Baramizi Lab logo

Generative AI plugin with App & Gadget เสริมความแกร่งให้แอปและอุปกรณ์ด้วยปัญญาประดิษฐ์

Generative AI plugin with App & Gadget เสริมความแกร่งให้แอปและอุปกรณ์ด้วยปัญญาประดิษฐ์

Generative AI เครื่องมือของคนยุคใหม่

Generative Artificial Intelligent หรือ Generative AI คือ เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ประเภทหนึ่งที่ออกแบบมาเพื่อสร้างเนื้อหาใหม่ เช่น รูปภาพ ข้อความ เสียง หรือวิดิโอ ที่มีลักษณะใกล้เคียงกับเนื้อหาจากชุดข้อมูลเดิมที่กำหนด ทำงานโดยการเรียนรู้รูปแบบและความสัมพันธ์ในอินพุต จากนั้นจึงใช้ความรู้นี้เพื่อสร้างตัวอย่างข้อมูลใหม่ขึ้นมา ในช่วงที่ผ่านมาเรียกว่า Generative AI กำลังเป็นน่านน้ำใหม่ที่จะพลิกโฉมวิธีการทำงานในหลายสายงาน สามารถย่นย่อระยะเวลาการทำงาน หรือการศึกษาข้อมูลได้ดี ทำได้ง่ายเพียงแค่เราป้อนคำถาม หรือ Prompt ข้อมูลเพื่อเป็น Input ใส่เข้าไป ตัวระบบก็จะประมวลผลคำตอบออกมาให้อย่างกระชับ ตรงประเด็น เข้าใจได้ง่าย และใช้งานได้จริง Generative AI ได้รับความนิยมจากผู้ใช้งานมาก จึงทำให้เกิดการแข่งขันอย่างแพร่หลาย มีผู้เล่นเข้ามาในตลาดมากมาย ด้วยการแข่งขันที่สูงก็ได้ช่วยพัฒนาผลิตภัณฑ์ไปให้ไกลกว่าเดิม นอกเหนือจาก ณ ปัจจุบันที่เป็นลักษณะ Chat Bot ถาม- ตอบ  หรือโปรแกรมสร้างภาพและวีดีโอขึ้นใหม่ Generative AI กำลังเข้าไปเสริมพลังให้กับ Application หรือ Gadget หลายตัวให้อัจฉริยะมากขึ้น

Apple Intelligence การร่วมมือกันของ Apple และ OpenAI

ล่าสุด Apple Intelligence นวัตกรรม AI ล่าสุดของ Apple ได้เปิดตัวชุดเครื่องมือการเขียนขั้นสูงที่ออกแบบมาเพื่อเปลี่ยนแปลงวิธีการสื่อสารของผู้ใช้ระหว่างอุปกรณ์ต่างๆ เครื่องมือเหล่านี้ใช้ความสามารถด้านภาษาที่ได้รับการปรับปรุงเพื่อมอบคุณสมบัติต่างๆ เช่น สรุปการบรรยายแบบทันที ย่อบทสนทนากลุ่มยาวและจัดลำดับความสำคัญของการแจ้งเตือนเพื่อลดสิ่งรบกวนสมาธิ ไม่ว่าจะเป็นการพิสูจน์อักษรข้อความหรือการสรุปเนื้อหาด้วยการแตะเพียงครั้งเดียว เครื่องมือการเขียนยังรวมอยู่ในแอพต่างๆ อีกด้วย Apple Intelligence ยังปรับปรุง Siri ด้วยความเข้าใจภาษาที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น และด้วยฟังก์ชันใหม่ๆ เช่น การพิมพ์ไปยัง Siri ที่เปิดตลอดเวลา 

ทั้งนี้ Apple ให้ความเป็นส่วนตัวยังคงเป็นรากฐานที่สำคัญ โดยการประมวลผลบนอุปกรณ์ทำให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลส่วนบุคคลจะไม่หลุดไปไหน แม้ว่า Apple Intelligence จะเป็นการร่วมมือและใช้ประโยชน์จาก ChatGPT ของ OpenAI สำหรับงานต่างๆ เช่น การแสดงภาพหรือการสืบค้นเอกสาร ความก้าวหน้าเหล่านี้แสดงถึงการก้าวกระโดดครั้งใหญ่ในด้านประสบการณ์ผู้ใช้ ด้วยการนำเสนอเครื่องมือสื่อสารที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้มากขึ้นและขยายขีดความสามารถทั่วทั้งระบบของ Apple โดยสามารถให้บริการได้บน iPhone 15 Pro, iPhone 15 Pro Max และ iPad กับ Mac ที่มีชิป M1 เป็นต้นไป

การร่วมมือกันของ Grab กับ OpenAI

Grab Holdings บริษัทสตาร์ทอัพยูนิคอร์นสิงค์โปร์ได้ประกาศความร่วมมือกับ OpenAI ผู้พัฒนา Chat GPT ในการนำเทคโนโลยี Generative AI เข้ามาใช้ในแอพลิเคชั่นของ Grab ที่ครอบคลุมบริการสั่งอาหาร จองรถ ส่งของ ไปจนถึงบริการทางการเงิน ซึ่งการร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นการร่วมมือครั้งแรกที่ OpenAI เข้ามาบุกธุรกิจในอาเซียน Grab ได้แถลงถึงการนำนวัตกรรมด้านข้อความและคำสั่งเสียงเข้ามาทำงานร่วมกับแอพลิเคชั่นเพื่อให้ผู้ใช้งานใช้ได้ง่ายมากขึ้น โดยเฉพาะกับกลุ่มลูกค้าผู้สูงอายุและผู้พิการ พร้อมหาช่องทางในการใช้ AI กับแชทบอตของแพลตฟอร์มในระบบ Customer Support ให้มีประสิทธิภาพดีขึ้น นอกจากการปรับปรุงคุณภาพฟีเจอร์ข้อความและคำสั่งเสียง Grab ยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่าจะนำเทคโนโลยีการระบุภาพจาก OpenAI เข้ามาพัฒนาแผนที่ของ GrabMaps เพื่อให้การอัปเดตสถานะของไรเดอร์ทำได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม

ปัจจุบัน Grab มีผู้ใช้งานราว 40 ล้านคนที่ใช้งานบนแพลตฟอร์มในแต่ละเดือนใน 8 ประเทศอาเซียน ได้แก่ สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ ไทย กัมพูชาและพม่า  และบริษัทก็ใช้ AI มาระยะหนึ่งแล้วในการค้นหาไรเดอร์ที่อยู่ใกล้ลูกค้าที่สุด หาเส้นทางที่ประหยัดเวลามากที่สุด ไปจนถึงแปลเมนูอาหารท้องถิ่นเป็นภาษาอังกฤษและจีน หากมองกลับกันในฝั่งของ OpenAI การร่วมมือกันครั้งนี้น่าจะเป็นปัจจัยสนับสนุนที่ช่วยให้ ChatGPT มีความสามารถในการเข้าใจภาษาในประเทศอาเซียนมากขึ้น

นอกเหนือจากที่กล่าวไปข้างต้น ยังมีการร่วมมือกันระหว่าง AI และบริษัทอื่นอีกหลายเจ้า ยกตัวอย่างเช่น

Microsoft : บริษัทได้รวมโมเดลภาษาของ OpenAI ซึ่งรวมถึง ChatGPT เข้ากับผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น บริการ Microsoft Office และ Azure AI การบูรณาการนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อปรับปรุงเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและแอปพลิเคชันการบริการลูกค้าด้วยความสามารถ AI การสนทนาขั้นสูง

Zoom : ได้มีการร่วมมือกับทั้ง OpenAI และบริษัท AI อื่นๆ เพื่อปรับปรุงการประชุมเสมือนจริงและปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้ การทำงานร่วมกันนี้เกี่ยวข้องกับการบูรณาการ AI สำหรับการแปลภาษาแบบเรียลไทม์ การถอดเสียงการประชุม และความช่วยเหลือที่ขับเคลื่อนโดย AI ในระหว่างแฮงเอาท์วิดีโอ

Samsung : Gemini Pro บน Vertex AI ช่วยให้ Samsung มีคุณสมบัติที่สำคัญของ Google Cloud รวมถึงความปลอดภัย ความปลอดภัย ความเป็นส่วนตัว และการปฏิบัติตามข้อกำหนดของข้อมูล ผู้ใช้ Galaxy S24 series ยังสามารถได้รับประโยชน์ทันทีจาก Imagen 2 ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการแพร่กระจายข้อความเป็นภาพที่ล้ำสมัยที่สุดของ Google จาก Google DeepMind จนถึงปัจจุบัน

แนวโน้มของ Generative AI ในอนาคต

เทคโนโลยีปัจจุบันสนับสนุน Generative AI ให้มีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ทำให้การทำงานของง่ายขึ้น และลดเวลาการทำงานลง ต้องขอบคุณการลงทุนจำนวนมหาศาลจากบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่และห้องปฏิบัติการวิจัย จากการวิเคราะห์ของ Gartner ได้มีการแบ่งวิวัฒนาการของ AI ไว้สามปี ตั้งแต่ปี 2569-2571

  • ปี 2569

ธุรกิจกว่า 75% จะใช้ AI เพื่อสร้างข้อมูลลูกค้าสังเคราะห์เพิ่มขึ้นจากที่มีน้อยกว่า 5% ในปี 2566 การสร้างข้อมูลสังเคราะห์ในการเติบโตของธุรกิจ ช่วยให้องค์กรสามารถจำลองสภาพแวดล้อมและระบุโอกาสในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ พัฒนากลุ่มลูกค้า การเดินทางและประสบการณ์ของลูกค้า

  • ปี 2570

GenAI มากกว่า 50% ที่องค์กรต่างๆ ใช้จะเป็นโมเดลเฉพาะสำหรับอุตสาหกรรมหรือฟังก์ชั่นทางธุรกิจเพิ่มขึ้นจากประมาณ 1% ในปี 2566 เพราะความต้องการ GenAI ได้เพิ่มขึ้นในหลายภาคส่วน 

  • ปี 2571

การใช้งาน GenAI 30% จะได้รับการปรับให้เหมาะสมโดยใช้วิธีคำนวณแบบอนุรักษ์พลังงานซึ่งได้รับการสนับสนุนจากความคิดริเริ่มด้านความยั่งยืน เนื่องจากการนำเครื่องมือ Generative AI มาใช้อย่างรวดเร็วทำให้เกิดผลกระทบด้านลบต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้ต้องมีการหาพลังงานทดแทนและโครงสร้างพื้นฐานสำหรับทั้งบริการภายในองค์กรและบริการคลาวด์จะได้รับการปรับแต่งสำหรับ AI

นอกจากนี้การใช้จ่ายด้านปัญญาประดิษฐ์ในด้านฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และบริการมีมูลค่ารวมประมาณ 200 พันล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว ตามรายงานของ Grand View Research แต่ตัวเลขดังกล่าวคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 820% เกินกว่า 1.8 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2573 กล่าวอีกนัยหนึ่ง ตลาด AI คาดว่าจะเพิ่มขึ้นที่ 37% ต่อปีจนถึงสิ้นทศวรรษนี้

โดยรวมแล้ว อนาคตของ AI จะทั้งน่าตื่นเต้นและท้าทาย ด้วยเทคโนโลยี AI ที่กำหนดวิถีชีวิต ทำงาน และโต้ตอบกับโลกรอบตัวเรา ในขณะที่ AI มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องแน่ใจว่าการพัฒนานั้นเป็นไปตามหลักจริยธรรม ความโปร่งใส และความมุ่งมั่นในการสร้างประโยชน์ให้กับมนุษยชาติ

ผู้เขียน

นางสาวจินต์ศุจี มณฑิราลัยพร

ที่มา

https://www.businesstoday.in/technology/news/story/apple-nears-deal-with-openai-to-put-chatgpt-on-iphone-report-429178-2024-05-11 

https://www.bloomberg.com/news/articles/2024-05-11/apple-closes-in-on-deal-with-openai-to-put-chatgpt-on-iphonehttps://www.facebook.com/share/p/gT6PFLPLpVB1MzXT/

https://www.standard.co.uk/news/tech/apple-deal-openai-chatgpt-iphone-b1157470.html 

https://thestandard.co/grab-coperate-openai-by-using-ai/ 

https://thestandard.co/grab-coperate-openai-by-using-ai/ 

https://www.gartner.com/en/articles/3-bold-and-actionable-predictions-for-the-future-of-genai#:~:text=By%202026%2C%2075%25%20of%20businesses,less%20than%205%25%20in%202023

https://finance.yahoo.com/news/artificial-intelligence-ai-market-could-094500916.html 

https://thestandard.co/wealth-in-depth-apple-intelligence/ 

 

RECOMMEND

ชาไทยไม่ใส่สี
read more
25.06.2025 82

เทรนด์ชาไทยไม่ใส่สี: การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของอุตสาหกรรมเครื่องดื่มไทย

แบรนด์ชั้นนำหลายแห่งประกาศผลิตชาไทยที่ไม่ใส่สี Sunset Yellow FCF ซึ่งเป็นสีสังเคราะห์ที่ทำให้ชาไทยดั้งเดิมมีสีส้มสดใส เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพมากขึ้น การแข่งขันของแบรนด์ชั้นนำ คาเฟ่ อเมซอน นำหน้าเปิดขาย คาเฟ่ อเมซอน ได้ประกาศตัวเป็น “เจ้าแรก” ที่ขายชาไทยไม่ใส่สี โดยเริ่มขายเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2025 ภายใต้ชื่อ “Premium Thai Tea” ซึ่งคัดสรรใบชาอัสสัมคุณภาพดีจากจังหวัดน่าน ผ่านการเบลนด์สูตรพิเศษโดย Tea Master ให้รสชาติโทนวานิลลาหอมละมุน และหวานนุ่มแบบคาราเมลไลซ์ จำหน่ายในราคา 60 บาท ชาตรามือ เตรียมวางจำหน่ายในเดือนกรกฎาคม ชาตรามือ แบรนด์ชาไทยเก่าแก่กว่า 80 ปี เตรียมวางจำหน่าย “ชาไทยไม่ใส่สี” ภายในเดือนกรกฎาคม 2025 โดยใช้สูตรดั้งเดิมที่ตัดสีสังเคราะห์ Sunset Yellow ออกทั้งหมด พร้อมเปิดตัวเมนูใหม่ “ชาไทยสีธรรมชาติ” ในไตรมาส 3 ซึ่งใช้สีผสมอาหารจากธรรมชาติ เช่น แครอท ในการแต่งเติมสี เหตุผลเบื้องหลังการเปลี่ยนแปลง ปัญหาของสี Sunset Yellow FCF สี Sunset Yellow FCF เป็นสีผสมอาหารสังเคราะห์ที่ทำให้ชาไทยมีสีส้มสดใส อย่างไรก็ตาม สารนี้ถูกห้ามใช้หรือควบคุมการใช้ในหลายประเท […]

เทรนด์อสังหาริมทรัพย์ 2025
read more
20.06.2025 158

ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยในปี 2025: โอกาสและความท้าทายที่ต้องรู้

แม้เศรษฐกิจไทยในปี 2025 จะมีสัญญาณการฟื้นตัวบางส่วน แต่ ตลาดอสังหาริมทรัพย์ ยังเผชิญกับแรงกดดันจากหลายด้าน ทั้งความผันผวนของดีมานด์–ซัพพลายในแต่ละเซกเมนต์ และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงเร็ว อย่างไรก็ตาม โครงการส่งเสริมการลงทุนและการท่องเที่ยวจากภาครัฐได้ช่วยประคองตลาดในบางพื้นที่ให้ค่อย ๆ ฟื้นตัว ยอดพรีเซลของ 10 บริษัทอสังหาฯ ชั้นนำในช่วงต้นปี 2025 อยู่ที่ 59,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1% เทียบกับปีก่อนหน้า (YoY) และ 7% จากไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) โดย โครงการคอนโดมิเนียม เป็นกลุ่มที่ผลักดันยอดขายได้มากที่สุด มูลค่ารวมกว่า 28,000 ล้านบาท เทรนด์อสังหาริมทรัพย์ที่ต้องรู้ในปี 2025 1. Digital Transformation & PropTech จากการวิเคราะห์และบริหารจัดการด้วยข้อมูลเรียลไทม์ ไปจนถึงการใช้ AI และ Big Data เพื่อคาดการณ์ความต้องการ — PropTech กลายเป็นเครื่องมือหลักในการแข่งขันและลดต้นทุนที่ไม่จำเป็น 2. Smart Home Living ตลาดสมาร์ทโฮมทั่วโลกเติบโตอย่างรวดเร็ว และกำลังเป็น มาตรฐานใหม่ของที่อยู่อาศัยระดับกลางถึงบน โดยบริษัทไทยชั้นนำอย่าง แสนสิริ อนันดา และเอพี ต่างนำระบบอัจฉริยะเข้ามาในโครงการ 3. Green Bu […]

Future Lab Research
read more
19.06.2025 254

Future Lab Research: ถอดรหัสความในใจลูกค้า เพื่อธุรกิจที่ชนะในอนาคต

การแข่งขันในโลกยุคใหม่ วัดกันที่ใครเข้าถึงและเข้ากุมหัวใจลูกค้าเป้าหมายได้ก่อนและได้มากกว่าและ Future Lab Research คือคอนเซปต์การทำวิจัยที่ช่วยคุณได้ หลายคนอาจจะคิดว่าในโลกยุคเทคโนโลยีดิจิทัลขนาดนี้ อาจจะมี เทคโนโลยี อะไรที่สร้างความสามารถทางการแข่งขันให้กับธุรกิจของเราได้ใช่มั้ยคะ มันก็ใช่นะ มันช่วยได้ …แต่ลองคิดอีกทีเทคโนโลยีที่เกิดในยุคนี้ช่วงเวลานี้ล้วนแต่จะทำให้ ถูกลงๆ เข้าถึงได้มากขึ้น ถึงจุดหนึ่งเทคโนโลยีก็คือ Foundation หรือฐานรากของธุรกิจ ที่คนที่ไม่มีหรือทำไม่ได้ ใช้ไม่เป็นก็จะไม่สามารถอยู่ในโลกแห่งการแข่งขันได้อีกต่อไป เป็นเช่นนี้แล้วเราจะสร้างความแตกต่างและมีความสามารถทางการแข่งขันที่เหนือกว่าได้อย่างไร Back to Basic ค่ะ : ) คำตอบกลับมาอยู่ที่ความสามารถในการเข้าใจโจทย์ที่จะทำให้เราชนะ! ซึ่งโจทย์นั้นอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลก็คืออยู่ที่หัวใจของลูกค้าเป้าหมายของเรานั่นเองค่ะ เทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นไม่ได้เปลี่ยนกุญแจดอกนี้ไปแต่เทคโนโลยีมาช่วยเสริมประสิทธิภาพในการเข้าถึงหัวใจของลูกค้า มันอาจจะง่ายขึ้น เร็วขึ้น ถูกลงบ้างในบางโจทย์ (แต่บางโจทย์ก็อาจจะยังต้องใช้วิธีคลาสสิคอยู่) และเทค […]

Netflix ผสาน Big Data กับ Thick Data เพื่อเข้าใจว่าทำไมผู้ชมจึงชื่นชอบการดูซีรีส์แบบมาราธอน และเปลี่ยนพฤติกรรมนี้ให้กลายเป็นกลยุทธ์ธุรกิจ
read more
19.06.2025 117

ความลับพฤติกรรม ‘ดูซีรีส์รวดเดียวจบ’ ที่ Netflix ไขได้จากการทำวิจัยกับคนดู

Big Data ผสาน Thick Data ปลดล็อกนวัตกรรมด้วยข้อมูลสองมิติ ครั้งหนึ่ง Netflix กำลังทะยานขึ้นสู่จุดสูงสุดของโลกสตรีมมิ่ง ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังของ Big Data อันมหาศาล อัลกอริทึมอัจฉริยะสามารถแนะนำซีรีส์ และภาพยนตร์ที่ตรงใจผู้ชมได้อย่างน่าทึ่ง วิเคราะห์ทุกการคลิก ทุกการหยุดพัก และทุกยอดวิว พวกเขารู้ว่าผู้คนดูอะไร และ เมื่อไหร่ แต่ท่ามกลางข้อมูลเหล่านั้น มีพฤติกรรมหนึ่งผุดขึ้นมาอย่างโดดเด่นแต่ยังคงเป็นปริศนานั้นคือ “Binge-Watching” หรือการดูซีรีส์รวดเดียวจบแบบมาราธอน เเต่เพียงเเค่ข้อมูลที่บอก ‘อะไร’ อย่างเดียวคงไม่เพียงพอที่จะทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จขนาดนั้น จึงเป็นที่มาของ Thick Data มันคือข้อมูลเชิงคุณภาพที่ให้ความเข้าใจถึงแรงจูงใจ ความเชื่อ และประสบการณ์ส่วนบุคคล ในกรณีของ Netflix อะไรคือแรงขับเคลื่อนเบื้องหลังการที่ผู้คนเลือกที่จะใช้เวลาสุดสัปดาห์ไปกับการดูซีรีส์อย่างไม่หยุดหย่อน? อะไรคือสิ่งที่กระตุ้นอารมณ์และแรงจูงใจเบื้องลึก? Netflix ได้เชิญทีมวิจัยเข้าไปทำ Ethnographic Research โดยเข้าไปในบ้านของผู้ชมจริง เพื่อสังเกตการณ์พฤติกรรมการดูซีรีส์ในบริบทธรรมชาติ พวกเขาเฝ้าดูคู […]

What is a Unmet Need
read more
09.06.2025 230

What is a Unmet Need? (ความต้องการที่ซ่อนอยู่คืออะไร)

What is a Unmet Need? (ความต้องการที่ซ่อนอยู่คืออะไร) นวัตกรรมที่เปลี่ยนโลกมักไม่ได้เริ่มจากเทคโนโลยีล้ำยุคเสมอไป แต่มักเริ่มจากคำถามง่ายๆ ว่า “ความต้องการลึกๆ ของลูกค้าคืออะไร” ความต้องการลึกๆ หรือที่เรียกว่า Unmet Need ในเชิงทฤษฎีการออกแบบ และนวัตกรรมความต้องการของผู้ใช้งานสามารถแบ่งออกเป็นหลายระดับตั้งแต่ความต้องการพื้นฐานที่ผู้ใช้อธิบายได้อย่างชัดเจน ไปจนถึงความต้องการที่ยังไม่สามารถระบุ หรือรับรู้ได้ด้วยตนเองซึ่งเรียกว่า Hidden Needs หรือ Unmet Needs ความต้องการเหล่านี้มักอยู่ในระดับที่ลึกกว่าการแสดงออกทั่วไป เป็นสิ่งที่ฝังอยู่ในพฤติกรรม ความรู้สึก หรือสภาพแวดล้อมที่ผู้ใช้อาศัยอยู่ แนวคิดนี้เชื่อมโยงกับการออกแบบที่เน้นมนุษย์เป็นศูนย์กลาง (Human-Centered Design) และแนวทาง Outcome-Driven Innovation ของ Ulwick (2005) ซึ่งชี้ว่า ความเข้าใจใน “งานที่ผู้ใช้อยากให้เสร็จ (Jobs to Be Done)” นั้นต้องลึกซึ้งกว่าคำพูดหรือแบบสอบถามทั่วไป เพราะผู้ใช้จำนวนมากไม่สามารถบอกความต้องการที่แท้จริงของตนออกมาได้อย่างตรงไปตรงมา (Latent or Unarticulated Needs) ตัวอย่างของ Hidden Needs ได้แก่ ความรู้สึกไม่ […]

Subscription

เพื่อรับข้อมูลเกี่ยวกับความรู้เทรนด์และวิจัยต่อเนื่อง