Baramizi Lab logo

แนวโน้มการออกแบบสำหรับครอบครัวหลายช่วงวัย (Intergeneration Living Design Trends)

06
08.2024
view
585
SHARE

แนวโน้มการออกแบบสำหรับครอบครัวหลายช่วงวัย (Intergeneration Living Design Trends)

ทุกวันนี้ แนวโน้มการอยู่อาศัยแบบครอบครัวหลายช่วงวัยได้รับความสนใจเพิ่มขึ้น ซึ่งมีหลายเหตุผล เช่น เรื่องการประหยัดค่าใช้จ่าย เรื่องความสัมพันธ์ที่อยากกลับมาอยู่ร่วมกันแบบพร้อมหน้า ต้องการให้พ่อแม่เลี้ยงลูกให้ ไปจนถึงได้ดูแลพ่อแม่ที่อายุมากขึ้นและอาจป่วยเป็นโรคต่างๆ ด้วยเงื่อนไขของผู้พักอาศัยที่มีหลายคนและหลายช่วงวัย จึงนำมาซึ่งแนวทางในการออกแบบพื้นที่อยู่อาศัยเพื่อตอบโจทย์ความต้องการดังนี้

แนวทางการออกแบบโดยภาพรวม (General Design Concept for Intergeneration Living)

  • Public & Private Space มีทั้งพื้นที่ Public Space ที่สามารถใช้ชีวิตและใช้เวลาร่วมกันได้พร้อมหน้าพร้อมตา  และพื้นที่ Private Space เพราะ “ความเป็นส่วนตัว” คือปัจจัยสำคัญที่สุด และเป็นความท้าทายของที่พักอาศัยที่มีสมาชิกหลายครอบครัวมาอยู่รวมกัน แต่ละวัยที่อาศัยอยู่ในบ้านต้องการพื้นที่ส่วนตัวของตัวเอง
  • Universal Design การออกแบบเพื่อทุกคน คือทุกเพศทุกวัย 
  • Aged in place คือแนวคิดที่เชื่อว่า ผู้อยู่อาศัยสามารถใช้ชีวิตอยู่ในบ้านและสังคมของตนเองได้อย่างอิสระและปลอดภัย ตลอดช่วงชีวิต พร้อมสิ่งอำนวยสะดวกสบายไว้รองรับการอยู่อาศัยอย่างครบครัน
  • Multi Master Bed Room รองรับการเติบโตของครอบครัวในอนาคตแล้วยังสามารถรองรับการนอนแยกห้องของคู่สามีภรรยาเพื่อพฤติกรรมการนอนหลับที่ดีขึ้นได้อีกด้วย
  • Multi Living Room การจัดสรรพื้นที่นั่งเล่นส่วนรวมสำหรับคนหลายเจนอย่างน้อย 2 พื้นที่เพื่อตอบโจทย์การใช้งานที่แตกต่างกันของแต่ละวัย
  • Multi Entrance สมาชิกแต่ละเจนล้วนมีตารางชีวิตแตกต่างกัน ทำให้เวลาเข้า-ออกบ้านอาจเหลื่อมล้ำกันไปมา
  • Aging Facility มีสิ่งอำนวยความสะดวกพิเศษที่ออกแบบมาเพื่อผู้สูงอายุโดยเฉพาะ อาทิ โรงพยาบาล คลีนิค
  • Mixed Style & Material การมีสไตล์หรือการใช้วัสดุที่แตกต่างกันในแต่ละครอบครัวและพื้นที่เพื่อบ่งบอกพื้นที่ของคนแต่ละครอบครัวย่อย

แนวทางการออกแบบเชิงพื้นที่ (Space Design Solutions)

1. Basic การแบ่งพื้นที่ให้ห้องผู้สูงอายุและ Public Space อยู่ชั้นล่างและพื้นที่ส่วนตัวอยู่ที่ชั้นสอง

2. Leveling การแบ่งพื้นที่แต่ละครอบครัวย่อยออกจากกันด้วยกันแบ่งชั้น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบ้าน
ที่มี 3-4 ชั้น และแบ่งพื้นที่ให้คนแต่ละช่วงวัย หรือแต่ละครอบครัวย่อยอยู่ด้วยกันคนละชั้น

3. Co-Living ที่พักอาศัยที่เอื้อให้สมาชิกในโครงการได้มีปฏิสัมพันธ์กันมากขึ้น
เต็มไปด้วยพื้นที่ส่วนกลางที่เน้นการทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกัน

4. Courtyard & Surround การจัดพื้นที่ให้คอร์ทยาร์ดตรงกลางเป็นพื้นที่สำหรับพบปะ
สังสรรค์ในครอบครัวและรายล้อมไปด้วยที่พักอาศัยของแต่ละครอบครัวและช่วงวัย

5. Free Space

‘Free’ Space พื้นที่อิสระ เป็นการเพิ่มพื้นที่ว่างบริเวณกลางบ้านที่เป็นส่วนเชื่อมต่อระหว่าง Common Area & Private Area เอื้อประโยชน์ให้เกิดพื้นที่ส่วนตัวเฉพาะรูปแบบเกิดความอิสระในการพักผ่อน|
6. Interlocking
การแยกพื้นที่บ้านออกเป็นส่วนและเชื่อมกันด้วยพื้นที่ Common Area สำหรับการใช้ชีวิตร่วมกัน
7. Multi Living Unit

ออกแบบ Unit ย่อยมารวมกันเป็นบ้านของครอบครัวหลังใหญ่ จุดสำคัญของประสบการณ์ที่เกิดขึ้นคือ การทอนสเกลของตัวสถาปัตยกรรมให้ดูเหมือนบ้านหลังเล็กหลายหลัง

RECOMMEND

thai cities safety resilience trend
read more
02.10.2025 346

แนวโน้มจะเป็นอย่างไรเมื่อ World Bank เตือน GDP ไทยอาจลด 7-14% ในปี 2593 เพราะภัยพิบัติโลกร้อน

แม้เราจะเดินทางมาถึงช่วงท้ายของปี 2025 แต่ประเทศไทยยังคงเผชิญกับภัยพิบัติทางธรรมชาติหลากหลายรูปแบบอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสะท้อนถึงสถานการณ์โลกที่กำลังเผชิญกับภัยพิบัติที่มากขึ้นเรื่อยๆ หากเทียบข้อมูลย้อนหลัง จำนวนภัยพิบัติทั่วโลกเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน จากเพียง 23 ครั้งในปี 1950 กลายเป็นกว่า 361 ครั้งในปี 2019 ซึ่งล้วนเเล้วเเต่เป็นผลของสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง สำหรับประเทศไทย แม้จะปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพียง 258 ล้านตัน คิดเป็น 0.76% ของการปล่อยทั้งหมดทั่วโลกในปี 2020 (ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 24) แต่กลับถูกจัดอยู่ใน ประเทศที่เสี่ยงได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมากที่สุดเป็นอันดับ 9 ของโลก ความเสี่ยงนี้ครอบคลุมเกือบทุกมิติ ตั้งแต่ผลผลิตทางการเกษตรและประมงชายฝั่ง ไปจนถึงการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ และฐานทรัพยากรด้านการท่องเที่ยวที่เป็นเสน่ห์สำคัญของประเทศ รายงานของ ธนาคารโลก (World Bank) ในช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา เตือนว่า หากไทยยังขาดมาตรการรับมือที่จริงจัง ภาวะโลกร้อนอาจทำให้ GDP ของประเทศลดลงถึง 7–14% ภายในปี 2593 โดยเฉพาะต่อประชากรเปราะบางกว่า 9.4 ล้านคน ซึ่งมีมากถึง 8 ล้านคนที่อย […]

Wellness Economy 5.0
read more
25.09.2025 222

Wellness Economy 5.0 พลังขับเคลื่อนไทยสู่ศูนย์กลางสุขภาพโลก

แนวคิดเศรษฐกิจสุขภาพยุคใหม่ในไทยธุรกิจไหนได้ประโยชน์มากที่สุด Wellness Economy 5.0 Wellness Economy 5.0 คือแนวคิดเศรษฐกิจสุขภาพยุคใหม่ในไทย ซึ่งมุ่งเน้นการพัฒนาและขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดยยึดสุขภาพและคุณภาพชีวิตของประชาชนเป็นศูนย์กลาง โดยเฉพาะในยุคที่ไทยกำลังกลายเป็นสังคมผู้สูงอายุ (super-aged society) ภายในปี 2033 แนวคิดนี้ไม่ใช่แค่การรักษาโรค แต่คือการส่งเสริมการใช้ชีวิตเชิงป้องกันและทำให้สุขภาพดีเป็นวิถีชีวิตที่รวมถึงความงาม อาหารสุขภาพ การออกกำลังกาย และการท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ Key Idea ของ Wellness Economy 5.0 มุ่งเน้นความสมดุลทั้งทางกาย ใจ อารมณ์ และสังคมผ่านการดำเนินชีวิตที่ดี เกิดการบูรณาการระหว่างเทคโนโลยี เศรษฐกิจ และรูปแบบการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน ผลักดันธุรกิจความงาม อาหารเพื่อสุขภาพ บริการออกกำลังกาย และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเป็นอุตสาหกรรมหลัก รัฐบาลและภาคเอกชนร่วมลงทุนและพัฒนาระบบสาธารณสุขและ wellness hubs เพื่อรองรับตลาดผู้สูงวัยและสุขภาพดีแบบองค์รวม Wellness Economy ในไทยปี 2023 มีมูลค่าตลาดประมาณ 1.4 ล้านล้านบาท เติบโตสูงจากกลุ่มนักท่องเที่ยวสุขภาพที่เพิ่มขึ้นและการผสมผสาน […]

Longevity Trend
read more
24.09.2025 212

Longevity Trend
”เมื่อ ‘วัยทำงาน’ ยาวนานขึ้น โอกาสของคนรุ่นใหม่จะเหลือเท่าไหร่?”

อายุขัยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง (เฉลี่ยเพิ่มขึ้นประมาณ 2 ปีในทุกๆ 10 ปี) ตำแหน่งงานเก่าๆ ยังไม่ว่างให้คนรุ่นใหม่เข้าทำงาน Longevity Trend แนวโน้ม Longevity Trend หรือแนวโน้มคนมีอายุยืนยาวขึ้น ส่งผลให้คนจำนวนมากเลือกหรือจำเป็นต้องเกษียณช้าลงจากเดิม โดยอายุเกษียณที่เคยอยู่ราว 60 ปี เริ่มถูกปรับเพิ่มเป็น 65 ปีขึ้นไป ทั้งในไทยและในหลายประเทศ เพราะคนมีสุขภาพดีขึ้น เรียนรู้และทำงานได้นานขึ้น พร้อมกับระบบสวัสดิการและนโยบายที่สนับสนุนให้คนยังคงมีส่วนร่วมในตลาดแรงงานมากขึ้น ขณะที่การเกษียณช้าช่วยให้มีรายได้และสวัสดิการทางการเงินที่มากขึ้น ลดความเสี่ยงด้านสุขภาพจิตและการแยกตัวจากสังคมได้ด้วย และการทำงานต่อเนื่องยังช่วยให้สมองและร่างกายได้รับการกระตุ้น ช่วยยืดอายุขัยโดยรวม สาเหตุของการเกษียณช้าลง อายุขัยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง (เฉลี่ยเพิ่มขึ้นประมาณ 2 ปีในทุกๆ 10 ปี) คนสูงอายุในยุคใหม่มีสุขภาพดีขึ้น เขียนได้ ชำนาญและมีประสบการณ์มากกว่ารุ่นก่อน ระบบสวัสดิการ ศูนย์ดูแลสุขภาพ และโครงสร้างทางสังคมที่สนับสนุนให้คนสูงอายุทำงานต่อได้ ความจำเป็นด้านการเงิน เช่น รายได้ที่ไม่เพียงพอจากเงินออมและ […]

read more
01.10.2025 701

Event Tourism พลังสำคัญที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลก

ประเทศไทยพร้อมหรือยัง…ที่จะสร้างกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์สู่ระดับนานาชาติ?   กิจกรรมและงานอีเวนต์ ไม่ว่าจะเป็น เทศกาลศิลปะ ดนตรี อาหาร กีฬา หรือวัฒนธรรม ล้วนมีพลังในการเปลี่ยน “พื้นที่หนึ่ง ๆ” ให้กลายเป็น “จุดหมายการท่องเที่ยวระดับโลก” สำหรับประเทศไทย กิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ไม่เพียงช่วยสร้างความสุข แต่ยังสร้างเศรษฐกิจ การจ้างงาน และทำให้ประเทศเป็นที่จดจำในสายตานักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติ  เพื่อให้ก้าวสู่เวทีโลก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยจึงมีการศึกษาศักยภาพกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ระดับนานาชาติของประเทศไทย และได้ใช้เครื่องมือ Future Scenario (ฉากทัศน์แห่งอนาคต) ในการออกแบบ “ภาพอนาคตของ Event Tourism” เพื่อให้เราเห็นว่ากิจกรรมแบบไหนที่ตอบโจทย์การท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ และสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศได้อย่างแท้จริง  ถ้าว่าเคยติดตามคอนเทนต์ของบรารามีซี่ แล็บจะทราบว่าเครื่องมือวิจัยที่เรียกว่า Future Scenario คือ ฉากทัศน์ที่เป็นไปได้ในอนาคตของแบรนด์ หรือคือ ไอเดียแก้ปัญหาที่น่าสนใจ ที่เราอยากได้ทดลองกับกลุ่มตัวอย่าง  อ่านบทความ Brand Future Scenario […]

CTM Cafe
read more
15.09.2025 339

ชาตรามือออกแบรนด์ชา CTM
เดินตลาดตาม Trend Specialty Tea

ชาตรามือ แบรนด์ใหม่ CTM CTM หรือ Captivating Tea Muse เป็นแบรนด์ชาใหม่ล่าสุดจากชาตรามือ ที่เน้นชาพรีเมียมคัดสรรคุณภาพดีเยี่ยม ผสมผสานกับวัตถุดิบคุณภาพสูงเพื่อมอบประสบการณ์รสชาติที่แปลกใหม่และสนุกขึ้น แบรนด์นี้มีใบชาหลากหลายสายพันธุ์มากกว่า 10 ชนิด พร้อมเมนูเด่น เช่น ชาอู่หลงนางงาม ที่ถือเป็นจุดขายสำคัญของแบรนด์ CTM ได้ต่อยอดจากความเชี่ยวชาญด้านชาอย่างลึกซึ้งของชาตรามือเพื่อสร้างชาในมิติใหม่ที่เหนือชั้นกว่าเดิม อะไรทำให้ชาไทย Specialty เป็นเทรนด์ฮิตตอนนี้ การเติบโตของอุตสาหกรรมชาไทยที่มีการพัฒนาเชิงโครงสร้างในด้านคุณภาพของใบชา ความหลากหลายของแหล่งปลูก และกำลังการผลิต ทำให้ไทยกลายเป็นตลาดค้าชารายใหญ่อันดับ 7 ของโลก ผู้บริโภคไทยเริ่มรับรู้และสนใจเครื่องดื่ม Specialty มากขึ้น หลังจากที่กาแฟ Specialty ได้รับความนิยมก่อนหน้านี้ ทำให้มีการพัฒนาชาไทยแบบพรีเมียม ที่มีการคัดใบชาจากแหล่งปลูกหลากหลายทั่วไทย รวมถึงการใช้เทคนิคการชงที่ทันสมัย ชาไทย Specialty เน้นความพิถีพิถันในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การคัดเลือกใบชาคุณภาพสูงที่มีโน้ตรสชาติและกลิ่นเฉพาะตัวแตกต่างกันตามแหล่งปลูก เช่น ชาเชียงราย ชาแม่ฮ่องสอน […]

Subscription

เพื่อรับข้อมูลเกี่ยวกับความรู้เทรนด์และวิจัยต่อเนื่อง