ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยในปี 2025: โอกาสและความท้าทายที่ต้องรู้
ปี 2025 ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยยังคงเผชิญกับความท้าทายที่มาจากหลายปัจจัย แม้ว่าจะมีภาคธุรกิจบางส่วนที่สามารถฟื้นตัวได้ แต่ในภาพรวมแล้วการฟื้นตัวของตลาดถือว่ายังไม่เท่ากันในทุกภาคส่วน โดยบางกลุ่มพบว่ามีความต้องการลดลง ควบคู่กับการที่ซัพพลายเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม โครงการริเริ่มของภาครัฐได้สร้างผลดีในบางพื้นที่ โดยช่วยดึงดูดการลงทุนและนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ยอดพรีเซลของ 10 บริษัทพัฒนาอสังหาฯ ชั้นนำอยู่ที่ 59,000 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น +1% YoY และ +7% QoQ) หรือคิดเป็นร้อยละ 21 ของเป้าหมายทั้งปี โดยมีแรงหนุนหลักจากพรีเซลของโครงการคอนโดมิเนียมที่มีมูลค่าประมาณ 28,000 ล้านบาท
10 เทรนด์อสังหาริมทรัพย์ที่ผู้ประกอบการและนักลงทุนควรรู้
1. Digital Transformation & PropTech
การเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัลและการใช้เทคโนโลยี PropTech ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในทุกขั้นตอนของการบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ ตั้งแต่การออกแบบไปจนถึงกระบวนการก่อสร้าง เทคโนโลยีเหล่านี้ช่วยให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงข้อมูลแบบเรียลไทม์ วิเคราะห์สถานการณ์ และตัดสินใจได้อย่างแม่นยำมากขึ้น ลดข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นในกระบวนการบริหารจัดการ
2. Smart Home Living
สมาร์ทโฮมกำลังเป็นที่จับตามองจากทั้งผู้บริโภคและผู้ประกอบการทั่วโลก โดยคาดว่าตลาดสมาร์ทโฮมจะเติบโตเป็นสองเท่าภายใน 4 ปี และมีมูลค่าถึงกว่า 263,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในปี 2568 บริษัทชั้นนำในประเทศไทยอย่างแสนสิริ, อนันดา, ออริจิ้น, และเอพี ต่างได้ลงทุนในที่อยู่อาศัยที่มาพร้อมระบบสมาร์ทโฮมครบวงจร
3. Green Building (ESG)
เรื่องของสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนกลายเป็นสิ่งที่ไม่อาจมองข้ามได้ในยุคปัจจุบัน ด้วยสัดส่วนการปล่อยคาร์บอนจากอสังหาริมทรัพย์ที่สูงถึง 40% ของทั้งหมด กลุ่มคนรุ่นใหม่อย่าง Gen Z ยินดีจ่ายเพิ่มเพื่อที่อยู่อาศัยที่ให้ความสำคัญต่อ ESG โดยมีมาตรฐานยอดนิยมที่นำมาใช้ได้แก่ LEED, EDGE และ TREES
4. Co-Living & Generation Rent
การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและการเติบโตของรายได้ที่ไม่ทันกับราคาที่อยู่อาศัยทำให้คนรุ่นใหม่มีแนวโน้มที่จะ “เช่า” มากกว่าที่จะ “ซื้อ” ซึ่งนำไปสู่การพัฒนาโครงการ Co-Living ที่ตอบโจทย์ในเรื่องของความเป็นส่วนตัว ราคาเข้าถึงได้และพื้นที่ใช้สอยร่วมกัน ผู้พัฒนาโครงการจึงต้องปรับแนวคิดและกลยุทธ์ให้เข้ากับพฤติกรรมใหม่ๆ นี้
5. EV Charging Infrastructure
การติดตั้งจุดชาร์จสำหรับรถไฟฟ้า (EV Charger) กลายเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ผู้ซื้อคอนโดต้องพิจารณา เมื่อมีการติดตั้งจุดชาร์จในโครงการแล้ว ผู้พักอาศัยจะได้รับความสะดวกสบายและช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์จึงเร่งดำเนินการติดตั้งเพื่อรองรับแนวโน้มนี้
6. Ageing Society & Senior Living
ประเทศไทยกำลังเข้าสู่ยุคของ “สังคมผู้สูงอายุ” โดยคาดว่าปี 2574 ผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปจะคิดเป็น 28% ของประชากร ด้วยเหตุนี้ การออกแบบที่อยู่อาศัยและการใช้เทคโนโลยีสมาร์ทเพื่อดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุก็จะกลายเป็นมาตรฐานใหม่ที่ผู้พัฒนาควรนำมาพิจารณา
7. Industrial & Data Center Expansion
การเติบโตของธุรกิจอุตสาหกรรมและดาต้าเซ็นเตอร์โดยเฉพาะจากนักลงทุนต่างชาติ (โดยเฉพาะจากจีนและไต้หวัน) กำลังสร้างความน่าสนใจให้แก่ภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในด้านนี้ ด้วยความต้องการใช้เทคโนโลยี AI ที่เพิ่มขึ้นทำให้ไทยกลายเป็นฐานการผลิตและศูนย์กลางข้อมูลสำคัญ
8. EEC (Eastern Economic Corridor) Boom
พื้นที่ในเขต EEC โดยเฉพาะในจังหวัดชลบุรีและระยอง กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วจากการลงทุนของอุตสาหกรรม EV, ชิ้นส่วนยานยนต์ และปิโตรเคมี ทำให้อัตราการเช่าอพาร์ตเมนต์ในพื้นที่นี้สูงถึง 80-90% และมีการลงทุนเพิ่มขึ้นเกือบ 90% เมื่อเทียบกับปีก่อน
9. Mixed-Use Development
การพัฒนาโครงการแบบ Mixed-Use ที่รวมที่อยู่อาศัย ร้านค้า และสำนักงานไว้ในที่เดียวกัน กำลังเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะคอนโดขนาดเล็กถึงกลางที่มาพร้อมกับพื้นที่ Co-Working และฟีเจอร์สมาร์ทโฮม
10. China+1 Strategy Impact
ภายใต้สภาวะความไม่แน่นอนด้านภูมิรัฐศาสตร์ในจีน นักลงทุนจึงเริ่มมองหาทางเลือก “China Plus One” ซึ่งไทยได้กลายเป็นจุดหมายปลายทางสำคัญในการผลิต ทั้งในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์, รถยนต์ไฟฟ้า (EV), ดาต้าเซ็นเตอร์ และพลังงานสะอาด
ในปี 2025 ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยยังต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจากปัจจัยทั้งภายในและภายนอก ไม่ว่าจะเป็นด้านเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ความต้องการของผู้บริโภคที่แตกต่างจากเดิม รวมทั้งแนวโน้มการลงทุนจากต่างประเทศที่เข้ามามีบทบาทเพิ่มขึ้น ผู้ประกอบการและนักลงทุนที่สามารถปรับตัวได้ทันกับ 10 เทรนด์อสังหาฯ ดังกล่าว จะมีข้อได้เปรียบในยุคที่การแข่งขันรุนแรงและสภาพตลาดที่ท้าทายนี้