Baramizi Lab logo

สถานการณ์ E-commerce ในประเทศไทย

สถานการณ์ E-commerce ในประเทศไทย

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ตลาด E-commerce ในประเทศไทยได้เติบโตอย่างรวดเร็วและกลายเป็นหนึ่งในกลุ่มตลาดที่มีความเคลื่อนไหวสูงในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การเติบโตนี้ได้รับแรงผลักดันจากการเพิ่มขึ้นของการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตและอุปกรณ์มือถือ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคที่หันมาใช้ช่องทางออนไลน์มากขึ้นในการจับจ่ายใช้สอย ที่มีผลต่อเนื่องมากจากช่วงสถานการณ์โรคโควิด-19 ระบาดนั่นเอง โดยข้อมูลจาก Statista คาดการณ์ว่ารายได้ในตลาดอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยจะสูงถึง 19.28 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2024 และคาดว่ารายได้จะแสดงอัตราการเติบโตต่อปี (CAGR 2024-2029) ที่ 10.89% ส่งผลให้มีปริมาณตลาดที่คาดการณ์ไว้ที่ 32.32 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2029

 

หนึ่งในแอปพลิเคชั่น e-commerce ที่ได้รับความนิยมสูงในประเทศไทยคือ Shopee แอปนี้เป็นที่รู้จักดีในฐานะตลาดออนไลน์ที่มีสินค้าหลากหลายประเภทตั้งแต่แฟชั่นและเครื่องสำอางไปจนถึงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และของใช้ในบ้าน Shopee ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วด้วยการนำเสนอโปรโมชั่นที่ดึงดูดใจและประสบการณ์การช็อปปิ้งที่สะดวกสบาย อีกหนึ่งแอปพลิเคชั่นที่มีบทบาทสำคัญในตลาด e-commerce ของไทยคือ Lazada ซึ่งเป็นเจ้าของโดยกลุ่ม Alibaba ของจีน Lazada มุ่งเน้นไปที่การให้บริการสินค้าในหลากหลายหมวดหมู่และการให้บริการจัดส่งที่รวดเร็วและเชื่อถือได้ ด้วยการสนับสนุนจากเครือข่ายโลจิสติกส์ที่แข็งแกร่งทำให้ Lazada สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

โดยล่าสุด ประเทศไทยจะมีการเข้ามาใหม่ของ E-commerce ที่ชื่อว่า Temu ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจและส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อแวดวงค้าปลีกออนไลน์ในประเทศไทย โดย Temu เป็นแอพพลิเคชันช็อปปิ้งที่มีต้นกำเนิดจากประเทศจีน ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วเนื่องจากการนำเสนอสินค้าที่หลากหลายและราคาที่แข่งขันได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่ผู้บริโภคต้องการความสะดวกสบายและคุ้มค่ามากที่สุด Temu มุ่งเน้นการใช้กลยุทธ์ราคาต่ำและโปรโมชั่นที่ดึงดูดลูกค้า ทำให้ผู้บริโภคในไทยสามารถเข้าถึงสินค้าใหม่ๆ ที่มีคุณภาพโดยไม่ต้องออกจากบ้าน นอกจากนี้ มีการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการจัดการคลังสินค้าและการส่งมอบยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการลูกค้า ทำให้ Temu กลายเป็นคู่แข่งที่น่าจับตามองในตลาดอีคอมเมิร์ซไทยที่มีการแข่งขันสูง

 

ปัจจุบันนี้ นอกเหนือจากแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียได้พัฒนาไปไกลกว่าเพียงแค่เป็นพื้นที่สำหรับการสื่อสารและแชร์คอนเทนต์ แต่ยังกลายเป็นช่องทางสำคัญในการทำธุรกิจอีกด้วย การเพิ่มฟีเจอร์การขายสินค้าเข้ามาในแพลตฟอร์มเหล่านี้ เช่น Facebook, Instagram และ TikTok ทำให้ผู้ใช้งานสามารถทำการซื้อขายสินค้าได้โดยตรงจากแอพพลิเคชัน โดยไม่ต้องออกจากแพลตฟอร์มที่ใช้อยู่ ความสะดวกสบายนี้ช่วยให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงลูกค้าได้ง่ายขึ้น และช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกซื้อสินค้าได้ทันทีจากคอนเทนต์ที่พวกเขาชื่นชอบ โดยจากข้อมูลของ EcomEye อัตราการเข้าถึงอีคอมเมิร์ซและโซเชียลคอมเมิร์ซในประเทศไทยแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มที่น่าสนใจบางประการ ในปี 2024 อีคอมเมิร์ซคิดเป็นประมาณ 8% ของยอดขายปลีกทั้งหมดของประเทศไทย ในขณะที่บนโซเชี่ยลมีเดียแพลตฟอร์มคิดเป็น 75% โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน Facebook, Line และ Instagram ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากโดยผู้บริโภคชาวไทย 56%

 

ด้วยขนาดตลาดที่ใหญ่และการเติบโตอย่างต่อเนื่องของอีคอมเมิร์ซและโซเชียลคอมเมิร์ซในประเทศไทย จึงน่าติดตามว่าการแข่งขันในสมรภูมิ E-Commerce ของประเทศไทยจะเป็นอย่างไรในอนาคต การดำเนินนโยบายของภาครัฐจึงมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนผู้ประกอบการไทย เพื่อให้สามารถแข่งขันและเติบโตในตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและมีการพัฒนาตลอดเวลา

 

ผู้เขียน

นางสาวจินต์ศุจี มณฑิราลัยพร

 

ที่มา

https://www.statista.com/outlook/emo/ecommerce/thailand#:~:text=Revenue%20in%20the%20eCommerce%20Market,US%2432.32bn%20by%202029

https://www.similarweb.com/top-websites/thailand/e-commerce-and-shopping/#:~:text=shopee.co.th%20ranked%20number,Ecommerce%20%26%20Shopping%20websites%20in%20Thailand

https://ecomeye.com/thailand/thailand-ecommerce-market/ 

RECOMMEND

read more
30.09.2024 48

วัฒนธรรมกินเจ กับตลาดโปรตีนทางเลือก (Alternative Protein)

เทศกาลกินเจปีนี้ตรงกับช่วงวันที่ 3 ต.ค. – 11 ต.ค. 2567 เป็นระยะเวลา 9 วัน ที่คนไทยจำนวนหนึ่งเลือกที่จะ “กินเจ” คืองดบริโภคเนื้อสัตว์ โดยกินเจมีวัตถุประสงค์ที่หลากหลาย ทั้งกินเจเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น, กินเจเพื่อทำบุญ และกินเจเพื่อละเว้นกรรม (ที่เกิดจากการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต) โดยประมาณการ เม็ดเงินค่าใช้จ่ายของคนกรุงเทพฯ ช่วงเทศกาลกินเจน่าจะมีมูลค่าหลายพันล้านบาท อย่างไรก็ตาม นอกจากเทศกาลกินเจที่เกิดขึ้นแล้วจบในช่วงไม่กี่วันในหนึ่งปี เรายังมีไลฟ์สไตล์การงดบริโภคเนื้อสัตว์ที่กินประจำตลอดทั้งปี โดยมีหลากหลายชื่อเรียก ไม่ว่าจะเป็น กินเจ (ที่กินได้หลายแบบ) กินมังสวิรัติ กินแบบวีแกน เหล่านี้มีข้อบังคับการกินที่แตกต่างกันไป ข้อมูลจากชุดข้อมูลวิจัยเทรนด์ Future Food Business Trends 2025 โดยศูนย์วิจัยเทรนด์และคอนเซ็ปต์แห่งอนาคต บารามีซี่ แล็บ มีข้อมูลว่า มีคนไทยไม่กินเนื้อสัตว์ 7.8% ของประชากรทั้งหมด จากข้อมูลตลาดดังกล่าวทำให้มองเห็นโอกาสของธุรกิจโปรตีนทางเลือก (Alternative Protein) คือการกินโปรตีนทางเลือกเข้ามาแทนโปรตีนแบบดั้งเดิมที่ผลิตจากระบบปศุสัตว์ ซึ่งอาจประกอบไปด้วยโปรตีนจากพืช เช่น ถั่ว […]

read more
18.09.2024 84

อุตสาหกรรมเกมขาขึ้น กับโอกาสของประเทศไทย

ในช่วงไม่นานมานี้ คอเกมส์น่าจะกำลังเพลิดเพลินอยู่กับเกมส์ Black Myth: Wukong เกม Action RPG ฟอร์มยักษ์ที่ดัดแปลงจากวรรณกรรมคลาสสิคชื่อดังของจีน “ไซอิ๋ว” (Journey to the West)  ล่าสุด ทา Stream DBได้ระบุว่า Black Myth: Wukong กวาดยอดผู้เล่นได้กว่า 1 ล้านคน หลังเปิดให้เล่นภายในระยะเวลาเพียง 30 กว่านาที ถือว่าได้รับความนิยมสูง ตอกย้ำกระแสและความน่าสนใจของเกมนี้ได้เป็นอย่างดี ตลาดเกมส์ทั่วโลกกำลังเติบโต 2.1% จากช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้ว ตลาดเกมส์จะสร้างรายได้ 187.7 พันล้าน $ ในปี 2024 โดยเกมส์คอมพิวเตอร์มีมูลค่า 43.2 พันล้าน $ มีสัดส่วนที่ 23% เกมส์จากเครื่องเล่นเกมส์ (Console) 51.98 พันล้าน $ ด้วยสัดส่วน 28%  ในขณะที่เกมส์มือถือขนาด 92.6 พันล้าน $  กินส่วนแบ่ง 49% อีกหนึ่งสัญญาณที่เป็นตัวชี้วัดการเติบโตของอุตสาหกรรมเกม คือ ‘โพนี่ หม่า’ ซีอีโอ ‘เทนเซ็นต์’ คืนบัลลังก์ ‘มหาเศรษฐีอันดับหนึ่ง’ ของจีนอีกครั้ง! ด้วยทรัพย์สินสุทธิสูงถึง 44,000 ล้านดอลลาร์ (มั่งคั่ง 1.4 ล้านล้านบาท) แซงหน้า “จงซานซาน” เจ้าของแบรนด์น้ำแร่ หนงฟู่ (Nongfu Spring) ที่หล่นไปอยู่ดันดับ 2 ซึ่งปัจจัยหนึ่งคือ […]

Baramizi Lab
read more
17.09.2024 162

อนาคตของอุตสาหกรรมเนื้อหมู: แนวโน้มและโอกาสที่น่าตื่นเต้น

ในปี 2025 อุตสาหกรรมปศุสัตว์จะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก โดยเฉพาะในวงการเนื้อหมู ซึ่งเป็นผลมาจากการวิจัยร่วมกันระหว่าง Baramizi Lab และ Zoetis บริษัทเวชภัณฑ์สัตว์ระดับโลก การวิจัยนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยให้อุตสาหกรรมอาหารเติบโต แต่ยังเปิดโอกาสใหม่ๆ ในการสร้างแบรนด์สำหรับธุรกิจสินค้าเกษตรและสินค้าแปรรูปจากเนื้อหมูอีกด้วย 1. ผู้บริโภคทานเพื่อสุขภาพที่ดีทั้งกายและใจ ผู้บริโภคในปัจจุบันให้ความสำคัญกับสุขภาพมากขึ้น อุตสาหกรรมเนื้อหมูจึงต้องพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณค่าทางอาหารสูง เช่น เนื้อหมูที่มีโปรตีนสูง ไขมันต่ำ และมีสารอาหารอย่างโอเมกา 3 ตัวอย่างเช่น ไส้กรอกโอเมกา 3 จาก Wampler’s farm ที่ช่วยเพิ่มคุณค่าด้วยกรดไขมันโอเมกา 3 ของ DHA และ EPA ซึ่งสนับสนุนการพัฒนาของหัวใจและสมอง หรือแพลตฟอร์ม Hakko Hub ที่สนับสนุนการหมักเนื้อสัตว์ ทำให้เนื้อสัตว์ย่อยง่ายขึ้น และเพิ่มความเข้มข้นของวิตามินและแร่ธาตุ เช่น วิตามินบี และธาตุเหล็ก 2. ผู้บริโภคทานเพื่อรับประสบการณ์แปลกใหม่ รสชาติและรูปลักษณ์ที่แปลกใหม่กำลังเป็นที่ต้องการของผู้บริโภค วงการอาหารจึงพัฒนาสินค้าและประสบการณ์ให้ครอบคลุมชีวิตประจำวันมากขึ้น เช่น ก […]

Superfansindex.com
read more
13.09.2024 222

เราจะรู้ได้อย่างไรว่าแบรนด์เราสุขภาพดีแค่ไหน?

ในหลายๆ ธุรกิจมักจะนึกถึงยอดขายที่จะทำให้รู้สึกว่าแบรนด์เรายังมีลูกค้าซึ่งก็ส่งผลต่อสุขภาพของแบรนด์ได้เช่นเดียวกัน แต่แท้ที่จริงแล้วแบรนด์คุณอาจจะสุขภาพไม่ดีก็ได้ เหมือนร่างกายคนถ้าไม่ไปตรวจสุขภาพเราก็จะไม่รู้ว่าข้างในร่างกายเป็นอย่างไร ทั้งๆ ที่ภายนอกเรายังรู้สึกปกติอยู่  เพราะฉะนั้นก่อนที่จะเกิดปัญหา และอาจส่งผลให้ปัญหานั้นลามใหญ่โตซึ่งต้องใช้ทั้งเงินและเวลาในการแก้ไข การวิจัยตรวจสอบสุขภาพแบรนด์จึงเป็นสิ่งสำคัญที่แบรนด์ควรจะทำอย่างต่อเนื่อง เปรียบเหมือนการเอ๊กซเรย์แบรนด์…เพราะหากรู้ก่อนย่อมสามารถแก้ปัญหาได้เร็วกว่า จากภาพข้างต้นหากทุกแท่งมีฐานที่กว้าง การันตีได้เลยว่าแบรนด์คุณสุขภาพดี เพราะการลงงบไปกับสื่อหรือการสร้างประสบการณ์นั้นสามารถได้ใจลูกค้าจนเกิดความเป็น Superfans ได้ (ความเป็น Superfans ของแบรนด์ คือ ขั้นสุดที่แบรนด์ควรไปให้ถึงและเก็บให้ได้มากที่สุด หรือที่เราเรียกว่า สาวกของแบรนด์)  รูปแบบการตรวสอบสุขภาพแบรนด์  โดยทั่วไปสามารถพบได้ 3 รูปแบบ 1.การวิจัยเพื่อตรวจสอบรายปี  เหมาะสำหรับแบรนด์/ องค์กรที่มีการลงงบการตลาด การทำแคมเปญต่างๆ ในช่วงระหว่างปี เพื่อให้เราสามารถรู้ได้ว่ารู […]

read more
11.09.2024 193

ตลาด Sustainable Fashion กับการเติบโต 22.9% ต่อปี

Sustainable Fashion หรือ แฟชั่นแบบยั่งยืนที่เคยเป็นเพียงกลุ่มเล็กๆ ในอุตสาหกรรมแฟชั่นโดยรวม กำลังได้รับความสนใจอย่างรวดเร็วเนื่องจากผู้บริโภคตระหนักถึงปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและจริยธรรมมากขึ้น ในปี 2024 ตลาดแฟชั่นยั่งยืนระดับโลกมีมูลค่า 8.1 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2024 และคาดว่าจะเติบโตถึง 33.1 พันล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2033 ด้วยอัตรา CAGR 22.9% ในช่วงคาดการณ์ปี 2024 – 2033 แม้ว่าจะเป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ ของอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ แต่ผลกระทบของแฟชั่นยั่งยืนกำลังเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากแบรนด์และผู้ค้าปลีกรายใหญ่ต่างนำแนวทางการปฏิบัติที่ยั่งยืนเข้ามาใช้ในธุรกิจของตน การเพิ่มขึ้นของแบรนด์แฟชั่นยั่งยืน ร่วมกับการนำโครงการริเริ่มสีเขียวมาใช้โดยบริษัทที่จัดตั้งขึ้นแล้ว กำลังผลักดันตลาดให้ก้าวไปข้างหน้า พร้อมแรงหนุนจากความต้องการผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะในกลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญกับความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม อุตสาหกรรมแฟชั่นยั่งยืนมีโอกาสอีกมากมาย เช่น ความต้องการที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภคที่ต้องการความโปร่งใสในกระบวนการผลิตและการจัดหาวั […]

Subscription

เพื่อรับข้อมูลเกี่ยวกับความรู้เทรนด์และวิจัยต่อเนื่อง