Baramizi Lab logo

A.I. ความก้าวหน้าของเทคโนโลยี ที่ควรมีการกำกับดูแลที่เหมาะสม

A.I. ความก้าวหน้าของเทคโนโลยี ที่ควรมีการกำกับดูแลที่เหมาะสม

ปัญญาประดิษฐ์ หรือ Artificial Intelligence (AI) กลายเป็นพลังแห่งการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมต่างๆ โดยได้ปฏิวัติการดูแลสุขภาพ การเงิน การขนส่ง และอื่นๆ อีกมากมาย อย่างไรก็ตาม ด้วยความก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว จึงมีความจำเป็นเร่งด่วนสำหรับกฎระเบียบที่ครอบคลุมเพื่อจัดการกับข้อกังวลด้านจริยธรรม รับประกันความรับผิดชอบและจัดการความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ประชาคมโลกอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญ โดยต้องเผชิญกับความซับซ้อนของนวัตกรรมทางเทคโนโลยี ผลกระทบทางสังคมและกรอบการกำกับดูแลที่มุ่งควบคุมศักยภาพของ AI ในขณะเดียวกันก็ป้องกันข้อผิดพลาด วิวัฒนาการของแนวทางการกำกับดูแลเหล่านี้จะมีบทบาทสำคัญในการกำหนดผลกระทบในอนาคตต่ออุตสาหกรรมและชุมชนทั่วโลก

ความจำเป็นสำหรับกฏหมายควบคุม AI

กฏหมายควบคุมดูแล AI เกิดขึ้นจากผลกระทบของปัญญาประดิษฐ์ในมิติทางสังคม เศรษฐกิจ และจริยธรรม ในขณะที่เทคโนโลยี AI ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ความกังวลเกี่ยวกับการละเมิดความเป็นส่วนตัว อคติของอัลกอริทึมและผลกระทบทางจริยธรรมก็มีความกดดันมากขึ้น หากไม่มีกฎระเบียบที่มีประสิทธิภาพก็มีความเสี่ยงที่ระบบ AI อาจทำให้เกิดความไม่เท่าเทียมกัน ละเมิดสิทธิส่วนบุคคล และทำลายความไว้วางใจของสาธารณะ ด้วยการกำหนดแนวทางและมาตรฐานที่ชัดเจน หน่วยงานกำกับดูแลตั้งเป้าที่จะส่งเสริมนวัตกรรมในขณะเดียวกันก็ป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้น เพื่อให้มั่นใจว่าการพัฒนา AI สอดคล้องกับหลักการทางจริยธรรมและตอบสนองผลประโยชน์ในวงกว้างของสังคม ดังนั้นกฎระเบียบ AI ที่แข็งแกร่งจึงเป็นสิ่งสำคัญในการนำทางความซับซ้อนของเทคโนโลยีอย่างมีความรับผิดชอบและยั่งยืนไปสู่อนาคต

AI Act กฏหมายปัญญาประดิษฐ์ฉบับแรกของโลก

AI Act เกิดขึ้นโดยสหภาพยุโรปที่เป็นผู้นำด้านกฎระเบียบด้าน AI ในเดือนเมษายน ปี 2021 และมีผลบังคับใช้ปลายปี 2025 การควบคุมการใช้ AI ในยุโรปให้อยู่ภายใต้กรอบความปลอดภัย เคารพสิทธิขั้นพื้นฐานของผู้คน สนับสนุนประชาธิปไตย ในขณะเดียวกันก็เปิดโอกาสให้ธุรกิจสามารถพัฒนา เติบโตและขยายตัวภายใต้การควบคุมได้เช่นเดียวกัน ดังนั้น AI Act จึงไม่ใช่แค่กฎหมายที่ร่างขึ้นมาเพื่อกำกับดูแลการใช้งานอย่างถูกต้องและมีจริยธรรมเท่านั้น แต่ยังส่งเสริมการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ และทำให้ยุโรปเป็นผู้นำทางด้านนี้อีกด้วย

ทว่าสหภาพยุโรปได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับ AI บางประเภทที่อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสิทธิของพลเมืองและประชาธิปไตย สมาชิกของสหภาพจึงได้ตกลงที่จะห้ามการปฏิบัติเฉพาะ 6 ประการ ดังนี้

  1. Biometric Categorisation Systems หรือระบบที่จัดหมวดหมู่บุคคลตามคุณลักษณะทางชีวมิติ (ทางกายภาพหรือพฤติกรรม) เช่น ลายนิ้วมือหรือลักษณะใบหน้า และการใช้ข้อมูลที่ละเอียดอ่อน เช่น มุมมองทางการเมือง ความเชื่อทางศาสนา ความเชื่อทางปรัชญา รสนิยมทางเพศ หรือเชื้อชาติ
  2. Untargeted Scraping of Facial Images หรือการคัดลอกภาพใบหน้าจากอินเทอร์เน็ตหรือภาพวงจรปิดโดยเฉพาะเจาะจงที่ใคร และนำภาพเหล่านั้นมาสร้างฐานข้อมูลสำหรับเทคโนโลยีการจดจำใบหน้า (Facial Recognition)
  3. Emotion recognition หรือระบบการจดจำอารมณ์ความรู้สึก เช่น การใช้กล้องหรือเซ็นเซอร์อื่นๆ เพื่อตรวจจับการแสดงออกทางสีหน้า ภาษากาย หรือสัญญาณอื่นๆ ที่บ่งบอกว่าใครบางคนรู้สึกอย่างไร
  4. Social Scoring หรือการใช้ AI ในการให้คะแนนบุคคลจากพฤติกรรมทางสังคมหรือลักษณะส่วนบุคคล
  5. ระบบ AI ที่บิดเบือนพฤติกรรมของมนุษย์เพื่อหลีกเลี่ยงเจตจำนงเสรี คือระบบ AI ที่ถูกนำมาใช้ชี้นำหรือควบคุมพฤติกรรมของมนุษย์เพื่อจำกัดเสรีภาพในการตัดสินใจ
  6. AI ที่ใช้เพื่อแสวงหาประโยชน์จากความเปราะบางของผู้คน เช่น อายุ ความพิการ สถานการณ์ทางสังคม หรือเศรษฐกิจ (ข้อกังวลด้านจริยธรรมในการใช้ AI อย่างมีความรับผิดชอบและยุติธรรม)

นอกเหนือจากสหภาพยุโรปที่มีกฏหมายควบคุมปัญญาประดิษฐ์แล้ว ยังมีประเทศอื่นๆ ที่เริ่มพิจารณาการร่างกฏหมายหรือบังคับใช้กฏหมายที่เกี่ยวกับ AI มากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น

สหรัฐอเมริกา

ตั้งแต่ต้นปี 2022 สหรัฐอเมริกาไม่มีกฎหมายของรัฐบาลกลางที่ครอบคลุมซึ่งกำหนดเป้าหมายไปที่กฎระเบียบ AI โดยเฉพาะ อย่างไรก็ตาม การอภิปรายยังดำเนินอยู่เกี่ยวกับกรอบการกำกับดูแลที่เป็นไปได้เพื่อจัดการกับข้อกังวลด้านจริยธรรม ความเป็นส่วนตัวของข้อมูล และความปลอดภัย

ขณะที่บางรัฐ เช่น แคลิฟอร์เนีย ได้มีการบังคับใช้กฎหมายที่เน้นเรื่อง AI โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับความเป็นส่วนตัวและการปกป้องข้อมูลแล้วเรียบร้อย

จีน

ในฐานะผู้นำระดับโลกด้านการพัฒนาเทคโนโลยี AI จีนได้ปรับใช้กรอบการกำกับดูแลที่เน้นความเป็นส่วนตัวของข้อมูล ความปลอดภัยทางไซเบอร์ และจริยธรรมของ AI รัฐบาลจีนได้ออกแนวปฏิบัติและมาตรฐานสำหรับการพัฒนา AI โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างสมดุลระหว่างนวัตกรรมกับความมั่นคงทางสังคมและการพิจารณาด้านจริยธรรม

สิงคโปร์

ได้จัดทำกรอบการกำกับดูแล Model AI เพื่อเป็นแนวทางแก่องค์กรต่างๆ ในการนำ AI ไปใช้อย่างมีความรับผิดชอบ กรอบการทำงานดังกล่าวเน้นความโปร่งใส ความรับผิดชอบ และความเป็นธรรมในระบบ AI เพื่อสร้างความไว้วางใจระหว่างผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและปกป้องสิทธิของผู้บริโภค

ประเทศในอาเซียน

ภายในภูมิภาคอาเซียน ประเทศต่างๆ รวมถึงประเทศไทย กำลังสำรวจความพยายามร่วมกันเพื่อทำให้กฎระเบียบและมาตรฐาน AI สอดคล้องกัน โครงการริเริ่มประกอบด้วยโปรแกรมเสริมสร้างขีดความสามารถ การเจรจาเชิงนโยบาย และการพัฒนาแนวปฏิบัติระดับภูมิภาคเพื่อส่งเสริมแนวทางที่สอดคล้องกันในการกำกับดูแล AI

แม้จะมีความพยายามที่จะควบคุม AI แต่ความท้าทายยังคงมีอยู่ นวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่ก้าวไปอย่างรวดเร็วมักจะแซงหน้ากรอบการกำกับดูแล ซึ่งนำไปสู่ช่องว่างในการกำกับดูแลและการบังคับใช้ นอกจากนี้ การถกเถียงยังคงดำเนินต่อไปเกี่ยวกับความสมดุลระหว่างการส่งเสริมนวัตกรรมและการป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้น

ทิศทางในอนาคตของกฏหมายควบคุม AI

เส้นทางข้างหน้าในกฎระเบียบด้าน AI ต้องได้รับความร่วมมือระหว่างรัฐบาล ผู้นำในอุตสาหกรรม นักวิชาการ และภาคประชาสังคม เพื่อพัฒนานโยบายที่ครอบคลุมซึ่งส่งเสริมนวัตกรรมในขณะเดียวกันก็ปกป้องผลประโยชน์สาธารณะ เช่น

  • มาตรฐานอุตสาหกรรมและแนวทางปฏิบัติ : โครงการริเริ่มที่นำโดยอุตสาหกรรมมีบทบาทสำคัญในการกำหนดแนวทางด้านจริยธรรมและแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสำหรับการพัฒนาและการปรับใช้ AI
  • การตระหนักรู้และการมีส่วนร่วมของสาธารณะ : การให้ความรู้แก่สาธารณะเกี่ยวกับเทคโนโลยี AI ประโยชน์ที่อาจเกิดขึ้น ความเสี่ยงและกำหนดลำดับความสำคัญของนโยบายสาธารณะ
  • ความร่วมมือระหว่างประเทศ : โครงการและความคิดริเริ่มต่างๆ เช่น ที่นำโดย OECD (The Organisation for Economic Co-operation and Development) และ G20 อำนวยความสะดวกในการแบ่งปันความรู้และการประสานกันของกฎระเบียบด้าน AI ในระดับโลก

แนวปฏิบัติด้านจริยธรรมมีบทบาทสำคัญในการควบคู่ไปกับกรอบทางกฎหมาย โดยเป็นแนวทางให้กับนักพัฒนาและผู้ใช้ในการปรับใช้ AI อย่างมีความรับผิดชอบ หลักการของความเป็นธรรม ความโปร่งใส ความรับผิดชอบ และการไม่แบ่งแยกได้รับความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อลดอคติและรับประกันว่า AI จะทำหน้าที่เพื่อประโยชน์ทางสังคมในวงกว้าง

เมื่อมองไปข้างหน้า วิวัฒนาการของกฎระเบียบด้าน AI จะเป็นหัวใจสำคัญ ความร่วมมือระหว่างรัฐบาล ผู้นำในอุตสาหกรรม และกลุ่มผู้สนับสนุนจะมีความสำคัญในการประสานมาตรฐานระดับโลกและจัดการกับความท้าทายใหม่ที่อาจเกิดขึ้น ในขณะที่ AI ยังคงกำหนดนิยามใหม่ของความเป็นไปได้ การแสวงหากฎระเบียบที่มีประสิทธิภาพยังคงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการกำหนดอนาคตที่นวัตกรรมอยู่ร่วมกันอย่างมีความรับผิดชอบกับความเป็นอยู่ที่ดีของสังคม

ผู้เขียน: 

จินต์ศุจี มณฑิราลัยพร

ที่มา

https://www.spiceworks.com/tech/artificial-intelligence/articles/ai-regulations-around-the-world/ 

https://www.mindfoundry.ai/blog/ai-regulations-around-the-world 

https://techsauce.co/news/world-first-laws-to-regulate-ai-in-eu-called-ai-act 

RECOMMEND

Brand Future Scenario
read more
11.07.2025 45

Brand Future Scenario เครื่องมือพิฆาตความในใจของลูกค้าที่ได้ผลชะงัด

ฉากทัศน์อนาคต หรือ Brand Future Scenario คือเครื่องมือ Magic ของกระบวนการวิจัยที่จะช่วยไขความลับความในใจของลูกค้าเป้าหมาย ในระหว่างการบริหารธุรกิจ บริหารกลยุทธ์การตลาด ใครเคยรู้สึกติดๆ รู้สึกอยากได้เครื่องมือที่ล้วงเข้าไปในหัวใจของลูกค้าเป้าหมาย อยากสอบถามพวกเขาจังเลยว่าทำไมถึงทำพฤติกรรมอย่างนี้ไม่ทำอีกแบบนึง แล้วถ้าเราจะเสนออะไรใหม่ๆ จะให้เสนออะไรดีถึงจะหันกลับมาสนใจ ยิ่งคิดก็ยิ่งคันหัวใจ ใครจะมาหาคำตอบให้ได้กันนะ แล้วจะหายังไงถึงจะล้วงเข้าไปถึงความในใจลึกๆ ของพวกเขาได้ วันนี้เราจะมาเฉลยหนึ่งในเครื่องมือพิฆาตสำหรับล้วงลึกความในใจของลูกค้าที่ชื่อว่า Brand Future Scenario กันค่ะ ต่อเนื่องจากบทความฉบับที่แล้ว ที่ได้เล่าสู่กันฟังถึงกระบวนการวิจัยที่เรียกว่า Future Lab Research Methodology ซึ่งเป็นกระบวนการวิจัยที่เน้นการค้นหา “Unmet Needs” หรือความต้องการที่ซ่อนเร้น ความในใจของกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งหนึ่งในหัวใจสำคัญคือ การเข้าใจและมีสมมติฐานของปัญหา และมองเห็นโอกาสในการเสนอทางออกที่เป็นไปได้หลายๆ ทาง เจ้าเนื้องานของการมองเห็นโอกาสในการเสนอทางออกที่เป็นไปได้หลายๆ ทางนี่แหละ เราเรีย […]

การคาดการณ์อนาคตธุรกิจด้วย Strategic Foresight: กรณีศึกษา IKEA และ Shell
read more
09.07.2025 70

‘ปักหมุด’ อนาคตของธุรกิจ ผ่านแว่น IKEA และ Shell

มองอนาคต 3 รูปแบบ: อนาคตที่น่าจะเป็น อนาคตเป็นไปได้ และ อนาคตที่อยากให้เป็น ผ่าน 2 กรณีศึกษา บริษัทชั้นนำต่างๆ ในโลกธุรกิจไม่ได้เพียงสร้างผลกำไรในปัจจุบัน แต่กำลัง “ลงทุน” ในอนาคตที่ยังมาไม่ถึง การลงทุนในที่นี้ไม่ได้หมายถึงแค่ตัวเลขทางการเงิน แต่คือการทุ่มเททรัพยากร ทั้งเวลา, บุคลากร, และการวิจัย เพื่อทำความเข้าใจ และสร้างธุรกิจให้พร้อมในวันข้างหน้า เครื่องมือสำคัญที่บริษัทเหล่านี้ใช้คือ “การคาดการณ์อนาคตเชิงกลยุทธ์” (Strategic Foresight) และเครื่องมือในการใช้งานก็คือ “The Futures Cone” (กรวยแห่งอนาคต) ซึ่งช่วยให้มองเห็นภาพอนาคตที่หลากหลาย ตั้งแต่ อนาคตที่น่าจะเกิดขึ้น (Probable), อนาคตที่เป็นไปได้ (Plausible), ไปจนถึงการเลือกสร้างอนาคตที่อยากให้เป็น (Preferable) แม้จะดูคล้ายการบริหารความเสี่ยง (Risk Management) ที่ทำหน้าที่ ป้องกัน (Defensive) มูลค่าของธุรกิจในปัจจุบันจากภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้น หรือการวิจัยและพัฒนา (R&D) ซึ่งเป็นการ ต่อยอด (Incremental) สร้างมูลค่าใหม่โดยการปรับปรุงผลิตภัณฑ์เดิม หรือสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ที่อยู่ใกล้เคียงกับธุรกิจหลั […]

index วัดผลการสร้างแบรนด์
read more
04.07.2025 389

วัดผลการสร้างแบรนด์ยังไงให้ได้ผลลัพธ์ที่ทุกคนยอมรับ?

ก่อนจะพูดถึงกลยุทธ์หรือเครื่องมือไหนๆ อยากชวนคุณติดกระดุมเม็ดแรกให้ถูกก่อนนะคะ  สำหรับเจ้าของธุรกิจที่มองว่า “แบรนด์” เป็น “สินทรัพย์ที่จับต้องไม่ได้” และนั่นคือมุมมองที่ทำให้หลายคนยัง “ลังเล” ว่าจะลงทุนสร้างแบรนด์ดีไหม แค่ลังเล อาจทำให้คุณพลาดโอกาสสำคัญไปโดยไม่รู้ตัว ✅ การลงทุนกับการสร้างแบรนด์คือสิ่งที่ถูกต้อง ✅ การสร้างแบรนด์ไม่จำเป็นต้องใช้งบเสมอไป เพราะการสร้างแบรนด์คือการควบคุมทุกจุดสัมผัสของลูกค้าให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เพียงแค่มีเข็มทิศที่แม่นยำ และควบคุมทุกประสบการณ์ให้ไปในทิศทางนั้น หากมีงบ ก็สามารถเพิ่มพลังความสร้างสรรค์ให้แตกต่างจนลูกค้าจดจำได้ไม่รู้ลืม 🅾️ แต่สิ่งที่หลายคนยังไม่มั่นใจคือ “จะวัดผลแบรนด์อย่างไร?” ยอดขายขึ้นหมายถึงแบรนด์ดีหรือไม่? ถ้ายอดขายไม่ขึ้น แปลว่าแบรนด์แย่หรือเปล่า? เราเข้าใจความสับสนตรงนี้ดีค่ะ เพราะแม้แต่คนที่อยู่ในวงการแบรนด์มานาน ยังต้องกลับมาตั้งคำถามนี้กับตัวเองอยู่บ่อย ๆ Baramizi Lab กับการพัฒนาเครื่องมือวัดแบรนด์ Baramizi Lab (ซึ่งหมวกหนึ่งคือนักวิจัยเพื่อการพัฒนาแบรนด์) เข้าใจหัวอกหัวใจนักสร้างแบรนด์ทุกคนใน […]

Future of Cheese
read more
03.07.2025 317

Future of Cheese: ถอดรหัสกระแสอาหารโลกผ่านมุมมองชีส

ขนาดตลาดชีสโลกและไทย: โอกาสเติบโตที่ไม่ควรมองข้าม ตลาดชีสโลกกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีมูลค่า 93.27 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2024 และคาดการณ์ว่าจะเติบโตด้วยอัตรา CAGR 5.08% จากปี 2025-2033 เพื่อไปสู่มูลค่า 153.03 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2033 ในขณะที่แหล่งข้อมูลอื่นคาดการณ์ว่าตลาดจะเติบโตไปสู่ 210.15 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2030 Global cheese market size projections showing steady growth from 2024 to 2030, with various forecasting models สำหรับตลาดไทย ชีสกำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด จากมูลค่า 2,146.5 ล้านบาทในปี 2563 เติบโตเป็น 4,924.1 ล้านบาทในปี 2567 ซึ่งคิดเป็นการเติบโต 7.6% ในปีที่ผ่านมา การเติบโตนี้สะท้อนอัตรา CAGR 23.07% ระหว่างปี 2020-2024 แสดงให้เห็นถึงความนิยมที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วของชีสในตลาดไทย Thai cheese market showing dramatic growth from 2020 to 2024, with market value more than doubling สาเหตุที่ทำให้เกิดเทรนด์ชีส 1. อิทธิพลของโซเชียลมีเดีย การเติบโตของเทรนด์ชีสได้รับอิทธิพลอย่างมากจากโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะ TikTok ที่มี hashtag #cottagecheese ได้รับการดูมากกว่า 500 […]

แนวโน้มตลาดรถยนต์ไฟฟ้า (EV Trends)
read more
02.07.2025 403

แนวโน้มตลาดรถยนต์ไฟฟ้า (EV Trends) ปี 2025-2026

สรุปภาพรวมตลาดรถยนต์ไฟฟ้า ในปี 2024 ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกทะลุ 17 ล้านคัน คิดเป็นกว่า 20% ของยอดขายรถยนต์ใหม่ทั้งหมดทั่วโลก และคาดว่าในปี 2025 ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าจะเติบโตอย่างรวดเร็ว มียอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 22 ล้านคัน เติบโตสูงกว่า 25% เมื่อเทียบกับปีก่อน ราคาชุดแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนลดลงอย่างมาก ส่งผลให้ตลาดรถยนต์ไฟฟ้ามีความสามารถในการแข่งขันใกล้เคียงกับรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE) ขณะเดียวกัน โครงสร้างพื้นฐานด้านการชาร์จไฟฟ้าก็ขยายตัวอย่างรวดเร็ว สนับสนุนการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าในวงกว้างมากขึ้น 1. ยอดขายและส่วนแบ่งตลาดรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลก ยอดขายในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าปี 2024 สูงกว่า 17 ล้านคัน เติบโต 25% เมื่อเทียบกับปี 2023 คิดเป็นกว่า 20% ของยอดขายรถยนต์ใหม่ทั้งหมดทั่วโลก จีนเป็นตลาดรถยนต์ไฟฟ้าขนาดใหญ่สุด จำหน่ายรถ EV กว่า 11 ล้านคัน คิดเป็นเกือบ 50% ของยอดขายรถยนต์ใหม่ในประเทศ และคิดเป็นเกือบสองในสามของยอดขาย EV โลก สหรัฐฯ มียอดขายรถยนต์ไฟฟ้าราว 1.6 ล้านคัน เติบโต 10% ยุโรปได้รับผลกระทบจากการถอนเงินอุดหนุน แต่ยังรักษาสัดส่วนยอดขายในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าไว้ที่ประมาณ 20% 2. แนวโน้มภูมิภาคและตลาดเกิด […]

Subscription

เพื่อรับข้อมูลเกี่ยวกับความรู้เทรนด์และวิจัยต่อเนื่อง