Baramizi Lab logo

Generative AI plugin with App & Gadget เสริมความแกร่งให้แอปและอุปกรณ์ด้วยปัญญาประดิษฐ์

Generative AI plugin with App & Gadget เสริมความแกร่งให้แอปและอุปกรณ์ด้วยปัญญาประดิษฐ์

Generative AI เครื่องมือของคนยุคใหม่

Generative Artificial Intelligent หรือ Generative AI คือ เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ประเภทหนึ่งที่ออกแบบมาเพื่อสร้างเนื้อหาใหม่ เช่น รูปภาพ ข้อความ เสียง หรือวิดิโอ ที่มีลักษณะใกล้เคียงกับเนื้อหาจากชุดข้อมูลเดิมที่กำหนด ทำงานโดยการเรียนรู้รูปแบบและความสัมพันธ์ในอินพุต จากนั้นจึงใช้ความรู้นี้เพื่อสร้างตัวอย่างข้อมูลใหม่ขึ้นมา ในช่วงที่ผ่านมาเรียกว่า Generative AI กำลังเป็นน่านน้ำใหม่ที่จะพลิกโฉมวิธีการทำงานในหลายสายงาน สามารถย่นย่อระยะเวลาการทำงาน หรือการศึกษาข้อมูลได้ดี ทำได้ง่ายเพียงแค่เราป้อนคำถาม หรือ Prompt ข้อมูลเพื่อเป็น Input ใส่เข้าไป ตัวระบบก็จะประมวลผลคำตอบออกมาให้อย่างกระชับ ตรงประเด็น เข้าใจได้ง่าย และใช้งานได้จริง Generative AI ได้รับความนิยมจากผู้ใช้งานมาก จึงทำให้เกิดการแข่งขันอย่างแพร่หลาย มีผู้เล่นเข้ามาในตลาดมากมาย ด้วยการแข่งขันที่สูงก็ได้ช่วยพัฒนาผลิตภัณฑ์ไปให้ไกลกว่าเดิม นอกเหนือจาก ณ ปัจจุบันที่เป็นลักษณะ Chat Bot ถาม- ตอบ  หรือโปรแกรมสร้างภาพและวีดีโอขึ้นใหม่ Generative AI กำลังเข้าไปเสริมพลังให้กับ Application หรือ Gadget หลายตัวให้อัจฉริยะมากขึ้น

Apple Intelligence การร่วมมือกันของ Apple และ OpenAI

ล่าสุด Apple Intelligence นวัตกรรม AI ล่าสุดของ Apple ได้เปิดตัวชุดเครื่องมือการเขียนขั้นสูงที่ออกแบบมาเพื่อเปลี่ยนแปลงวิธีการสื่อสารของผู้ใช้ระหว่างอุปกรณ์ต่างๆ เครื่องมือเหล่านี้ใช้ความสามารถด้านภาษาที่ได้รับการปรับปรุงเพื่อมอบคุณสมบัติต่างๆ เช่น สรุปการบรรยายแบบทันที ย่อบทสนทนากลุ่มยาวและจัดลำดับความสำคัญของการแจ้งเตือนเพื่อลดสิ่งรบกวนสมาธิ ไม่ว่าจะเป็นการพิสูจน์อักษรข้อความหรือการสรุปเนื้อหาด้วยการแตะเพียงครั้งเดียว เครื่องมือการเขียนยังรวมอยู่ในแอพต่างๆ อีกด้วย Apple Intelligence ยังปรับปรุง Siri ด้วยความเข้าใจภาษาที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น และด้วยฟังก์ชันใหม่ๆ เช่น การพิมพ์ไปยัง Siri ที่เปิดตลอดเวลา 

ทั้งนี้ Apple ให้ความเป็นส่วนตัวยังคงเป็นรากฐานที่สำคัญ โดยการประมวลผลบนอุปกรณ์ทำให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลส่วนบุคคลจะไม่หลุดไปไหน แม้ว่า Apple Intelligence จะเป็นการร่วมมือและใช้ประโยชน์จาก ChatGPT ของ OpenAI สำหรับงานต่างๆ เช่น การแสดงภาพหรือการสืบค้นเอกสาร ความก้าวหน้าเหล่านี้แสดงถึงการก้าวกระโดดครั้งใหญ่ในด้านประสบการณ์ผู้ใช้ ด้วยการนำเสนอเครื่องมือสื่อสารที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้มากขึ้นและขยายขีดความสามารถทั่วทั้งระบบของ Apple โดยสามารถให้บริการได้บน iPhone 15 Pro, iPhone 15 Pro Max และ iPad กับ Mac ที่มีชิป M1 เป็นต้นไป

การร่วมมือกันของ Grab กับ OpenAI

Grab Holdings บริษัทสตาร์ทอัพยูนิคอร์นสิงค์โปร์ได้ประกาศความร่วมมือกับ OpenAI ผู้พัฒนา Chat GPT ในการนำเทคโนโลยี Generative AI เข้ามาใช้ในแอพลิเคชั่นของ Grab ที่ครอบคลุมบริการสั่งอาหาร จองรถ ส่งของ ไปจนถึงบริการทางการเงิน ซึ่งการร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นการร่วมมือครั้งแรกที่ OpenAI เข้ามาบุกธุรกิจในอาเซียน Grab ได้แถลงถึงการนำนวัตกรรมด้านข้อความและคำสั่งเสียงเข้ามาทำงานร่วมกับแอพลิเคชั่นเพื่อให้ผู้ใช้งานใช้ได้ง่ายมากขึ้น โดยเฉพาะกับกลุ่มลูกค้าผู้สูงอายุและผู้พิการ พร้อมหาช่องทางในการใช้ AI กับแชทบอตของแพลตฟอร์มในระบบ Customer Support ให้มีประสิทธิภาพดีขึ้น นอกจากการปรับปรุงคุณภาพฟีเจอร์ข้อความและคำสั่งเสียง Grab ยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่าจะนำเทคโนโลยีการระบุภาพจาก OpenAI เข้ามาพัฒนาแผนที่ของ GrabMaps เพื่อให้การอัปเดตสถานะของไรเดอร์ทำได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม

ปัจจุบัน Grab มีผู้ใช้งานราว 40 ล้านคนที่ใช้งานบนแพลตฟอร์มในแต่ละเดือนใน 8 ประเทศอาเซียน ได้แก่ สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ ไทย กัมพูชาและพม่า  และบริษัทก็ใช้ AI มาระยะหนึ่งแล้วในการค้นหาไรเดอร์ที่อยู่ใกล้ลูกค้าที่สุด หาเส้นทางที่ประหยัดเวลามากที่สุด ไปจนถึงแปลเมนูอาหารท้องถิ่นเป็นภาษาอังกฤษและจีน หากมองกลับกันในฝั่งของ OpenAI การร่วมมือกันครั้งนี้น่าจะเป็นปัจจัยสนับสนุนที่ช่วยให้ ChatGPT มีความสามารถในการเข้าใจภาษาในประเทศอาเซียนมากขึ้น

นอกเหนือจากที่กล่าวไปข้างต้น ยังมีการร่วมมือกันระหว่าง AI และบริษัทอื่นอีกหลายเจ้า ยกตัวอย่างเช่น

Microsoft : บริษัทได้รวมโมเดลภาษาของ OpenAI ซึ่งรวมถึง ChatGPT เข้ากับผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น บริการ Microsoft Office และ Azure AI การบูรณาการนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อปรับปรุงเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและแอปพลิเคชันการบริการลูกค้าด้วยความสามารถ AI การสนทนาขั้นสูง

Zoom : ได้มีการร่วมมือกับทั้ง OpenAI และบริษัท AI อื่นๆ เพื่อปรับปรุงการประชุมเสมือนจริงและปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้ การทำงานร่วมกันนี้เกี่ยวข้องกับการบูรณาการ AI สำหรับการแปลภาษาแบบเรียลไทม์ การถอดเสียงการประชุม และความช่วยเหลือที่ขับเคลื่อนโดย AI ในระหว่างแฮงเอาท์วิดีโอ

Samsung : Gemini Pro บน Vertex AI ช่วยให้ Samsung มีคุณสมบัติที่สำคัญของ Google Cloud รวมถึงความปลอดภัย ความปลอดภัย ความเป็นส่วนตัว และการปฏิบัติตามข้อกำหนดของข้อมูล ผู้ใช้ Galaxy S24 series ยังสามารถได้รับประโยชน์ทันทีจาก Imagen 2 ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการแพร่กระจายข้อความเป็นภาพที่ล้ำสมัยที่สุดของ Google จาก Google DeepMind จนถึงปัจจุบัน

แนวโน้มของ Generative AI ในอนาคต

เทคโนโลยีปัจจุบันสนับสนุน Generative AI ให้มีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ทำให้การทำงานของง่ายขึ้น และลดเวลาการทำงานลง ต้องขอบคุณการลงทุนจำนวนมหาศาลจากบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่และห้องปฏิบัติการวิจัย จากการวิเคราะห์ของ Gartner ได้มีการแบ่งวิวัฒนาการของ AI ไว้สามปี ตั้งแต่ปี 2569-2571

  • ปี 2569

ธุรกิจกว่า 75% จะใช้ AI เพื่อสร้างข้อมูลลูกค้าสังเคราะห์เพิ่มขึ้นจากที่มีน้อยกว่า 5% ในปี 2566 การสร้างข้อมูลสังเคราะห์ในการเติบโตของธุรกิจ ช่วยให้องค์กรสามารถจำลองสภาพแวดล้อมและระบุโอกาสในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ พัฒนากลุ่มลูกค้า การเดินทางและประสบการณ์ของลูกค้า

  • ปี 2570

GenAI มากกว่า 50% ที่องค์กรต่างๆ ใช้จะเป็นโมเดลเฉพาะสำหรับอุตสาหกรรมหรือฟังก์ชั่นทางธุรกิจเพิ่มขึ้นจากประมาณ 1% ในปี 2566 เพราะความต้องการ GenAI ได้เพิ่มขึ้นในหลายภาคส่วน 

  • ปี 2571

การใช้งาน GenAI 30% จะได้รับการปรับให้เหมาะสมโดยใช้วิธีคำนวณแบบอนุรักษ์พลังงานซึ่งได้รับการสนับสนุนจากความคิดริเริ่มด้านความยั่งยืน เนื่องจากการนำเครื่องมือ Generative AI มาใช้อย่างรวดเร็วทำให้เกิดผลกระทบด้านลบต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้ต้องมีการหาพลังงานทดแทนและโครงสร้างพื้นฐานสำหรับทั้งบริการภายในองค์กรและบริการคลาวด์จะได้รับการปรับแต่งสำหรับ AI

นอกจากนี้การใช้จ่ายด้านปัญญาประดิษฐ์ในด้านฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และบริการมีมูลค่ารวมประมาณ 200 พันล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว ตามรายงานของ Grand View Research แต่ตัวเลขดังกล่าวคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 820% เกินกว่า 1.8 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2573 กล่าวอีกนัยหนึ่ง ตลาด AI คาดว่าจะเพิ่มขึ้นที่ 37% ต่อปีจนถึงสิ้นทศวรรษนี้

โดยรวมแล้ว อนาคตของ AI จะทั้งน่าตื่นเต้นและท้าทาย ด้วยเทคโนโลยี AI ที่กำหนดวิถีชีวิต ทำงาน และโต้ตอบกับโลกรอบตัวเรา ในขณะที่ AI มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องแน่ใจว่าการพัฒนานั้นเป็นไปตามหลักจริยธรรม ความโปร่งใส และความมุ่งมั่นในการสร้างประโยชน์ให้กับมนุษยชาติ

ผู้เขียน

นางสาวจินต์ศุจี มณฑิราลัยพร

ที่มา

https://www.businesstoday.in/technology/news/story/apple-nears-deal-with-openai-to-put-chatgpt-on-iphone-report-429178-2024-05-11 

https://www.bloomberg.com/news/articles/2024-05-11/apple-closes-in-on-deal-with-openai-to-put-chatgpt-on-iphonehttps://www.facebook.com/share/p/gT6PFLPLpVB1MzXT/

https://www.standard.co.uk/news/tech/apple-deal-openai-chatgpt-iphone-b1157470.html 

https://thestandard.co/grab-coperate-openai-by-using-ai/ 

https://thestandard.co/grab-coperate-openai-by-using-ai/ 

https://www.gartner.com/en/articles/3-bold-and-actionable-predictions-for-the-future-of-genai#:~:text=By%202026%2C%2075%25%20of%20businesses,less%20than%205%25%20in%202023

https://finance.yahoo.com/news/artificial-intelligence-ai-market-could-094500916.html 

https://thestandard.co/wealth-in-depth-apple-intelligence/ 

 

RECOMMEND

CTM Cafe
read more
15.09.2025 79

ชาตรามือออกแบรนด์ชา CTM
เดินตลาดตาม Trend Specialty Tea

ชาตรามือ แบรนด์ใหม่ CTM CTM หรือ Captivating Tea Muse เป็นแบรนด์ชาใหม่ล่าสุดจากชาตรามือ ที่เน้นชาพรีเมียมคัดสรรคุณภาพดีเยี่ยม ผสมผสานกับวัตถุดิบคุณภาพสูงเพื่อมอบประสบการณ์รสชาติที่แปลกใหม่และสนุกขึ้น แบรนด์นี้มีใบชาหลากหลายสายพันธุ์มากกว่า 10 ชนิด พร้อมเมนูเด่น เช่น ชาอู่หลงนางงาม ที่ถือเป็นจุดขายสำคัญของแบรนด์ CTM ได้ต่อยอดจากความเชี่ยวชาญด้านชาอย่างลึกซึ้งของชาตรามือเพื่อสร้างชาในมิติใหม่ที่เหนือชั้นกว่าเดิม อะไรทำให้ชาไทย Specialty เป็นเทรนด์ฮิตตอนนี้ การเติบโตของอุตสาหกรรมชาไทยที่มีการพัฒนาเชิงโครงสร้างในด้านคุณภาพของใบชา ความหลากหลายของแหล่งปลูก และกำลังการผลิต ทำให้ไทยกลายเป็นตลาดค้าชารายใหญ่อันดับ 7 ของโลก ผู้บริโภคไทยเริ่มรับรู้และสนใจเครื่องดื่ม Specialty มากขึ้น หลังจากที่กาแฟ Specialty ได้รับความนิยมก่อนหน้านี้ ทำให้มีการพัฒนาชาไทยแบบพรีเมียม ที่มีการคัดใบชาจากแหล่งปลูกหลากหลายทั่วไทย รวมถึงการใช้เทคนิคการชงที่ทันสมัย ชาไทย Specialty เน้นความพิถีพิถันในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การคัดเลือกใบชาคุณภาพสูงที่มีโน้ตรสชาติและกลิ่นเฉพาะตัวแตกต่างกันตามแหล่งปลูก เช่น ชาเชียงราย ชาแม่ฮ่องสอน […]

read more
12.09.2025 87

แนวโน้ม Trend สำคัญของโรงงาน ในปี 2025

โรงงานยุคใหม่ต้องเป็นทั้ง “อัจฉริยะ” และ “ยั่งยืน” เพื่อรักษาความแข่งขันในตลาดโลก “อัจฉริยะ” และ “ยั่งยืน” โรงงานยุคใหม่ต้องเป็นทั้ง “อัจฉริยะ” และ “ยั่งยืน” เพื่อรักษาความแข่งขันในตลาดโลก ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีดิจิทัลและความเปลี่ยนแปลงของห่วงโซ่อุปทาน ผลักดันให้โรงงานต้องพัฒนาไปสู่ระบบอัตโนมัติที่มีความสามารถในการคาดการณ์ ใช้ข้อมูลแบบเรียลไทม์ และสร้างประสบการณ์ที่ดึงดูดผู้บริโภค มากไปกว่านั้น ความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม กลายเป็นปัจจัยหลักในการกำหนดกลยุทธ์ของผู้ประกอบการโรงงานทั้งหลาย เทรนด์โรงงานแห่งอนาคต 1. Foresight Factories: โรงงานมองการณ์ไกล ระบบ Predictive Maintenance ช่วยระบุปัญหาก่อนเกิดเหตุจริง และใช้ Digital Twin ในการจำลองสถานการณ์ผลิตเพื่อปรับปรุงกระบวนการอย่างแม่นยำ ภายในปี 2025 อัตราการใช้ระบบอัตโนมัติจะเพิ่มจาก 69% เป็น 79% ขณะที่การเชื่อมต่อทุกกระบวนการช่วยให้ตัดสินใจได้รวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น 2. Decentralized Manufacturing: ผลิตแบบกระจายศูนย์ โรงงานขนาดเล็กเคลื่อนย้ายได้ พร้อมตอบสนองความต้องการในท้องถิ่นอย่างรวดเร็ว ผู้ผลิตรายใหญ่เริ่มพัฒนาชุดโรงงานย่อยที่ […]

Day One Tactics
read more
10.09.2025 267

Day One Tactics ธุรกิจจับคู่จะชนะอย่างไร เมื่อ ‘ความเร็ว’ และ ‘ตัวเลือกเยอะ’ ไม่ใช่คุณค่าหลักของพฤติกรรมผู้ใช้งาน

ในโลกที่ความสัมพันธ์ไม่ใช่เส้นตรงอีกต่อไป ตั้งแต่หาเพื่อน, หากลุ่มเฉพาะทางที่สนใจ, หางานที่ตรงสาย ไปจนหาเดตที่ใช่ ในทุกวันนี้ทุกอย่างกำลังกระจายตัวสู่ “แพลตฟอร์มตัวกลาง” ที่ทำให้คนอยากเจอกันได้เจอกันง่ายขึ้น แต่ความต้องที่ซับซ้อนอยู่ในตัวทุกคน เรามีความเหงาแต่ก็ขี้เกียจในเวลาเดียวกัน แอปต่างๆ อาจทำให้การเริ่มบทสนทนาง่ายขึ้น แต่ไม่ได้ตอบโจทย์ที่ตรงใจ กลับกัน มันยิ่งตอกคำถามว่าเราจะรักษาความตั้งใจ ความปลอดภัย และความคุ้มค่าของเวลาที่จ่ายลงไปอย่างไร ความซับซ้อนของพฤติกรรมทำให้รูปแบบการมองหาความสัมพันธ์เกิดความยากขึ้น ผู้ใช้งานพร้อมที่จะ ‘ยกเลิก’ ความสัมพันธ์ตลอดเวลา แทนที่การ ‘รักษา’ ให้คงไว้ ตัวอย่างเช่น การเตรียมตัวเพื่อถอนตัวล่วงหน้า (Banksying), การค่อยๆ เว้นระยะห่างก่อนจากลา (Slow Fade), หรือ การหายไปเฉย ๆ ตัดการสื่อสารทันที (Ghosting) ซึ่งทั้งหมด มี “รากพฤติกรรมร่วม” คือการ หลีกเลี่ยงความอึดอัด (Avoidance), ปกป้องตนเองทางอารมณ์ (Self-Preservation) และ “ภาวะล้นทางเลือก” (Choice Overload) ซึ่งจะเกิดเป็น “ความเหนื่อยล้า” (Dating-App Fatigue) ภาวะทั้งหมดนี้ล้วนกระทบธุรกิจที่ซึ่งขาย ‘ควา […]

read more
08.09.2025 131

UPF: อาหารแปรรูปสูง ที่คุณคิดว่า “ดีต่อสุขภาพ” อาจไม่ใช่อย่างที่คิด

เฮลตี้? หรือแค่ภาพลวงตาของอุตสาหกรรมอาหาร เช้า: ซีเรียลแท่งไฟเบอร์สูงในมือคุณ กลางวัน: ข้าวกล่องคลีนแช่แข็ง เย็น: โยเกิร์ต fat-free รสผลไม้ คุณอาจคิดว่ากำลังกินเพื่อสุขภาพ แต่จริง ๆ แล้ว… สิ่งเหล่านี้จำนวนมากคือ Ultra-Processed Foods (UPF) อาหารแปรรูปสูงที่ผ่านการแต่ง เติม ปรุง ปลอม จนแทบไม่เหลือร่องรอยธรรมชาติ UPF คืออะไร ทำไมถึงอันตรายกว่าที่คิด?  อาหารแปรรูประดับสูงคืออาหารที่ถูกผ่านกระบวนการผลิตหลายขั้นตอน จนแทบไม่เหลือร่องรอยของวัตถุดิบธรรมชาติดั้งเดิม จุดเด่นคือมีการเติมสารสังเคราะห์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น สารกันเสีย สารแต่งกลิ่น สี สารเพิ่มความหวาน และสารปรุงแต่งรส เพื่อให้อาหารเก็บได้นาน ดูน่ากิน และถูกปากยิ่งขึ้น ที่น่าตกใจคือ… หลายครั้งอาหารที่ถูกโฆษณาให้ดู “เฮลตี้” ก็ยังเข้าข่ายเป็น UPF เช่น ซีเรียลไฟเบอร์สูงที่จริงแล้วใส่น้ำตาลหรือสารให้ความหวานแทน ขนมปังโฮลวีตในถุง ที่มักใส่สารปรับสภาพแป้งและวัตถุเจือปนหลายชนิด โยเกิร์ต fat-free รสผลไม้ ที่เต็มไปด้วยน้ำตาลและกลิ่นสังเคราะห์ นมอัลมอนด์หรือนมถั่วเหลืองแต่งรส ที่ผ่านการแต่งเติมจนแทบไม่เหลือคุณค่าจากถั่วจริง ๆ อาหารเหล่านี้อาจมีฉล […]

Vibe coding Trend
read more
05.09.2025 104

Vibe coding Trend คืออะไร? เทรนด์นี้จะเปลี่ยนอาชีพนักพัฒนาในอนาคตอย่างไร

Vibe coding คืออะไรและต่างจากการใช้ Copilot ยังไง อนาคตของอาชีพนักพัฒนาจะเปลี่ยนไปอย่างไร Vibe coding คืออะไรและต่างจากการใช้ Copilot ยังไง Vibe Coding คือแนวทางการพัฒนาโปรแกรมที่เน้นการทำงานร่วมกับ AI ผ่านการสื่อสารด้วยภาษาธรรมชาติ เช่น คำสั่งภาษาอังกฤษ ให้ AI ช่วยสร้าง ปรับแต่ง และแนะนำโค้ดแบบไหลลื่นและมีความสร้างสรรค์สูง ไม่จำเป็นต้องเขียนโค้ดทีละบรรทัด ส่วน GitHub Copilot คือหนึ่งในเครื่องมือ AI ที่ช่วยแนะนำโค้ดระหว่างการเขียนจริง ๆ โดยมันจะเติมโค้ดหรือฟังก์ชันที่คาดว่าจะใช้ในบริบทนั้น ๆ แต่ยังต้องให้ผู้พัฒนาเป็นผู้เขียนและควบคุมหลัก ความแตกต่างหลักระหว่าง Vibe Coding กับ Copilot คือ Vibe Coding เป็นแนวคิดที่กว้างกว่า เน้นการใช้ AI เป็นเหมือนผู้ช่วยในการพัฒนาโค้ดทั้งโปรเจกต์ผ่านการสื่อสารด้วยภาษาธรรมชาติแบบโต้ตอบ ที่ช่วยให้การสร้างโค้ดเป็นไปอย่างต่อเนื่องและสร้างสรรค์ขึ้น Copilot เป็นเครื่องมือหนึ่งใน Ecosystem ของ Vibe Coding ที่ให้การช่วยเติมโค้ดและแนะนำฟังก์ชัน แต่ยังคงเป็นเครื่องมือช่วยเขียนโค้ดแบบเดิมที่มีรูปแบบที่จำกัดและใช้คำสั่งโดยตรงน้อยกว่า เทรนด์นี้จะเปลี่ยนอาชีพนักพัฒนา […]

Subscription

เพื่อรับข้อมูลเกี่ยวกับความรู้เทรนด์และวิจัยต่อเนื่อง