที่ดึงดูดผู้บริโภค มากไปกว่านั้น ความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม กลายเป็นปัจจัยหลักในการกำหนดกลยุทธ์ของผู้ประกอบการโรงงานทั้งหลาย เทรนด์โรงงานแห่งอนาคต 1. Foresight Factories: โรงงานมองการณ์ไกล ระบบ Predictive Maintenance ช่วยระบุปัญหาก่อนเกิดเหตุจริง และใช้ Digital Twin ในการจำลองสถานการณ์ผลิตเพื่อปรับปรุงกระบวนการอย่างแม่นยำ ภายในปี 2025 อัตราการใช้ระบบอัตโนมัติจะเพิ่มจาก 69% เป็น 79% ขณะที่การเชื่อมต่อทุกกระบวนการช่วยให้ตัดสินใจได้รวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น 2. Decentralized Manufacturing: ผลิตแบบกระจายศูนย์ โรงงานขนาดเล็กเคลื่อนย้ายได้ พร้อมตอบสนองความต้องการในท้องถิ่นอย่างรวดเร็ว ผู้ผลิตรายใหญ่เริ่มพัฒนาชุดโรงงานย่อยที่ […]

Day One Tactics
read more
10.09.2025 250

Day One Tactics ธุรกิจจับคู่จะชนะอย่างไร เมื่อ ‘ความเร็ว’ และ ‘ตัวเลือกเยอะ’ ไม่ใช่คุณค่าหลักของพฤติกรรมผู้ใช้งาน

ในโลกที่ความสัมพันธ์ไม่ใช่เส้นตรงอีกต่อไป ตั้งแต่หาเพื่อน, หากลุ่มเฉพาะทางที่สนใจ, หางานที่ตรงสาย ไปจนหาเดตที่ใช่ ในทุกวันนี้ทุกอย่างกำลังกระจายตัวสู่ “แพลตฟอร์มตัวกลาง” ที่ทำให้คนอยากเจอกันได้เจอกันง่ายขึ้น แต่ความต้องที่ซับซ้อนอยู่ในตัวทุกคน เรามีความเหงาแต่ก็ขี้เกียจในเวลาเดียวกัน แอปต่างๆ อาจทำให้การเริ่มบทสนทนาง่ายขึ้น แต่ไม่ได้ตอบโจทย์ที่ตรงใจ กลับกัน มันยิ่งตอกคำถามว่าเราจะรักษาความตั้งใจ ความปลอดภัย และความคุ้มค่าของเวลาที่จ่ายลงไปอย่างไร ความซับซ้อนของพฤติกรรมทำให้รูปแบบการมองหาความสัมพันธ์เกิดความยากขึ้น ผู้ใช้งานพร้อมที่จะ ‘ยกเลิก’ ความสัมพันธ์ตลอดเวลา แทนที่การ ‘รักษา’ ให้คงไว้ ตัวอย่างเช่น การเตรียมตัวเพื่อถอนตัวล่วงหน้า (Banksying), การค่อยๆ เว้นระยะห่างก่อนจากลา (Slow Fade), หรือ การหายไปเฉย ๆ ตัดการสื่อสารทันที (Ghosting) ซึ่งทั้งหมด มี “รากพฤติกรรมร่วม” คือการ หลีกเลี่ยงความอึดอัด (Avoidance), ปกป้องตนเองทางอารมณ์ (Self-Preservation) และ “ภาวะล้นทางเลือก” (Choice Overload) ซึ่งจะเกิดเป็น “ความเหนื่อยล้า” (Dating-App Fatigue) ภาวะทั้งหมดนี้ล้วนกระทบธุรกิจที่ซึ่งขาย ‘ควา […]

read more
08.09.2025 111

UPF: อาหารแปรรูปสูง ที่คุณคิดว่า “ดีต่อสุขภาพ” อาจไม่ใช่อย่างที่คิด

เฮลตี้? หรือแค่ภาพลวงตาของอุตสาหกรรมอาหาร เช้า: ซีเรียลแท่งไฟเบอร์สูงในมือคุณ กลางวัน: ข้าวกล่องคลีนแช่แข็ง เย็น: โยเกิร์ต fat-free รสผลไม้ คุณอาจคิดว่ากำลังกินเพื่อสุขภาพ แต่จริง ๆ แล้ว… สิ่งเหล่านี้จำนวนมากคือ Ultra-Processed Foods (UPF) อาหารแปรรูปสูงที่ผ่านการแต่ง เติม ปรุง ปลอม จนแทบไม่เหลือร่องรอยธรรมชาติ UPF คืออะไร ทำไมถึงอันตรายกว่าที่คิด?  อาหารแปรรูประดับสูงคืออาหารที่ถูกผ่านกระบวนการผลิตหลายขั้นตอน จนแทบไม่เหลือร่องรอยของวัตถุดิบธรรมชาติดั้งเดิม จุดเด่นคือมีการเติมสารสังเคราะห์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น สารกันเสีย สารแต่งกลิ่น สี สารเพิ่มความหวาน และสารปรุงแต่งรส เพื่อให้อาหารเก็บได้นาน ดูน่ากิน และถูกปากยิ่งขึ้น ที่น่าตกใจคือ… หลายครั้งอาหารที่ถูกโฆษณาให้ดู “เฮลตี้” ก็ยังเข้าข่ายเป็น UPF เช่น ซีเรียลไฟเบอร์สูงที่จริงแล้วใส่น้ำตาลหรือสารให้ความหวานแทน ขนมปังโฮลวีตในถุง ที่มักใส่สารปรับสภาพแป้งและวัตถุเจือปนหลายชนิด โยเกิร์ต fat-free รสผลไม้ ที่เต็มไปด้วยน้ำตาลและกลิ่นสังเคราะห์ นมอัลมอนด์หรือนมถั่วเหลืองแต่งรส ที่ผ่านการแต่งเติมจนแทบไม่เหลือคุณค่าจากถั่วจริง ๆ อาหารเหล่านี้อาจมีฉล […]

Vibe coding Trend
read more
05.09.2025 104

Vibe coding Trend คืออะไร? เทรนด์นี้จะเปลี่ยนอาชีพนักพัฒนาในอนาคตอย่างไร

Vibe coding คืออะไรและต่างจากการใช้ Copilot ยังไง อนาคตของอาชีพนักพัฒนาจะเปลี่ยนไปอย่างไร Vibe coding คืออะไรและต่างจากการใช้ Copilot ยังไง Vibe Coding คือแนวทางการพัฒนาโปรแกรมที่เน้นการทำงานร่วมกับ AI ผ่านการสื่อสารด้วยภาษาธรรมชาติ เช่น คำสั่งภาษาอังกฤษ ให้ AI ช่วยสร้าง ปรับแต่ง และแนะนำโค้ดแบบไหลลื่นและมีความสร้างสรรค์สูง ไม่จำเป็นต้องเขียนโค้ดทีละบรรทัด ส่วน GitHub Copilot คือหนึ่งในเครื่องมือ AI ที่ช่วยแนะนำโค้ดระหว่างการเขียนจริง ๆ โดยมันจะเติมโค้ดหรือฟังก์ชันที่คาดว่าจะใช้ในบริบทนั้น ๆ แต่ยังต้องให้ผู้พัฒนาเป็นผู้เขียนและควบคุมหลัก ความแตกต่างหลักระหว่าง Vibe Coding กับ Copilot คือ Vibe Coding เป็นแนวคิดที่กว้างกว่า เน้นการใช้ AI เป็นเหมือนผู้ช่วยในการพัฒนาโค้ดทั้งโปรเจกต์ผ่านการสื่อสารด้วยภาษาธรรมชาติแบบโต้ตอบ ที่ช่วยให้การสร้างโค้ดเป็นไปอย่างต่อเนื่องและสร้างสรรค์ขึ้น Copilot เป็นเครื่องมือหนึ่งใน Ecosystem ของ Vibe Coding ที่ให้การช่วยเติมโค้ดและแนะนำฟังก์ชัน แต่ยังคงเป็นเครื่องมือช่วยเขียนโค้ดแบบเดิมที่มีรูปแบบที่จำกัดและใช้คำสั่งโดยตรงน้อยกว่า เทรนด์นี้จะเปลี่ยนอาชีพนักพัฒนา […]

Subscription

เพื่อรับข้อมูลเกี่ยวกับความรู้เทรนด์และวิจัยต่อเนื่อง