Baramizi Lab logo

Day One Tactics ธุรกิจจับคู่จะชนะอย่างไร เมื่อ ‘ความเร็ว’ และ ‘ตัวเลือกเยอะ’ ไม่ใช่คุณค่าหลักของพฤติกรรมผู้ใช้งาน

Day One Tactics
10
09.2025
view
439
SHARE

Day One Tactics ธุรกิจจับคู่จะชนะอย่างไร เมื่อ ‘ความเร็ว’ และ ‘ตัวเลือกเยอะ’ ไม่ใช่คุณค่าหลักของพฤติกรรมผู้ใช้งาน

ในโลกที่ความสัมพันธ์ไม่ใช่เส้นตรงอีกต่อไป

ตั้งแต่หาเพื่อน, หากลุ่มเฉพาะทางที่สนใจ, หางานที่ตรงสาย ไปจนหาเดตที่ใช่ ในทุกวันนี้ทุกอย่างกำลังกระจายตัวสู่ “แพลตฟอร์มตัวกลาง” ที่ทำให้คนอยากเจอกันได้เจอกันง่ายขึ้น แต่ความต้องที่ซับซ้อนอยู่ในตัวทุกคน เรามีความเหงาแต่ก็ขี้เกียจในเวลาเดียวกัน แอปต่างๆ อาจทำให้การเริ่มบทสนทนาง่ายขึ้น แต่ไม่ได้ตอบโจทย์ที่ตรงใจ กลับกัน มันยิ่งตอกคำถามว่าเราจะรักษาความตั้งใจ ความปลอดภัย และความคุ้มค่าของเวลาที่จ่ายลงไปอย่างไร

ความซับซ้อนของพฤติกรรมทำให้รูปแบบการมองหาความสัมพันธ์เกิดความยากขึ้น ผู้ใช้งานพร้อมที่จะ ‘ยกเลิก’ ความสัมพันธ์ตลอดเวลา แทนที่การ ‘รักษา’ ให้คงไว้ ตัวอย่างเช่น การเตรียมตัวเพื่อถอนตัวล่วงหน้า (Banksying), การค่อยๆ เว้นระยะห่างก่อนจากลา (Slow Fade), หรือ การหายไปเฉย ๆ ตัดการสื่อสารทันที (Ghosting) ซึ่งทั้งหมด มี “รากพฤติกรรมร่วม” คือการ หลีกเลี่ยงความอึดอัด (Avoidance), ปกป้องตนเองทางอารมณ์ (Self-Preservation) และ “ภาวะล้นทางเลือก” (Choice Overload) ซึ่งจะเกิดเป็น “ความเหนื่อยล้า” (Dating-App Fatigue) ภาวะทั้งหมดนี้ล้วนกระทบธุรกิจที่ซึ่งขาย ‘ความสะดวกสบาย’ จากเทคโนโลยีที่พาคน มาเจอกันตามเจตนาต่างๆ เพราะเมื่อเกิดความล้าจำนวนมาก ย่อมส่งผลต่อการใช้งานในแอปที่ลดลง

4 ช่วงประสบการณ์ของผู้ใช้งานแอปหาคู่

ถ้าหากลองทำความเข้าใจพฤติกรรม และความต้องการในแต่ละช่วงของผู้ใช้งานแอปหาคู่ เราจะเจอว่ามีทั้งหมด 4 ช่วง คือ

1.คลุมเครือ (Ambiguity)
คุยต่อเนื่องยาวนาน แต่ไม่กำหนดสถานะ และไม่เกิดการพบเจอกันในโลกจริง ทำให้พลังใจ และเวลาเสียไปโดยไม่คืบหน้า

2.คลั่งไคล้ (Crush Rush)
กลไกการเร่งอย่างการบูสต์เกิดเป็นการจับคู่จำนวนมาก แต่ไม่แปลงเป็นการสานสัมพันธ์ได้จริง

3.สายใย (Bond)
ความไว้วางใจ ความเข้าใจ และความผูกพันค่อย ๆ ก่อตัวจากการใช้เวลาเป็นระยะเวลานาน ซึ่งในสุดท้ายอาจเป็นเฟรนด์โซน’

4.แรกพบ (Day One)
ผลลัพธ์ตรงใจที่เกิดขึ้นด้วยเวลาอันสั้น ไม่เหนื่อยล้าจากการใช้งาน เน้นย้ำเรื่องความปลอดภัยเพื่อเอื้อต่อการพัฒนาสู่ความสัมพันธ์ในชีวิตจริง

ซึ่งเป้าหมายของแอปคือการทำให้ประสบการณ์ของผู้ใช้งานดีที่สุด แอปจำเป็นต้องออกแบบให้ผู้ใช้ ไม่เหนื่อยล้า และพาไปสู่การเจอจริง (IRL) พูดสั้น ๆ หากไม่พาไปสู่การเจอจริง คนจะเหนื่อยล้า ถอนตัว และหันไปพึ่งช่องทางอื่น ไม่ว่าจะเป็นออฟไลน์ หรือยอมที่จะพูดคุยกับ AI มากกว่าคนจริงๆ 

ช่วงเดือนเมษายน–มิถุนายน 2025 บริษัทแม่ของ Tinder และ Hinge รายงานว่า “จำนวนผู้ใช้ที่ยอมจ่ายเงิน” เฉลี่ยต่อเดือนลดลงจากราว 14.84 ล้านคน เหลือ 14.09 ล้านคน (ลดประมาณ 5%) แต่ในขณะเดียวกัน “รายได้เฉลี่ยต่อผู้จ่ายหนึ่งคนต่อเดือน” กลับเพิ่มจากประมาณ 19.05 ดอลลาร์ เป็น 20.00 ดอลลาร์ (เพิ่มราว 5%)[1]

ฝั่ง Bumble ก็สะท้อนภาพคล้ายกันในไตรมาสเดียวกัน: “รายได้รวม” ลดลงประมาณ 8% เหลือ 248.2 ล้านดอลลาร์, และ “จำนวนผู้ใช้ที่จ่ายเงิน” ลดลงราว 8.7% เหลือราว 3.8 ล้านคน ขณะที่ “รายได้เฉลี่ยต่อผู้จ่ายหนึ่งคนต่อเดือน” ขยับขึ้นเล็กน้อยเป็น 21.69 ดอลลาร์

ผลสะเทือนต่อธุรกิจแอปเกิดขึ้นจริง และเริ่มวัดได้เป็นตัวเลข ด้านหนึ่ง “ความล้า” ไม่ได้เกิดจากนิสัยส่วนตัวอย่างเดียว แต่เกิดเพราะสภาพแวดล้อมของแพลตฟอร์มเอื้อให้ “หลบเลี่ยง” ได้ง่าย เหนื่อยล้าจากตัวเลือกเยอะเกิน ทำให้ ฐานผู้จ่ายเงินชะลอ และหดตัว แม้รายได้ต่อผู้จ่ายจะสูงขึ้น ภาพนี้เห็นชัดในผลประกอบการของผู้เล่นรายใหญ่ที่เเสดงให้เห็นว่า คนที่ยอมควักเงินมีจำนวนน้อยลง แต่คนที่ยังจ่ายกลับ “ยอมจ่ายแพงขึ้น” เพื่อได้สิทธิประโยชน์ที่ตรงกับความต้องการ

3 แนวโน้มที่แอปหาคู่จะปรับตัวเพื่ออยู่รอดในวันที่ผู้บริโภคเปลี่ยนไป

1) เผชิญหน้าอย่างปลอดภัย (Trust & Safety)

แพลตฟอร์มถูกบีบให้ ลงทุนกับความเชื่อใจ เป็น “ต้นทุนบังคับ” เช่น 

  • Face Check & ID Verification: การยืนยันตัวที่มีมาตรฐานมากขึ้น เช่น ด้วยวิดีโอเซลฟี่  ทำให้ผู้ยืนยันได้แมตช์มากขึ้น 67% จาก Tinder [3] [4]
  • Share Date: แชร์แผนเดตให้คนที่ไว้ใจรับรู้ + ยืนยันตัวด้วยบัตรประชาชน จาก Bumble 
  • Community Guidelines & Safety: แนวทางความปลอดภัยสำหรับการเจอกันจริง จาก Meetup 

2) ลดความล้าจากตัวเลือกที่มากเกินไป (Choice Overload)

ลดภาระการเลือก ช่วยตัดสินใจง่าย และทำให้ความกดดันน้อยลง

  • Relationship Goals: ตั้งเจตนาความสัมพันธ์บนโปรไฟล์ให้ชัด และDouble Date: จับคู่เป็น “คู่ต่อคู่” โดยพาเพื่อนไปด้วย เพื่อลดความกดดัน ตัดสินใจง่ายขึ้น (เกือบ 90% มาจากผู้ใช้อายุต่ำกว่า 29 ปี สะท้อนความนิยมของ Gen Z และช่วยเร่งการนัดเจอ) จาก Tinder
  • AI Intros with Weekly Scheduling: ระบบแนะนำคู่คุยแบบหนึ่งต่อหนึ่ง จากการอ่านเนื้อหาแนะนำตัว เพื่อสร้างการนัดเจอที่ตรงตามต้องการ จาก Lunchclub

3) มุ่งเป้ากับผลลัพธ์ (Focus on Results)

เพราะผู้ใช้ไม่ได้ต้องการเครื่องมือที่ดีที่สุด เเต่มุ่งเป้าไปที่ผลลัพธ์ที่ต้องการ ซึ่งในปัจจุบันการคือคุณค่ากับปฏิสัมพันธ์ในโลกจริง (IRL: In Real Life)

  • Ticketing Fees: ผู้ซื้อจะจ่ายค่าธรรมเนียมก็ต่อเมื่อมีการเข้าร่วมอีเวนต์จริง จาก Eventbrite
  • Promoted Jobs: (Pay-per-click / pay-per-view budgeting) คิดเงินตามจำนวนคลิกที่คนกดเข้าไปดูประกาศงาน เพื่อให้งานไปหาผู้สมัครที่ตรงโปรไฟล์มากขึ้น จาก LinkedIn 

เศรษฐกิจแห่งการเชื่อมต่อ (Connection Economy) ไม่ได้หยุดอยู่ที่การหาคู่หรือการเดต แต่สะท้อนแกนร่วมเดียวกันในทุกธุรกิจที่ทำหน้าที่ “จับคู่” ไม่ว่าจะเป็นการหาคนที่ใช่ การหางาน การหากิจกรรม หรือการหากลุ่มคอมมูนิตี้ จุดอ่อนสำคัญคือ ความเหนื่อยล้าของผู้ใช้ ในทางกลับกัน แพลตฟอร์มที่เข้าใจหลักการนี้และวางเส้นทางชัดเจน สร้างความไว้วางใจเป็นค่าตั้งต้น (Trust), ลดตัวเลือกให้เหลือน้อยแต่ตรง (Choice), และ ผูกคุณค่ากับผลลัพธ์จริงในโลกจริง (Outcome)—จะสามารถเปลี่ยนจากความล้าเป็นประสบการณ์ที่คุ้มค่า ไม่ว่าจะเป็น Day One ของการเดต การเจอกลุ่มใหม่ การหางานตรงใจ หรือการเข้าร่วมกิจกรรมที่ใช่

กล่าวอีกแบบ ธุรกิจใด ๆ ที่อยู่ใน Connection Economy ล้วนมีโจทย์เดียวกัน: อย่าขายความง่ายชั่วคราว แต่ขายผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริง เพราะสิ่งนี้คือคำตอบที่ทำให้ผู้ใช้ “อยู่ต่อ จ่ายต่อ และกลับมาอีกครั้ง”


ที่มา:

[1] PR Newswire
[2] ir.bumble.com
[3] AxiosThe Verge
[4] Tinder UK Newsroom
[5] support.bumble.comTechCrunch
[6] help.meetup.com
[7] tinderpressroom.comTechCrunch
[8] Lunchclub
[9] Eventbrite
[10] LinkedIn Business SolutionsForbes

RECOMMEND

เทรนด์ มูเตลู
read more
28.10.2025 87

Trend มูเตลูกับการยอมรับ
จากสถาบันการศึกษา มหาวิทยาลัยไทย

ภาคการศึกษาหลายแหล่งเริ่มเปิดหลักสูตรด้านความเชื่อและศาสตร์มากขึ้นสอดคล้องกับค่านิยมคนรุ่นใหม่โดยเฉพาะ GenZ ที่เปิดรับให้เป็นที่พึ่งทางจิตใจ เทรนด์มูเตลูกับการยอมรับจากสถาบันการศึกษาในมหาวิทยาลัยไทย เป็นปรากฏการณ์ที่ได้รับความนิยมและยอมรับในรูปแบบของความเชื่อและที่พึ่งทางใจในหมู่นักศึกษา มหาวิทยาลัยหลายแห่งในไทยมีสถานที่และสัญลักษณ์ที่เกี่ยวข้องกับมูเตลูกลายเป็นส่วนหนึ่งของบริบทสังคมในมหาวิทยาลัย เช่น มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มี “ศาลสิงโตทอง” หรือ “เจ้าแม่สิงโต” ซึ่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่นักศึกษานิยมไปบูชาเพื่อขอพรเรื่องเรียนและความรัก เชื่อกันว่าหากบนเรื่องการเรียนอย่างถูกวิธีจะได้ผลสำเร็จ มหาวิทยาลัยอื่นๆ ก็มีการยอมรับว่ามูเตลูกลายเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่นักศึกษาใช้เป็นที่พึ่งทางใจในการรับมือกับความกดดัน ความเครียดจากการเรียน และสร้างความมั่นใจ ปรากฏการณ์นี้สะท้อนการบูรณาการความเชื่อทางไสยศาสตร์ เข้ากับสภาพสังคมเมืองและการศึกษาในยุคสมัยใหม่ โดยยังมีการศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับบทบาทของมูเตลูกับสังคมไทยในแง่มุมทางวัฒนธรรมและจิตวิทยา ตัวอย่างมหาวิทยาลัยที่เปิดหลักสูตรด้ […]

satellite light pollution
read more
20.10.2025 221

ท้องฟ้ายามค่ำคืน ‘มืด’ จริงหรือไม่

ปรากฏการณ์ “แสงจากดาวเทียม” คืออะไรเเล้วกระทบกับเรามากแค่ไหน ทุกวันนี้ท้องฟ้ายามค่ำคืนไม่ได้มีสีดำสนิทอีกต่อไป ในยุคที่เครือข่ายอินเทอร์เน็ตจากอวกาศเติบโตอย่างก้าวกระโดด กลุ่มดาวเทียมวงโคจรต่ำจำนวนมหาศาลได้เริ่มทิ้งร่องรอยเป็นเส้นแสงสีขาวพาดผ่านผืนฟ้า ปรากฏการณ์นี้คือสิ่งที่เรารู้จักกันในชื่อ “มลภาวะแสงจากดาวเทียม” (Satellite Light Pollution) แก่นของปัญหาคือ ในช่วงเวลาที่ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า แต่แสงอาทิตย์ยังคงส่องกระทบวัตถุในวงโคจร ไม่ว่าจะเป็นแผงโซลาร์เซลล์หรือเสาอากาศ กลับมายังโลก ทำให้เรามองเห็นเป็นเส้นสว่างวาบเคลื่อนที่ผ่านหมู่ดาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงหัวค่ำและรุ่งสาง ทำไมปัญหานี้จึงเด่นชัดขึ้นในวันนี้? หลายคนอาจสงสัยว่าเหตุใดปรากฏการณ์นี้จึงกลายเป็นที่พูดถึงอย่างกว้างขวางในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ปัจจัยหลักคือปริมาณดาวเทียมที่เพิ่มขึ้นทวีคูณ โครงการกลุ่มดาวเทียม (Satellite Constellations) เพื่อให้บริการอินเทอร์เน็ตและการสำรวจโลก ได้ส่งดาวเทียมขึ้นสู่วงโคจรนับหมื่นดวง และยังมีแผนจะเพิ่มจำนวนขึ้นอีกในอนาคต หรือหากมองภาพง่ายๆ คือท้องฟ้าที่เเน่นไปด้วยหมู่ดาวเทียม ทำให้ภารกิจในการเฝ้ามอ […]

read more
29.10.2025 38

การท่องเที่ยวของประเทศไทยจะไปต่อได้อย่างไร มิติไหนบ้างที่ต้องเร่งปรับเพื่อให้ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวกลุ่มศักยภาพ

แนวทางกลยุทธ์การพัฒนาสินค้าการท่องเที่ยวของประเทศไทย ควรเปลี่ยนอย่างไรเพื่อให้มีความสามารถในการดึงดูดนักท่องเที่ยวที่มีศักยภาพสูงและพัฒนาประสบการณ์ให้ตอบโจทย์ความต้องการมากยิ่งขึ้น  “Tourist – Centric มุ่งนักท่องเที่ยว (ยุคใหม่) เป็นศูนย์กลาง” คงจะเป็นเป้าหมายในการพัฒนาสินค้าการท่องเที่ยวที่ช่วยให้ประเทศของเรา ที่เป็นประเทศพึ่งพาทรัพยากรภายในที่หลากหลายมาทำประโยชน์ให้คุ้มค่ามากที่สุด  คำถามถัดมาคือ เรื่องอะไรบ้างที่ต้องปรับ เพื่อสอดรับกับทิศทางเหล่านี้ในการพัฒนาสินค้าการท่องเที่ยวของประเทศไทย ซึ่งสรุปได้เป็น 4 หัวข้อหลัก ได้แก่ 1. การแบ่งกลุ่มนักท่องเที่ยว  ปรับจาก : อายุ, เจนเนอเรชั่น เป็น “เที่ยวทำไม” วัตถุประสงค์การท่องเที่ยว ในกลุ่มนักท่องเที่ยวศักยภาพสูง ใช้วัตถุประสงค์การเดินทางท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวเป็นตัวแบ่งกลุ่มเป้าหมาย เพื่อให้มองเห็นถึงความสนใจ และประสบการณ์การท่องเที่ยวที่ต้องการได้รับ ซึ่งจะสัมพันธ์กับการสร้างสรรค์สินค้าทางการท่องเที่ยวที่ตอบโจทย์พวกเขาได้ 2. การแบ่งกลุ่มประเภทการพัฒนาผลิตภัณฑ์ท่องเที่ยว ปรับจาก : ประเภทแหล่งท่องเที่ยว เป็น  “ป […]

T-Beauty
read more
08.10.2025 410

จาก T-Pop สู่ T-Beauty: เมื่อวัฒนธรรมไทยกลายเป็นพลังขับเคลื่อนอุตสาหกรรมความงาม

ปัจจัยสำคัญในการสร้างความสำเร็จของแบรนด์ T-Beauty ความนิยมและความเติบโตของตลาด T-Beauty ตลาดความงามในไทยเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยมูลค่ารวมมากกว่า 6.6 พันล้านดอลลาร์ในปี 2022 และอัตราการเติบโตเฉลี่ยปีละ 9-10% ตลาดนี้ได้นำเสนอระบบนิเวศน์ครบวงจรที่ผสมผสานวัฒนธรรม ความคิดสร้างสรรค์ และนวัตกรรม ทั้งด้านผลิตภัณฑ์และการตลาดดิจิทัล โดยมีแบรนด์ไทยเป็นที่สนใจและได้รับการยอมรับในตลาดโลกมากขึ้น การจำหน่ายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์และช่องทางค้าปลีกหลักๆ มีบทบาทสำคัญ อิทธิพลของวัฒนธรรมและไอดอล T-Pop ความสำเร็จของ T-Beauty ได้รับแรงสนับสนุนจากวัฒนธรรมป๊อปไทยหรือ T-Pop เช่น นักแสดงจากละครแนว BL และศิลปินดังอย่าง Lisa จาก BLACKPINK ที่กลายเป็นหน้าโฆษณาของแบรนด์ทั้งในและต่างประเทศ ลักษณะความงามที่เน้นความเป็นธรรมชาติ แบบ “Swai Meiku” คือความสมดุลระหว่างสไตล์เอเชียและตะวันตกที่ดูสวยแบบไม่ตั้งใจแต่ตั้งใจ ทำให้เกิดกระแสแรงบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เทรนด์สกินแคร์ที่โดดเด่น กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เติบโตเร็ว เช่น เซรั่ม Exosome, ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ Growth Factors และเปปไทด์ ซึ่งเน้นการปรับปรุงสุขภาพผิวตามชีววิทยาเ […]

thai cities safety resilience trend
read more
02.10.2025 415

แนวโน้มจะเป็นอย่างไรเมื่อ World Bank เตือน GDP ไทยอาจลด 7-14% ในปี 2593 เพราะภัยพิบัติโลกร้อน

แม้เราจะเดินทางมาถึงช่วงท้ายของปี 2025 แต่ประเทศไทยยังคงเผชิญกับภัยพิบัติทางธรรมชาติหลากหลายรูปแบบอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสะท้อนถึงสถานการณ์โลกที่กำลังเผชิญกับภัยพิบัติที่มากขึ้นเรื่อยๆ หากเทียบข้อมูลย้อนหลัง จำนวนภัยพิบัติทั่วโลกเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน จากเพียง 23 ครั้งในปี 1950 กลายเป็นกว่า 361 ครั้งในปี 2019 ซึ่งล้วนเเล้วเเต่เป็นผลของสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง สำหรับประเทศไทย แม้จะปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพียง 258 ล้านตัน คิดเป็น 0.76% ของการปล่อยทั้งหมดทั่วโลกในปี 2020 (ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 24) แต่กลับถูกจัดอยู่ใน ประเทศที่เสี่ยงได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมากที่สุดเป็นอันดับ 9 ของโลก ความเสี่ยงนี้ครอบคลุมเกือบทุกมิติ ตั้งแต่ผลผลิตทางการเกษตรและประมงชายฝั่ง ไปจนถึงการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ และฐานทรัพยากรด้านการท่องเที่ยวที่เป็นเสน่ห์สำคัญของประเทศ รายงานของ ธนาคารโลก (World Bank) ในช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา เตือนว่า หากไทยยังขาดมาตรการรับมือที่จริงจัง ภาวะโลกร้อนอาจทำให้ GDP ของประเทศลดลงถึง 7–14% ภายในปี 2593 โดยเฉพาะต่อประชากรเปราะบางกว่า 9.4 ล้านคน ซึ่งมีมากถึง 8 ล้านคนที่อย […]

Subscription

เพื่อรับข้อมูลเกี่ยวกับความรู้เทรนด์และวิจัยต่อเนื่อง