Baramizi Lab logo

อนาคตของ Web 3.0 ของประเทศไทย

02
05.2024
view
837
SHARE

อนาคตของ Web 3.0 ของประเทศไทย

📍Web 3.0 คืออะไร?

ด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง ทำให้มีการพัฒนาอินเทอร์เน็ตไปข้างหน้า จนตอนนี้โลกของเรากำลังก้าวเข้าสู่รุ่นที่ 3 ที่เรียกว่า Web 3.0 เราลองไปดูวิวัฒนาการของ Website ในแต่ละเวอร์ชั่นกัน

Web 1.0 (ปี 1989-2005)

Web 1.0 เป็นอินเทอร์เน็ตในยุคแรก เป็นเว็บไซต์ที่ตอบสนองทางเดียว เรียกว่าเป็น Static Web ไม่สามารถเก็บข้อมูลต่าง ๆ ได้

Web 2.0 (ปี 2005-ปัจจุบัน)

Web 2.0 หรือ Social Web  ผู้ใช้งานสามารถโต้ตอบ มีปฏิสัมพันธ์กันได้บนเว็บ มีการเชื่อมต่อกับ Database ทำให้สามารถเก็บข้อมูลต่าง ๆ ไว้บนเว็บได้ เป็นยุคที่เทคโนโลยี นวัตกรรม รวมทั้งธุรกิจที่เรียกว่า Startup เกิดขึ้นมา และกลายเป็o Big Tech Company ที่เราคุ้นเคยกันดีอย่าง Facebook, Youtube, Wikipedia

Web 3.0

ถูกคาดการณ์ว่าจะเป็น The Next Era of the Internet มีความอัจฉริยะมากขึ้น วิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ ได้ใกล้เคียงมนุษย์ ทำงานได้แบบอัตโนมัติ และยุคนี้เองที่จะทำให้เทคโนโลยีอย่าง Machine Learning (ML), Big Data, AI, Blockchain และเทคโนโลยีอัจฉริยะอื่น ๆ ที่จะทำให้เว็บไซต์ทำงานได้อย่างเต็มที่ และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น Tim Berners-Lee ผู้คิดค้น World Wide Web ได้กล่าวไว้ว่า Web 3.0 จะเป็น Semantic Web หรือ เว็บที่สามารถถ่ายโอนข้อมูลระหว่างระบบ คน และอุปกรณ์ IoT ได้แบบอัตโนมัติ

ข้อดีของ Web 3.0 มีหลายด้าน ได้แก่

1. ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึง Website ได้อย่างอิสระ ไม่ต้องมีตัวกลางมาคอยควบคุมหรือเซ็นเซอร์

2. มีความปลอดภัยและสิทธิความเป็นเจ้าของข้อมูล

3.ไร้ตัวกลาง (Decentralized) มีการกระจายอำนาจผู้ใช้งาน ไม่ต้องติดต่อสื่อสารหากันผ่านตัวกลาง หรือเซิร์ฟเวอร์ มักจะทำงานผ่านโปรโตคอลแบบกระจายศูนย์ที่ต้องพึ่งพาเทคโนโลยี Blockchain และ Cryptocurrency

4. ผู้ใช้งาน Web 3.0 สามารถมีส่วนร่วมในการเข้ามาพัฒนาโค้ดของเว็บไซต์ร่วมกันจนสามารถใช้งานได้

 

📍Web 3.0 กับอนาคตของประเทศไทย ?

ภาคเอกชนในประเทศไทยเอง ได้มีแนวทางในการคว้าโอกาสจาก Web3.0 อย่างหลากหลาย ประกอบด้วย

นางสาวชญาภา จูตระกูล แห่งสยามพิวรรธน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท The Pink Lab บริษัทที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์ที่นำ Data ในโลกออนไลน์มาสร้างแบรนด์และนำเสนอประสบการณ์มิติใหม่ให้กับวงการ มุ่งตอบโจทย์ความต้องการของคนรุ่นใหม่ที่ใช้ชีวิตทั้งในโลกออนไลน์และออฟไลน์ เติมเต็มความปรารถนาได้อย่างไร้ขีดจำกัด

The Pink Labได้ประกาศความร่วมมือกับ สยามพิวรรธน์ ด้วยวิสัยัทัศน์เดียวกันว่า การมอง WEB3 ในมุมมองมหภาค (Macro Scale) และได้คำตอบถึงสิ่งที่ประเทศไทยต้องการ ก็คือ NextTech (เทคโนโลยีแห่งอนาคต) จึงเป็นเหตุผลของการเปิดพื้นที่ “SIAM PARAGON NEXT TECH x SCBX” เทคคอมมูนิตี้เพื่อการเรียนรู้แห่งโลกอนาคต ในพื้นที่กว่า 4,000 ตร.ม. บนชั้น 4 สยามพารากอน ที่ พันธมิตรด้านเทคโนโลยีหลายรายเข้ามาร่วม ทั้งของไทยและระดับโลก

จากที่ทางสำนักพิมพ์มติชนได้สัมภาษณ์ นายไซมอน โซจุน คิม (Mr. Simon Seojoon Kim) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และหุ้นส่วนผู้จัดการ บริษัท Hashed นักลงทุนด้าน Web 3.0 รายใหญ่สุดของเกาหลีใต้ มติชนให้การวิเคราะห์ไว้อย่างน่าสนใจว่า ภาคท่องเที่ยวของประเทศไทย ติดอันดับต้นๆ ของโลก ได้แก่ อันดับ 4 ในการสร้างรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างประเทศ อันดับ 5 ของประเทศที่มีอิทธิพลด้านมรดกวัฒนธรรมของโลก และอันดับ 4 ของจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่น่าไปเยือนที่สุดในโลก ขณะเดียวกัน ประเทศไทยมีผู้ถือเหรียญคริปโตมากสุด อันดับ 1 ของโลก เรียกได้ว่า มีโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งสำหรับอุตสาหกรรมบล็อกเชน ประเทศไทยจะมีบทบาทสำคัญในเรื่อง WEB3 อย่างแน่นอน เพราะสามารถนำบล็อกเชนเข้ามาใช้ร่วมด้วย

นอกจากนี้ SCB 10X บริษัทในกลุ่มเอสซีบี เอกซ์ (SCBX Group) มี ‘SCB 10X DISTRICTX’ ศูนย์กลางคอมมูนิตี้ ด้านบล็อกเชนและ Web 3.0 ระดับโลกในประเทศไทย พื้นที่สร้างเครือข่ายและต่อยอดไอเดียธุรกิจฯ Move นี้ของ SCB10X เป็นการตอกย้ำภารกิจ ‘Moonshot Mission’ ที่มุ่งสร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดด ผ่านการลงทุนทั่วโลกในบริษัทเกี่ยวกับ Fintech และ Web 3.0 ตลอดจนบ่มเพาะสตาร์ทอัพในด้านนี้ที่น่าสนใจ

และเมื่อวันที่ 26 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา Bitkub บริษัท Cryptocurrency Exchange ชั้นนำประเทศไทย ภายใต้การบริหารของ คุณทอป จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ได้จัดงาน Bitkub Meetup 2024 ครั้งที่ 3 ในหัวข้อ “THE WEB 3.0 ERA” ซึ่งได้เชิญ บริษัท Klaytn บริษัท Public Blockchain ซึ่งพัฒนาโดย GroundX เป็นบริษัทใน เครือของ Kakao ยักษ์ใหญ่จากเกาหลีใต้ ที่มีผู้ใช้งานกว่า 50 ล้านคน รวมถึง บริษัท  MARBLEX บริษัทผู้ให้บริการบล็อกเชนเกี่ยวกับเกมซึ่งมุ่งหวังที่จะเผยแพร่เกมบล็อกเชนคุณภาพสูงที่สุดออกสู่ตลาดมากกว่าโปรเจกต์อื่นๆ

ในช่วงท้ายของกิจกรรม คุณทอปได้แสดงวิสัยทัศน์ไว้อย่างน่าสนใจว่าในอนาคต บล็อกเชนจะเข้ามาอยู่ในชีวิตประจำวันของเรามากขึ้น และ Bitkub จะเป็นบริษัทที่เป็นผู้นำในตลาดบล็อกเชนของ ASEAN ให้ได้

 

น่าติดตามกันต่อไปว่าอนาคตของโลกอินเตอร์เนตอย่าง Web3.0 จะสร้างโอกาสให้ไทยมีที่ยืนบนเวที Blockchain โลกอย่างไรได้บ้าง

.

พลวัฒน์ จูเจริญ

ผู้เขียนและบรรณาธิการบริหาร

.

ที่มา:

https://techsauce.co/tech-and-biz/what-is-web-three-point-zero

https://www.vpshispeed.com/blogs/what-is-web-3-0/

https://www.scb10x.com/blog/web3-futuredecentralized-internet

https://www.tnt.co.th/news/181-web3-0-internet-revolution

https://www.matichon.co.th/lifestyle/tech/news_4257400

https://form.bitkub.com/bkmeetup24-klay-mbx/?page_number=0

RECOMMEND

CTM Cafe
read more
15.09.2025 30

ชาตรามือออกแบรนด์ชา CTM
เดินตลาดตาม Trend Specialty Tea

ชาตรามือ แบรนด์ใหม่ CTM CTM หรือ Captivating Tea Muse เป็นแบรนด์ชาใหม่ล่าสุดจากชาตรามือ ที่เน้นชาพรีเมียมคัดสรรคุณภาพดีเยี่ยม ผสมผสานกับวัตถุดิบคุณภาพสูงเพื่อมอบประสบการณ์รสชาติที่แปลกใหม่และสนุกขึ้น แบรนด์นี้มีใบชาหลากหลายสายพันธุ์มากกว่า 10 ชนิด พร้อมเมนูเด่น เช่น ชาอู่หลงนางงาม ที่ถือเป็นจุดขายสำคัญของแบรนด์ CTM ได้ต่อยอดจากความเชี่ยวชาญด้านชาอย่างลึกซึ้งของชาตรามือเพื่อสร้างชาในมิติใหม่ที่เหนือชั้นกว่าเดิม อะไรทำให้ชาไทย Specialty เป็นเทรนด์ฮิตตอนนี้ การเติบโตของอุตสาหกรรมชาไทยที่มีการพัฒนาเชิงโครงสร้างในด้านคุณภาพของใบชา ความหลากหลายของแหล่งปลูก และกำลังการผลิต ทำให้ไทยกลายเป็นตลาดค้าชารายใหญ่อันดับ 7 ของโลก ผู้บริโภคไทยเริ่มรับรู้และสนใจเครื่องดื่ม Specialty มากขึ้น หลังจากที่กาแฟ Specialty ได้รับความนิยมก่อนหน้านี้ ทำให้มีการพัฒนาชาไทยแบบพรีเมียม ที่มีการคัดใบชาจากแหล่งปลูกหลากหลายทั่วไทย รวมถึงการใช้เทคนิคการชงที่ทันสมัย ชาไทย Specialty เน้นความพิถีพิถันในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การคัดเลือกใบชาคุณภาพสูงที่มีโน้ตรสชาติและกลิ่นเฉพาะตัวแตกต่างกันตามแหล่งปลูก เช่น ชาเชียงราย ชาแม่ฮ่องสอน […]

read more
12.09.2025 76

แนวโน้ม Trend สำคัญของโรงงาน ในปี 2025

โรงงานยุคใหม่ต้องเป็นทั้ง “อัจฉริยะ” และ “ยั่งยืน” เพื่อรักษาความแข่งขันในตลาดโลก “อัจฉริยะ” และ “ยั่งยืน” โรงงานยุคใหม่ต้องเป็นทั้ง “อัจฉริยะ” และ “ยั่งยืน” เพื่อรักษาความแข่งขันในตลาดโลก ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีดิจิทัลและความเปลี่ยนแปลงของห่วงโซ่อุปทาน ผลักดันให้โรงงานต้องพัฒนาไปสู่ระบบอัตโนมัติที่มีความสามารถในการคาดการณ์ ใช้ข้อมูลแบบเรียลไทม์ และสร้างประสบการณ์ที่ดึงดูดผู้บริโภค มากไปกว่านั้น ความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม กลายเป็นปัจจัยหลักในการกำหนดกลยุทธ์ของผู้ประกอบการโรงงานทั้งหลาย เทรนด์โรงงานแห่งอนาคต 1. Foresight Factories: โรงงานมองการณ์ไกล ระบบ Predictive Maintenance ช่วยระบุปัญหาก่อนเกิดเหตุจริง และใช้ Digital Twin ในการจำลองสถานการณ์ผลิตเพื่อปรับปรุงกระบวนการอย่างแม่นยำ ภายในปี 2025 อัตราการใช้ระบบอัตโนมัติจะเพิ่มจาก 69% เป็น 79% ขณะที่การเชื่อมต่อทุกกระบวนการช่วยให้ตัดสินใจได้รวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น 2. Decentralized Manufacturing: ผลิตแบบกระจายศูนย์ โรงงานขนาดเล็กเคลื่อนย้ายได้ พร้อมตอบสนองความต้องการในท้องถิ่นอย่างรวดเร็ว ผู้ผลิตรายใหญ่เริ่มพัฒนาชุดโรงงานย่อยที่ […]

Day One Tactics
read more
10.09.2025 55

Day One Tactics ธุรกิจจับคู่จะชนะอย่างไร เมื่อ ‘ความเร็ว’ และ ‘ตัวเลือกเยอะ’ ไม่ใช่คุณค่าหลักของพฤติกรรมผู้ใช้งาน

ในโลกที่ความสัมพันธ์ไม่ใช่เส้นตรงอีกต่อไป ตั้งแต่หาเพื่อน, หากลุ่มเฉพาะทางที่สนใจ, หางานที่ตรงสาย ไปจนหาเดตที่ใช่ ในทุกวันนี้ทุกอย่างกำลังกระจายตัวสู่ “แพลตฟอร์มตัวกลาง” ที่ทำให้คนอยากเจอกันได้เจอกันง่ายขึ้น แต่ความต้องที่ซับซ้อนอยู่ในตัวทุกคน เรามีความเหงาแต่ก็ขี้เกียจในเวลาเดียวกัน แอปต่างๆ อาจทำให้การเริ่มบทสนทนาง่ายขึ้น แต่ไม่ได้ตอบโจทย์ที่ตรงใจ กลับกัน มันยิ่งตอกคำถามว่าเราจะรักษาความตั้งใจ ความปลอดภัย และความคุ้มค่าของเวลาที่จ่ายลงไปอย่างไร ความซับซ้อนของพฤติกรรมทำให้รูปแบบการมองหาความสัมพันธ์เกิดความยากขึ้น ผู้ใช้งานพร้อมที่จะ ‘ยกเลิก’ ความสัมพันธ์ตลอดเวลา แทนที่การ ‘รักษา’ ให้คงไว้ ตัวอย่างเช่น การเตรียมตัวเพื่อถอนตัวล่วงหน้า (Banksying), การค่อยๆ เว้นระยะห่างก่อนจากลา (Slow Fade), หรือ การหายไปเฉย ๆ ตัดการสื่อสารทันที (Ghosting) ซึ่งทั้งหมด มี “รากพฤติกรรมร่วม” คือการ หลีกเลี่ยงความอึดอัด (Avoidance), ปกป้องตนเองทางอารมณ์ (Self-Preservation) และ “ภาวะล้นทางเลือก” (Choice Overload) ซึ่งจะเกิดเป็น “ความเหนื่อยล้า” (Dating-App Fatigue) ภาวะทั้งหมดนี้ล้วนกระทบธุรกิจที่ซึ่งขาย ‘ควา […]

Ultra-Processed Foods (UPF)
read more
08.09.2025 78

UPF: อาหารแปรรูปสูง ที่คุณคิดว่า “ดีต่อสุขภาพ” อาจไม่ใช่อย่างที่คิด

เฮลตี้? หรือแค่ภาพลวงตาของอุตสาหกรรมอาหาร เช้า: ซีเรียลแท่งไฟเบอร์สูงในมือคุณ กลางวัน: ข้าวกล่องคลีนแช่แข็ง เย็น: โยเกิร์ต fat-free รสผลไม้ คุณอาจคิดว่ากำลังกินเพื่อสุขภาพ แต่จริง ๆ แล้ว… สิ่งเหล่านี้จำนวนมากคือ Ultra-Processed Foods (UPF) อาหารแปรรูปสูงที่ผ่านการแต่ง เติม ปรุง ปลอม จนแทบไม่เหลือร่องรอยธรรมชาติ UPF คืออะไร ทำไมถึงอันตรายกว่าที่คิด?  อาหารแปรรูประดับสูงคืออาหารที่ถูกผ่านกระบวนการผลิตหลายขั้นตอน จนแทบไม่เหลือร่องรอยของวัตถุดิบธรรมชาติดั้งเดิม จุดเด่นคือมีการเติมสารสังเคราะห์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น สารกันเสีย สารแต่งกลิ่น สี สารเพิ่มความหวาน และสารปรุงแต่งรส เพื่อให้อาหารเก็บได้นาน ดูน่ากิน และถูกปากยิ่งขึ้น ที่น่าตกใจคือ… หลายครั้งอาหารที่ถูกโฆษณาให้ดู “เฮลตี้” ก็ยังเข้าข่ายเป็น UPF เช่น ซีเรียลไฟเบอร์สูงที่จริงแล้วใส่น้ำตาลหรือสารให้ความหวานแทน ขนมปังโฮลวีตในถุง ที่มักใส่สารปรับสภาพแป้งและวัตถุเจือปนหลายชนิด โยเกิร์ต fat-free รสผลไม้ ที่เต็มไปด้วยน้ำตาลและกลิ่นสังเคราะห์ นมอัลมอนด์หรือนมถั่วเหลืองแต่งรส ที่ผ่านการแต่งเติมจนแทบไม่เหลือคุณค่าจากถั่วจริง ๆ อาหารเหล่านี้อาจมีฉล […]

Vibe coding Trend
read more
05.09.2025 92

Vibe coding Trend คืออะไร? เทรนด์นี้จะเปลี่ยนอาชีพนักพัฒนาในอนาคตอย่างไร

Vibe coding คืออะไรและต่างจากการใช้ Copilot ยังไง อนาคตของอาชีพนักพัฒนาจะเปลี่ยนไปอย่างไร Vibe coding คืออะไรและต่างจากการใช้ Copilot ยังไง Vibe Coding คือแนวทางการพัฒนาโปรแกรมที่เน้นการทำงานร่วมกับ AI ผ่านการสื่อสารด้วยภาษาธรรมชาติ เช่น คำสั่งภาษาอังกฤษ ให้ AI ช่วยสร้าง ปรับแต่ง และแนะนำโค้ดแบบไหลลื่นและมีความสร้างสรรค์สูง ไม่จำเป็นต้องเขียนโค้ดทีละบรรทัด ส่วน GitHub Copilot คือหนึ่งในเครื่องมือ AI ที่ช่วยแนะนำโค้ดระหว่างการเขียนจริง ๆ โดยมันจะเติมโค้ดหรือฟังก์ชันที่คาดว่าจะใช้ในบริบทนั้น ๆ แต่ยังต้องให้ผู้พัฒนาเป็นผู้เขียนและควบคุมหลัก ความแตกต่างหลักระหว่าง Vibe Coding กับ Copilot คือ Vibe Coding เป็นแนวคิดที่กว้างกว่า เน้นการใช้ AI เป็นเหมือนผู้ช่วยในการพัฒนาโค้ดทั้งโปรเจกต์ผ่านการสื่อสารด้วยภาษาธรรมชาติแบบโต้ตอบ ที่ช่วยให้การสร้างโค้ดเป็นไปอย่างต่อเนื่องและสร้างสรรค์ขึ้น Copilot เป็นเครื่องมือหนึ่งใน Ecosystem ของ Vibe Coding ที่ให้การช่วยเติมโค้ดและแนะนำฟังก์ชัน แต่ยังคงเป็นเครื่องมือช่วยเขียนโค้ดแบบเดิมที่มีรูปแบบที่จำกัดและใช้คำสั่งโดยตรงน้อยกว่า เทรนด์นี้จะเปลี่ยนอาชีพนักพัฒนา […]

Subscription

เพื่อรับข้อมูลเกี่ยวกับความรู้เทรนด์และวิจัยต่อเนื่อง