Baramizi Lab logo

SEGMENTATION ช่วยหาลูกค้าได้ SEGMENTATION ของคน 4 แบบ ที่เป็น NEW NORMAL SEGMENTATION

SEGMENTATION ช่วยหาลูกค้าได้ SEGMENTATION ของคน 4 แบบ ที่เป็น NEW NORMAL SEGMENTATION

Segmentation ช่วยหาลูกค้าได้

หลายๆ ท่านอาจจะรู้ว่าถ้าหากเราจะมีการออกสินค้า/ บริการอะไรสักอย่าง สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งคือ การกำหนด Target (กลุ่มเป้าหมาย) ซึ่งเราอาจจะได้ในเชิงของการกำหนดแบบ Demographic (เพศ/ อายุ/ อาชีพ/ รายได้) แต่หากผู้ประกอบการต้องการเข้าใจถึงวิถีชีวิต ไลฟ์สไตล์ หรือแม้กระทั่งทัศนคติ จำเป็นอย่างยิ่งที่คุณต้องกำหนด Segmentation ที่เราจะเข้าใจถึง Psychological (ระดับจิตวิทยา)

และสำหรับยุคนี้หากไม่พูดถึง Covid ก็คงไม่ได้ ทีมวิจัยของศูนย์วิจัยเทรนด์และคอนเซปต์แห่งอนาคต บารามีซี่ แล็บ ได้ทำการเก็บข้อมูลผู้บริโภคในช่วงเวลานี้ เพื่อได้ผลลัพธ์ว่าเมื่อเข้าสู้สภาวการณ์ปกตินั้นพฤติกรรมผู้บริโภคจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ซึ่งเราได้เจอ Segmentation ของคน 4 แบบ ที่เป็น New Normal Segmentation*

New Normal Segmentation_Baramizi Lab

Persona ที่ 1  Return & Balance มีจำนวน 19%  คนนี้จะพยายามกลับไปใช้ชีวิตปกติ แต่ระมัดระวังมากขึ้น อยากเพิ่ม Work From Home และเข้มข้นกับการวางแผนการเงิน 

Persona ที่ 1 Return & Balance

ซึ่งเค้าจะมี  Demographic ดังนี้

  • ผู้หญิงมีสัดส่วนในกลุ่มน้ีมากกว่าค่าเฉลี่ย
  • อายุ 26-35 ปี, เกือบทั้งหมดเป็น Generation Y
  • สมรสแต่ยังไม่มีบุตร มีแนวโน้มอยู่เป็นครอบครัว ใหญ่มากกว่ากลุ่มอื่น
  • ธุรกิจส่วน ค้าขาย ฟรีแลนซ์อยู่ในกลุ่มน้ี
  • ส่วนใหญ่การศึกษาปริญญาโทข้ึนไป
  • รายได้ 60,000-90,000 บาท

Persona ที่ 2 Resilience มีจำนวน 52.8% ถือว่าสูงที่สุดใน 4 แบนี้เลยครับ คนนี้เค้าจะปรับตัวใช้ชีวิตในรูปแบบใหม่ในทุกมิติ อยู่บ้านมากขึ้น ใช้ออนไลน์ดำเนินชีวิต วางแผนการเงินและอนาคต

Persona ที่ 2 Resilience

ซึ่งเค้าจะมี  Demographic ดังนี้

    • กลุ่มสมรสและมีลูกเล็กโดดเด่นในกลุ่มนี้
    • Gen X โดดเด่น
    • รับราชการ, พนักงานบริษัทเอกชน
    • ส่วนใหญ่รายได้ 30,001-60,000 บาท และ กลุ่ม 90,001-150,000 บาทโดดเด่นในกลุ่มน้ี

Persona ที่ 3 Fearless & Return มีจำนวน 13.1% คนนี้เค้าไม่กังวลด้านสุขภาพ พร้อมกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ อาจเพิ่ม Work From Home และวางแผนการเงินเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 

Persona ที่ 3 Fearless & Return

ซึ่งเค้าจะมี  Demographic ดังนี้

    • เพศชายโดดเด่นในกลุ่มน้ี
    • ส่วนใหญ่ท่อียู่ร่วมบ้านกับบิดา/มารดาและมีพี่น้อง
    • ช่วงอายุ 26-35 ปี, Generation Y และ Baby Boomer โดดเด่น
    • ส่วนใหญ่เป็นพนักงานบริษัทเอกชน
    • ส่วนใหญ่รายได้ระดับ 30,001-60,000 บาท และกลุ่ม150,001 บาทข้ึนไปโดดเด่น
    • คนกรุงเทพฯ เป็นกลุ่มน้ีมากกว่าคนอยู่ต่างจังหวัด

Persona ที่ 4 Disconnected มีจำนวน 15.1% คนนี้เค้าจะกังวลกับโรคภัย อยู่ติดบ้านมากขึ้นดูแลสุขภาพมากขึ้น แต่ไม่ค่อยเข้าถึงเทคโนโลยีและเทรนด์ ชีวิตไม่ค่อยออนไลน์  

Persona ที่ 4 Disconnected

ซึ่งเค้าจะมี  Demographic ดังนี้

    • ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง
    • กลุ่มอายุน้อย 18-25 ปี (Gen Z) และ 36-65 ปี (Gen X และ Baby Boomer) อยู่ในกลุ่มน้ี
    • ส่วนใหญ่โสด และกลุ่มหย่าร้างโดดเด่นในกลุ่มน้ี ส่วนใหญ่ อยู่กับบิดา มารดา และกลุ่มมีบุตรอายุ 6-17 ปีอยู่กลุ่มน้ี
    • กลุ่มนักเรียน นักศึกษา และอาชีพ Freelance เด่นในกลุ่มน้ี
    • ส่วนใหญ่ปริญญาตรี
    • กลุ่มรายได้น้อยโดดเด่นในกลุ่มน้ี

สิ่งเหล่านี้ถ้าคุณเข้าใจ คุณจะเห็นโอกาสอีกมากมายที่เป็นไปได้สำหรับธุรกิจคุณ โดยข้อมูลชุดนี้จะมีทิศทางที่เป็นโอกาสสำหรับแต่ละอุตสาหกรรมทั้งหมด 6 กลุ่มอุตสาหกรรม ได้แก่ กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์/ กลุ่มธุรกิจร้านอาหาร/ กลุ่มค้าปลีกและห้างสรรพสินค้า/ กลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว/ กลุ่มธุรกิจเพื่อสุขภาพ/ กลุ่มพัฒนาความสามารถใหม่

ซื้อข้อมูลวิจัยได้ที่ https://www.baramizi.co.th/shop/ebook/the-day-after-crisis-full-report/ 

อ่านข้อมูลฉบับย่อได้ที่ https://www.baramizi.co.th/shop/ebook/ข้อมูลวิจัย-the-day-after-crisis-เมื่อ-covid-19-สิ/

 

*(คำอธิบายเพิ่มเติมสำหรับชุดข้อมูลนี้)

ศูนย์วิจัยเทรนด์และคอนเซปต์แห่งอนาคต Baramizi Lab ร่วมกับรศ.ดร.ณัฐพล อัสสะรัตน์ ประธานหลักสูตร MBA Executive คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จึงร่วมกันจัดทำงานวิจัยชุด “The Day After Crisis” ขึ้น เพื่อถอดรหัสและคาดการณ์ความเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภคแห่งอนาคตที่จะส่งผลต่อการเฝ้าระวังและการเตรียมการรับมือของภาคธุรกิจ

โดยวิธีการวิจัยคือการเก็บแบบสอบถามออนไลน์จากกลุ่มผู้บริโภคจำนวน 443 ตัวอย่าง (ช่วงเวลาการเก็บข้อมูล 23 เมษายน – 3 พฤษภาคม 2563)โดยชุดคำถามที่ทีมวิจัยสร้างขึ้นนี้ตั้งอยู่พื้นฐานที่เราทราบเงื่อนไขดีว่า ช่วงเวลาขณะนี้อาจจะยังเร็วเกินไปที่จะฟันธงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างแน่นอนเนื่องจากผู้บริโภคเองก็อาจไม่สามารถมองเห็นอนาคตที่ชัดเจนได้ แต่อย่างไรก็ตาม พวกเราทุกคนในช่วงเวลาที่ทำแบบสอบถามนั้นล้วนแล้วแต่ได้เผชิญสภาวะวิกฤตที่เราถูกบีบให้ต้องรับมือกับมันมาเป็นระยะเวลากว่า 2 เดือนแล้ว เราตั้งสมมติฐานว่าเป็นช่วงเวลาที่นานพอที่เราจะเรียนรู้ผลกระทบ และซึมซับและวัดผลพฤติกรรมใหม่ที่เข้ามาในชีวิตเรา และพอจะเลือกได้แล้วว่าอะไรเป็นพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่มันดีขึ้น ที่เราอยากจะตัดสินใจให้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเราต่อไปแม้จะจบวิกฤตครั้งนี้ไปแล้วก็ตาม ชุดคำถามทั้งหมดจึงค่อนข้างเน้นย้ำไปที่การเชิญชวนให้ผู้ร่วมทำวิจัยตอบคำถามโดยพิจารณาถึงการใช้ชีวิตของตัวเองเป็นหลักว่าอะไรคือสิ่งที่พวกเขาเลือกแล้วว่าจะทำต่อไป หรือเลิกทำเปรียบเทียบปริมาณระหว่างช่วงหลังจากคลาย Lock Down กับช่วงเวลาปกติก่อนเกิด COVID-19

RECOMMEND

10 Digital Marketing Trends 2026: การตลาดไทย
read more
05.12.2025 68

10 Digital Marketing Trends 2026: การตลาดไทย

ตลาดดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งในประเทศไทยปี 2026 กำลังเผชิญการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่ขับเคลื่อนโดยเทคโนโลยี AI พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป และความคาดหวังด้านความรวดเร็วและความเป็นส่วนตัวที่สูงขึ้น ประเทศไทยมีผู้ใช้อินเทอร์เน็ต 65.4 ล้านคน (91% ของประชากร) และผู้ใช้โซเชียลมีเดีย 56.6 ล้านคน (79.1% ของประชากร) โดยค่าใช้จ่ายโฆษณาดิจิทัลคาดว่าจะแตะ 34.5 พันล้านบาท (+10% YoY)​ บมความนี้สรุป 10 เทรนด์หลักที่นักการตลาดไทยต้องเข้าใจและปรับตัวให้ทันในปี 2026 ตั้งแต่การใช้ AI แบบ Agentic, การตลาดผ่าน Social Commerce, ไปจนถึงความสำคัญของ Sustainability และ Omnichannel Experience โดยแต่ละเทรนด์จะมีผลกระทบโดยตรงต่อกลยุทธ์การตลาดและการลงทุนของธุรกิจไทยในปีหน้า 1. Agentic AI Marketing: จาก Generative AI สู่ AI ผู้ช่วยที่แท้จริง ปี 2026 เป็นปีที่ AI จะก้าวจากเครื่องมือสร้างคอนเทนต์ (Generative AI) ไปสู่ “Agentic AI” ที่สามารถทำงานแทนมนุษย์ได้อย่างอัตโนมัติและชาญฉลาด AI ในปี 2026 จะไม่ใช่แค่ตอบคำถามหรือสร้างภาพ แต่จะสามารถวางแผนแคมเปญ วิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า ปรับกลยุทธ์แบบเรียลไทม์ และดำเนินการตั […]

NEO Luxury Trend
read more
02.12.2025 95

NEO Luxury Trend
ความหรูยุคใหม่ไม่ใช่แค่สิ่งของ
แต่คือประสบการณ์

ความหรูยุคใหม่ไม่ใช่ “ของ” แต่คือ “ประสบการณ์ คุณค่า และความหมาย” โลกของ Luxury กำลังเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วในปี 2025 ไม่ได้ถูกนิยามด้วยโลโก้หรือสัญลักษณ์สถานะอีกต่อไป แต่สะท้อนถึงความ เข้าใจตัวตน คุณค่าชีวิต และความตั้งใจในการเลือกบริโภค (Intentional Consumption) มากกว่าที่เคย ผู้บริโภคกลุ่ม Luxury โดยเฉพาะ Millennials และ Gen Z ไม่ได้มองความหรูในฐานะการแสดงความมั่งคั่ง แต่มองว่า Luxury คือ “คุณภาพของชีวิต” และ “ประสบการณ์ที่มีความหมาย” ที่พวกเขาเลือกลงทุนอย่างตั้งใจ ทำให้เกิดแนวคิด NEO Luxury – New Luxury Paradigm ที่ผสมผสานความยั่งยืน เทคโนโลยี ประสบการณ์เฉพาะบุคคล และหัตถศิลป์เข้าด้วยกัน บทความนี้จะพาไปสำรวจ 5 หลักการสำคัญที่กำลังกำหนดความหมายใหม่ของ Luxury ในปี 2025 1. Quiet Luxury: ความหรูหราแบบเงียบ ๆ ที่ซ่อนความเข้าใจลึกซึ้งในคุณภาพ Quiet Luxury กลายเป็นตัวแทนของความหรูยุคนี้อย่างแท้จริง เพราะผู้บริโภคไม่ได้ต้องการประกาศความร่ำรวย แต่ต้องการสินค้าที่มีคุณภาพสูง ใช้งานได้นาน และบ่งบอกตัวตนกับคนที่ “เข้าใจจริง” ลักษณะเด่นของ Quiet Luxury คุณภาพเหนือปริมาณ: เลือกสินค้าชิ้นสำคัญแทนกา […]

read more
19.11.2025 718

ความมืดเริ่มเป็นความงามใหม่

สำรวจ ‘ความมืด’ ในฐานะเฉดใหม่ของการออกแบบโลกประสบการณ์ ในอดีต “ความมืด” มักถูกผูกกับภาพของความกลัว, ภัยอันตราย หรือสิ่งที่เรามองไม่เห็น แต่ในยุคที่ผู้คนเริ่มโหยหาความสงบ พื้นที่ปลอดภัยทางใจ และประสบการณ์ที่แตกต่างไปจากชีวิตประจำวัน “ความมืด” กำลังถูกตีความใหม่ให้กลายเป็นทรัพยากรทางวัฒนธรรมและทางธุรกิจที่ทรงพลัง กรอบคิดว่าด้วยการใช้ความมืดเป็นแกนกลางในการออกแบบประสบการณ์และรูปแบบธุรกิจ (Dark Experience) Dark Experience คือแนวคิดของธุรกิจที่ใช้ “ความมืด” เป็นหัวใจของการออกแบบประสบการณ์ ไม่ใช่เพื่อทำให้ผู้คนหวาดกลัว แต่เพื่อ “มองเห็น” สิ่งที่สำคัญกว่าเดิม ทั้งตัวเอง ธรรมชาติ และเรื่องราวที่เคยถูกกลบอยู่ในเงามืดของสังคม สาระสำคัญของ Dark Experience Business คือการใช้ความมืดเป็น “เครื่องมือในการออกแบบประสบการณ์” แทนที่จะใช้แสงและสิ่งเร้าเข้มข้นแบบที่ธุรกิจยุคก่อนมักใช้ดึงความสนใจผู้บริโภค สังคมปัจจุบันกำลังเผชิญกับปัญหา Overstimulation อย่างหนัก ทั้งจากแสงไฟ เมือง 24 ชั่วโมง และหน้าจอที่อยู่ใกล้ตัวตลอดเวลา ทำให้สมองแทบไม่เคยได้พักจากการประมวลผล สิ่งต่างๆ เหล่านี้สะสมเป็นความล้าโดยไม่รู้ตัว […]

read more
21.11.2025 611

7 Key Economic Trends จาก The Standard Economic Forum 2025

งาน The Standard Economic Forum 2025 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 5–7 พฤศจิกายน 2568 ในธีม “Thailand’s Next Frontier” รวบรวมผู้นำระดับโลก นักเศรษฐศาสตร์ และผู้กำหนดนโยบายกว่า 100 คน เพื่อหารือเกี่ยวกับการปฏิรูปเศรษฐกิจไทย ภายในงานมีการเน้น 3 ความท้าทายหลัก (3D Challenges) ก่อนเข้าสู่เทรนด์เฉพาะทาง ได้แก่ 3D Challenges ก่อนที่จะเจาะลึกในเทรนด์เฉพาะ มาทำความเข้าใจภาพรวมที่กว้างขึ้นก่อน ผู้นำธุรกิจไทยได้ระบุถึง “3 ความท้าทาย Digitalization (การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล) เทคโนโลยีไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป แต่เป็นรากฐานของการแข่งขัน เศรษฐกิจดิจิทัลมีสัดส่วนคิดเป็น 15.5% ของ GDP โลกแล้ว โดย 70% ของมูลค่าใหม่ทั่วโลกคาดว่าจะถูกสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์มดิจิทัลในทศวรรษหน้า Deglobalization (การทวนกระแสโลกาภิวัตน์)  โลกกำลังแตกออกเป็นส่วนๆ จากความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ จีน และพันธมิตร ไทยต้องวางตำแหน่งตัวเองใน “จุดยืนที่เป็นกลางทางภูมิรัฐศาสตร์” (Geopolitical Neutral Position) และ “ผู้สร้างสมดุลอย่างสร้างสรรค์” (Creative Balancer) เพื่อใช้ประโยชน์จากที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ […]

read more
03.11.2025 643

“Gartner” เปิด 10 เทรนด์เทคโนโลยีเปลี่ยนโฉมธุรกิจปี 2569

ในปี 2569 จะเป็นปีที่สำคัญต่อผู้นำด้านเทคโนโลยีที่ต้องเผชิญกับการหยุดชะงัก นวัตกรรม ไปจนถึงความเสี่ยงที่ขยายตัวรวดเร็วอย่างที่ไม่เคยพบมาก่อน เทรนด์เทคโนโลยีทั้งหมดในปีหน้าจะเชื่อมโยงกับโลกที่ขับเคลื่อนด้วย AI (AI-driven world) และเชื่อมต่อกัน ตลอดเวลา ซึ่งองค์กรธุรกิจต้องขับเคลื่อนนวัตกรรมอย่างมีความรับผิดชอบ ดำเนินงานด้วยความเป็นเลิศ และสร้างความไว้วางใจทางดิจิทัลไปพร้อมกัน ผู้นำองค์กรต้องเผชิญกับ การหยุดชะงัก (Disruption) นวัตกรรม และความเสี่ยงที่ขยายตัวรวดเร็ว 10 เทรนด์เทคโนโลยีสำคัญแห่งปี 2569 1. AI Supercomputing Platforms  AI Supercomputing Platforms (แพลตฟอร์ม AI ซูเปอร์คอมพิวติ้ง) เป็นการรวมพลังของ CPU, GPU, ชิป AI ASICs และการประมวลผลแบบนิวโรมอร์ฟิก (จำลองสมองมนุษย์) ช่วยให้องค์กรจัดการงานที่ซับซ้อนมหาศาล ปลดล็อกประสิทธิภาพและนวัตกรรม ต้องอาศัย Orchestration Software เพื่อจัดการเวิร์กโฟลว์ที่ซับซ้อนโดยอัตโนมัติ คาดการณ์ว่าภายในปี 2571 องค์กรชั้นนำ 40% จะใช้สถาปัตยกรรม Hybrid Computing (เพิ่มจาก 8% ในปัจจุบัน) ตัวอย่างการใช้งาน: คิดค้นยาใหม่ในไม่กี่สัปดาห์ (แทนที่จะใช้เวลาหลายป […]

Subscription

เพื่อรับข้อมูลเกี่ยวกับความรู้เทรนด์และวิจัยต่อเนื่อง