อนาคตของ Web 3.0 ของประเทศไทย
📍Web 3.0 คืออะไร?
ด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง ทำให้มีการพัฒนาอินเทอร์เน็ตไปข้างหน้า จนตอนนี้โลกของเรากำลังก้าวเข้าสู่รุ่นที่ 3 ที่เรียกว่า Web 3.0 เราลองไปดูวิวัฒนาการของ Website ในแต่ละเวอร์ชั่นกัน
Web 1.0 (ปี 1989-2005)
Web 1.0 เป็นอินเทอร์เน็ตในยุคแรก เป็นเว็บไซต์ที่ตอบสนองทางเดียว เรียกว่าเป็น Static Web ไม่สามารถเก็บข้อมูลต่าง ๆ ได้
Web 2.0 (ปี 2005-ปัจจุบัน)
Web 2.0 หรือ Social Web ผู้ใช้งานสามารถโต้ตอบ มีปฏิสัมพันธ์กันได้บนเว็บ มีการเชื่อมต่อกับ Database ทำให้สามารถเก็บข้อมูลต่าง ๆ ไว้บนเว็บได้ เป็นยุคที่เทคโนโลยี นวัตกรรม รวมทั้งธุรกิจที่เรียกว่า Startup เกิดขึ้นมา และกลายเป็o Big Tech Company ที่เราคุ้นเคยกันดีอย่าง Facebook, Youtube, Wikipedia
Web 3.0
ถูกคาดการณ์ว่าจะเป็น The Next Era of the Internet มีความอัจฉริยะมากขึ้น วิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ ได้ใกล้เคียงมนุษย์ ทำงานได้แบบอัตโนมัติ และยุคนี้เองที่จะทำให้เทคโนโลยีอย่าง Machine Learning (ML), Big Data, AI, Blockchain และเทคโนโลยีอัจฉริยะอื่น ๆ ที่จะทำให้เว็บไซต์ทำงานได้อย่างเต็มที่ และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น Tim Berners-Lee ผู้คิดค้น World Wide Web ได้กล่าวไว้ว่า Web 3.0 จะเป็น Semantic Web หรือ เว็บที่สามารถถ่ายโอนข้อมูลระหว่างระบบ คน และอุปกรณ์ IoT ได้แบบอัตโนมัติ
ข้อดีของ Web 3.0 มีหลายด้าน ได้แก่
1. ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึง Website ได้อย่างอิสระ ไม่ต้องมีตัวกลางมาคอยควบคุมหรือเซ็นเซอร์
2. มีความปลอดภัยและสิทธิความเป็นเจ้าของข้อมูล
3.ไร้ตัวกลาง (Decentralized) มีการกระจายอำนาจผู้ใช้งาน ไม่ต้องติดต่อสื่อสารหากันผ่านตัวกลาง หรือเซิร์ฟเวอร์ มักจะทำงานผ่านโปรโตคอลแบบกระจายศูนย์ที่ต้องพึ่งพาเทคโนโลยี Blockchain และ Cryptocurrency
4. ผู้ใช้งาน Web 3.0 สามารถมีส่วนร่วมในการเข้ามาพัฒนาโค้ดของเว็บไซต์ร่วมกันจนสามารถใช้งานได้
📍Web 3.0 กับอนาคตของประเทศไทย ?
ภาคเอกชนในประเทศไทยเอง ได้มีแนวทางในการคว้าโอกาสจาก Web3.0 อย่างหลากหลาย ประกอบด้วย
นางสาวชญาภา จูตระกูล แห่งสยามพิวรรธน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท The Pink Lab บริษัทที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์ที่นำ Data ในโลกออนไลน์มาสร้างแบรนด์และนำเสนอประสบการณ์มิติใหม่ให้กับวงการ มุ่งตอบโจทย์ความต้องการของคนรุ่นใหม่ที่ใช้ชีวิตทั้งในโลกออนไลน์และออฟไลน์ เติมเต็มความปรารถนาได้อย่างไร้ขีดจำกัด
The Pink Labได้ประกาศความร่วมมือกับ สยามพิวรรธน์ ด้วยวิสัยัทัศน์เดียวกันว่า การมอง WEB3 ในมุมมองมหภาค (Macro Scale) และได้คำตอบถึงสิ่งที่ประเทศไทยต้องการ ก็คือ NextTech (เทคโนโลยีแห่งอนาคต) จึงเป็นเหตุผลของการเปิดพื้นที่ “SIAM PARAGON NEXT TECH x SCBX” เทคคอมมูนิตี้เพื่อการเรียนรู้แห่งโลกอนาคต ในพื้นที่กว่า 4,000 ตร.ม. บนชั้น 4 สยามพารากอน ที่ พันธมิตรด้านเทคโนโลยีหลายรายเข้ามาร่วม ทั้งของไทยและระดับโลก
จากที่ทางสำนักพิมพ์มติชนได้สัมภาษณ์ นายไซมอน โซจุน คิม (Mr. Simon Seojoon Kim) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และหุ้นส่วนผู้จัดการ บริษัท Hashed นักลงทุนด้าน Web 3.0 รายใหญ่สุดของเกาหลีใต้ มติชนให้การวิเคราะห์ไว้อย่างน่าสนใจว่า ภาคท่องเที่ยวของประเทศไทย ติดอันดับต้นๆ ของโลก ได้แก่ อันดับ 4 ในการสร้างรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างประเทศ อันดับ 5 ของประเทศที่มีอิทธิพลด้านมรดกวัฒนธรรมของโลก และอันดับ 4 ของจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่น่าไปเยือนที่สุดในโลก ขณะเดียวกัน ประเทศไทยมีผู้ถือเหรียญคริปโตมากสุด อันดับ 1 ของโลก เรียกได้ว่า มีโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งสำหรับอุตสาหกรรมบล็อกเชน ประเทศไทยจะมีบทบาทสำคัญในเรื่อง WEB3 อย่างแน่นอน เพราะสามารถนำบล็อกเชนเข้ามาใช้ร่วมด้วย
นอกจากนี้ SCB 10X บริษัทในกลุ่มเอสซีบี เอกซ์ (SCBX Group) มี ‘SCB 10X DISTRICTX’ ศูนย์กลางคอมมูนิตี้ ด้านบล็อกเชนและ Web 3.0 ระดับโลกในประเทศไทย พื้นที่สร้างเครือข่ายและต่อยอดไอเดียธุรกิจฯ Move นี้ของ SCB10X เป็นการตอกย้ำภารกิจ ‘Moonshot Mission’ ที่มุ่งสร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดด ผ่านการลงทุนทั่วโลกในบริษัทเกี่ยวกับ Fintech และ Web 3.0 ตลอดจนบ่มเพาะสตาร์ทอัพในด้านนี้ที่น่าสนใจ
และเมื่อวันที่ 26 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา Bitkub บริษัท Cryptocurrency Exchange ชั้นนำประเทศไทย ภายใต้การบริหารของ คุณทอป จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ได้จัดงาน Bitkub Meetup 2024 ครั้งที่ 3 ในหัวข้อ “THE WEB 3.0 ERA” ซึ่งได้เชิญ บริษัท Klaytn บริษัท Public Blockchain ซึ่งพัฒนาโดย GroundX เป็นบริษัทใน เครือของ Kakao ยักษ์ใหญ่จากเกาหลีใต้ ที่มีผู้ใช้งานกว่า 50 ล้านคน รวมถึง บริษัท MARBLEX บริษัทผู้ให้บริการบล็อกเชนเกี่ยวกับเกมซึ่งมุ่งหวังที่จะเผยแพร่เกมบล็อกเชนคุณภาพสูงที่สุดออกสู่ตลาดมากกว่าโปรเจกต์อื่นๆ
ในช่วงท้ายของกิจกรรม คุณทอปได้แสดงวิสัยทัศน์ไว้อย่างน่าสนใจว่าในอนาคต บล็อกเชนจะเข้ามาอยู่ในชีวิตประจำวันของเรามากขึ้น และ Bitkub จะเป็นบริษัทที่เป็นผู้นำในตลาดบล็อกเชนของ ASEAN ให้ได้
น่าติดตามกันต่อไปว่าอนาคตของโลกอินเตอร์เนตอย่าง Web3.0 จะสร้างโอกาสให้ไทยมีที่ยืนบนเวที Blockchain โลกอย่างไรได้บ้าง
.
พลวัฒน์ จูเจริญ
ผู้เขียนและบรรณาธิการบริหาร
.
ที่มา:
https://techsauce.co/tech-and-biz/what-is-web-three-point-zero
https://www.vpshispeed.com/blogs/what-is-web-3-0/
https://www.scb10x.com/blog/web3-futuredecentralized-internet
https://www.tnt.co.th/news/181-web3-0-internet-revolution
https://www.matichon.co.th/lifestyle/tech/news_4257400
https://form.bitkub.com/bkmeetup24-klay-mbx/?page_number=0