Baramizi Lab logo

I Buy, Therefore I am การตลาดบนมูลค่าแห่งความรู้สึก

I Buy, Therefore I am การตลาดบนมูลค่าแห่งความรู้สึก

ในยุคที่พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วจากอิทธิพลของวิถีชีวิตที่ซับซ้อน การเข้าใจแค่ “ใครซื้อ” หรือ “ซื้ออะไร” ไม่เพียงพออีกต่อไป ผู้บริโภคเริ่มตัดสินใจจาก “ผลลัพธ์ที่ต้องการให้เกิดขึ้น” (Desired Outcome) มากกว่าประเภทของสินค้า หรือแบรนด์โดยตรง

แนวคิด “Consumer Need States” หรือ “ภาวะความต้องการของผู้บริโภค” จึงกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการทำความเข้าใจแรงจูงใจที่อยู่เบื้องหลังการเลือกบริโภค โดยเป็นการมองผู้บริโภคจากสิ่งที่พวกเขาต้องการรู้สึกหรือบรรลุในช่วงเวลานั้น เช่น ความสงบ ความมั่นใจ ความกระปรี้กระเปร่า หรือการฟื้นฟูร่างกาย

เมื่อการตัดสินใจไม่ได้เริ่มต้นจากคำถามว่า “จะซื้ออะไร” แต่เป็นคำถามว่า “ทำไมถึงต้องซื้อ” หรือ “อยากได้ผลลัพธ์อะไรจากการบริโภค” แนวทางการทำความเข้าใจผู้บริโภคที่อิงจากข้อมูลพื้นฐาน เช่น เพศ อายุ หรือพฤติกรรมซื้อตามหมวดหมู่ จึงไม่เพียงพออีกต่อไป ตัวอย่างเช่น ธุรกิจเครื่องดื่ม ซึ่งคาดว่ามีมูลค่ากว่า 2.26 แสนล้านบาทในปี 2025 โดยเฉพาะในกลุ่มเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ซึ่งมีอัตราการเติบโตต่อเนื่อง ในตลาดนี้ ผู้บริโภคไม่ได้เลือกซื้อเพียงเพราะรสชาติหรือราคาอีกต่อไป แต่ตัดสินใจจากแรงขับภายใน เช่น ความต้องการพลังงาน ความผ่อนคลาย ความสดชื่น หรือความรู้สึกในการควบคุมร่างกายและอารมณ์ของตนเอง

ตัวอย่างเช่น Red Bull วางตำแหน่งตัวเองในพื้นที่ของ Need State ด้าน “พลังงานและความพร้อมลุย” ไม่ใช่แค่ด้วยคำโฆษณา แต่ด้วยการสร้างภาพลักษณ์ผ่านกีฬาเอ็กซ์ตรีม ไลฟ์สไตล์สายลุย และกิจกรรมที่ท้าทาย ขณะที่ Suntory Iyemon ชาเขียวอิเยมอน ผลิตจากใบชาญี่ปุ่นคุณภาพดี เลือกตอบโจทย์ด้าน “ความสงบและความสมดุล” ด้วยแบรนด์ชาเขียวที่เน้นบรรยากาศ ความเป็นธรรมชาติ และความสงบจากวัฒนธรรมดั้งเดิมญี่ปุ่น ทั้งหมดนี้สะท้อนว่าแบรนด์ที่เข้าใจ Need State อย่างแท้จริง สามารถออกแบบสินค้าและสื่อสารได้ลึกกว่าระดับฟังก์ชัน

Consumer Need States

จากบทวิเคราะห์ “Mapping and Measuring Consumer Need States” โดย Euromonitor กรอบความเข้าใจใน Need States สามารถจำแนกออกได้เป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่

  1. Need States ด้านอารมณ์ (Emotional) เช่น ความสงบ ความสบายใจ อารมณ์ดี
  2. Need States ด้านร่างกาย (Physical) เช่น การฟื้นฟูร่างกาย การเติมพลัง การดูแลสุขภาพ
  3. Need States แบบผสม (Hybrid) เช่น การรีเซ็ตตัวเอง ความสนุกสนาน พลังงาน

การเข้าใจว่า “ทำไมผู้บริโภคถึงบริโภค” จึงเป็นแก่นสำคัญของการใช้กรอบ Need States อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ความท้าทายที่ตามมาคือ การประเมินมูลค่าทางการตลาด ของแต่ละ Need State ซึ่งไม่สามารถวัดได้จากเพียงยอดขายของสินค้าที่เกี่ยวข้อง เพราะหลายครั้ง Need State หนึ่งอาจซ่อนอยู่ในหลายหมวดหมู่สินค้า หรือยังไม่ปรากฏในรูปของผลิตภัณฑ์ในตลาดเลยก็ได้ ข้อมูลจากพฤติกรรมผู้บริโภคอาจบิดเบือนภาพรวมหากพิจารณาเพียงจากสินค้าปัจจุบันโดยไม่เข้าใจบริบทของแรงจูงใจเบื้องหลัง

แม้ว่า Need State จะไม่สอดคล้องกับหมวดหมู่สินค้าแบบดั้งเดิมเสมอไป แต่การวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่าง “ประเภทสินค้า” กับ “ภาวะความต้องการ” ยังสามารถเปิดเผยมูลค่าตลาดในระดับหนึ่งได้ อย่างไรก็ตาม วิธีนี้ยังต้องอาศัย “สมมติฐาน” และการตีความเชิงคุณภาพอย่างรอบด้าน ว่าสินค้าใดตอบโจทย์ใด และในบริบทใด

อย่างไรก็ตาม ความท้าทายสำคัญคือ การวัดมูลค่าทางการตลาดของแรงจูงใจเหล่านี้ยังทำได้ยาก เพราะพวกมันมักไม่ผูกติดกับกลุ่มผู้บริโภคแบบชัดเจน และไม่จำกัดอยู่แค่หมวดหมู่สินค้าใดสินค้าหนึ่ง บางแรงจูงใจอาจยังไม่ถูกสะท้อนออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ในตลาดเลยด้วยซ้ำ ในขณะที่บางความต้องการอาจดูใหญ่เกินจริงเพียงเพราะมีสินค้าจำนวนมากพยายามสื่อสารถึงมัน

การวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างประเภทสินค้าและผลลัพธ์ที่ผู้บริโภคต้องการจึงต้องอาศัยการตีความเชิงคุณภาพประกอบกับข้อมูลเชิงปริมาณ โดยมองไปไกลกว่าเพียงยอดขายหรือส่วนแบ่งตลาด เช่น การศึกษาแรงจูงใจ ณ จุดซื้อ การสัมภาษณ์เชิงลึก หรือการสังเกตพฤติกรรมอย่างเป็นระบบ

แม้ว่าจะไม่มีกรอบใดที่สามารถอธิบายแรงจูงใจของผู้บริโภคได้ครบถ้วน เพราะความต้องการของมนุษย์มีความหลากหลายและแปรเปลี่ยนตามบริบท แต่การเข้าใจ “เหตุผลเบื้องหลัง” เหล่านี้จะเป็นพื้นฐานสำคัญในการสร้างกลยุทธ์ทางธุรกิจที่ตอบโจทย์จริง สร้างคุณค่าแท้จริง และสะท้อนภาพลักษณ์ของแบรนด์อย่างมีความหมายในระยะยาว

ที่มา:

https://www.euromonitor.com/article/mapping-and-measuring-consumer-need-states

https://www.kasikornresearch.com/th/analysis/k-social-media/Pages/Non-alcohol-Industry-IAO133-FB-2025-05-30.aspx

 

RECOMMEND

read more
12.09.2025 70

แนวโน้ม Trend สำคัญของโรงงาน ในปี 2025

โรงงานยุคใหม่ต้องเป็นทั้ง “อัจฉริยะ” และ “ยั่งยืน” เพื่อรักษาความแข่งขันในตลาดโลก “อัจฉริยะ” และ “ยั่งยืน” โรงงานยุคใหม่ต้องเป็นทั้ง “อัจฉริยะ” และ “ยั่งยืน” เพื่อรักษาความแข่งขันในตลาดโลก ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีดิจิทัลและความเปลี่ยนแปลงของห่วงโซ่อุปทาน ผลักดันให้โรงงานต้องพัฒนาไปสู่ระบบอัตโนมัติที่มีความสามารถในการคาดการณ์ ใช้ข้อมูลแบบเรียลไทม์ และสร้างประสบการณ์ที่ดึงดูดผู้บริโภค มากไปกว่านั้น ความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม กลายเป็นปัจจัยหลักในการกำหนดกลยุทธ์ของผู้ประกอบการโรงงานทั้งหลาย เทรนด์โรงงานแห่งอนาคต 1. Foresight Factories: โรงงานมองการณ์ไกล ระบบ Predictive Maintenance ช่วยระบุปัญหาก่อนเกิดเหตุจริง และใช้ Digital Twin ในการจำลองสถานการณ์ผลิตเพื่อปรับปรุงกระบวนการอย่างแม่นยำ ภายในปี 2025 อัตราการใช้ระบบอัตโนมัติจะเพิ่มจาก 69% เป็น 79% ขณะที่การเชื่อมต่อทุกกระบวนการช่วยให้ตัดสินใจได้รวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น 2. Decentralized Manufacturing: ผลิตแบบกระจายศูนย์ โรงงานขนาดเล็กเคลื่อนย้ายได้ พร้อมตอบสนองความต้องการในท้องถิ่นอย่างรวดเร็ว ผู้ผลิตรายใหญ่เริ่มพัฒนาชุดโรงงานย่อยที่ […]

Day One Tactics
read more
10.09.2025 54

Day One Tactics ธุรกิจจับคู่จะชนะอย่างไร เมื่อ ‘ความเร็ว’ และ ‘ตัวเลือกเยอะ’ ไม่ใช่คุณค่าหลักของพฤติกรรมผู้ใช้งาน

ในโลกที่ความสัมพันธ์ไม่ใช่เส้นตรงอีกต่อไป ตั้งแต่หาเพื่อน, หากลุ่มเฉพาะทางที่สนใจ, หางานที่ตรงสาย ไปจนหาเดตที่ใช่ ในทุกวันนี้ทุกอย่างกำลังกระจายตัวสู่ “แพลตฟอร์มตัวกลาง” ที่ทำให้คนอยากเจอกันได้เจอกันง่ายขึ้น แต่ความต้องที่ซับซ้อนอยู่ในตัวทุกคน เรามีความเหงาแต่ก็ขี้เกียจในเวลาเดียวกัน แอปต่างๆ อาจทำให้การเริ่มบทสนทนาง่ายขึ้น แต่ไม่ได้ตอบโจทย์ที่ตรงใจ กลับกัน มันยิ่งตอกคำถามว่าเราจะรักษาความตั้งใจ ความปลอดภัย และความคุ้มค่าของเวลาที่จ่ายลงไปอย่างไร ความซับซ้อนของพฤติกรรมทำให้รูปแบบการมองหาความสัมพันธ์เกิดความยากขึ้น ผู้ใช้งานพร้อมที่จะ ‘ยกเลิก’ ความสัมพันธ์ตลอดเวลา แทนที่การ ‘รักษา’ ให้คงไว้ ตัวอย่างเช่น การเตรียมตัวเพื่อถอนตัวล่วงหน้า (Banksying), การค่อยๆ เว้นระยะห่างก่อนจากลา (Slow Fade), หรือ การหายไปเฉย ๆ ตัดการสื่อสารทันที (Ghosting) ซึ่งทั้งหมด มี “รากพฤติกรรมร่วม” คือการ หลีกเลี่ยงความอึดอัด (Avoidance), ปกป้องตนเองทางอารมณ์ (Self-Preservation) และ “ภาวะล้นทางเลือก” (Choice Overload) ซึ่งจะเกิดเป็น “ความเหนื่อยล้า” (Dating-App Fatigue) ภาวะทั้งหมดนี้ล้วนกระทบธุรกิจที่ซึ่งขาย ‘ควา […]

Ultra-Processed Foods (UPF)
read more
08.09.2025 77

UPF: อาหารแปรรูปสูง ที่คุณคิดว่า “ดีต่อสุขภาพ” อาจไม่ใช่อย่างที่คิด

เฮลตี้? หรือแค่ภาพลวงตาของอุตสาหกรรมอาหาร เช้า: ซีเรียลแท่งไฟเบอร์สูงในมือคุณ กลางวัน: ข้าวกล่องคลีนแช่แข็ง เย็น: โยเกิร์ต fat-free รสผลไม้ คุณอาจคิดว่ากำลังกินเพื่อสุขภาพ แต่จริง ๆ แล้ว… สิ่งเหล่านี้จำนวนมากคือ Ultra-Processed Foods (UPF) อาหารแปรรูปสูงที่ผ่านการแต่ง เติม ปรุง ปลอม จนแทบไม่เหลือร่องรอยธรรมชาติ UPF คืออะไร ทำไมถึงอันตรายกว่าที่คิด?  อาหารแปรรูประดับสูงคืออาหารที่ถูกผ่านกระบวนการผลิตหลายขั้นตอน จนแทบไม่เหลือร่องรอยของวัตถุดิบธรรมชาติดั้งเดิม จุดเด่นคือมีการเติมสารสังเคราะห์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น สารกันเสีย สารแต่งกลิ่น สี สารเพิ่มความหวาน และสารปรุงแต่งรส เพื่อให้อาหารเก็บได้นาน ดูน่ากิน และถูกปากยิ่งขึ้น ที่น่าตกใจคือ… หลายครั้งอาหารที่ถูกโฆษณาให้ดู “เฮลตี้” ก็ยังเข้าข่ายเป็น UPF เช่น ซีเรียลไฟเบอร์สูงที่จริงแล้วใส่น้ำตาลหรือสารให้ความหวานแทน ขนมปังโฮลวีตในถุง ที่มักใส่สารปรับสภาพแป้งและวัตถุเจือปนหลายชนิด โยเกิร์ต fat-free รสผลไม้ ที่เต็มไปด้วยน้ำตาลและกลิ่นสังเคราะห์ นมอัลมอนด์หรือนมถั่วเหลืองแต่งรส ที่ผ่านการแต่งเติมจนแทบไม่เหลือคุณค่าจากถั่วจริง ๆ อาหารเหล่านี้อาจมีฉล […]

Vibe coding Trend
read more
05.09.2025 90

Vibe coding Trend คืออะไร? เทรนด์นี้จะเปลี่ยนอาชีพนักพัฒนาในอนาคตอย่างไร

Vibe coding คืออะไรและต่างจากการใช้ Copilot ยังไง อนาคตของอาชีพนักพัฒนาจะเปลี่ยนไปอย่างไร Vibe coding คืออะไรและต่างจากการใช้ Copilot ยังไง Vibe Coding คือแนวทางการพัฒนาโปรแกรมที่เน้นการทำงานร่วมกับ AI ผ่านการสื่อสารด้วยภาษาธรรมชาติ เช่น คำสั่งภาษาอังกฤษ ให้ AI ช่วยสร้าง ปรับแต่ง และแนะนำโค้ดแบบไหลลื่นและมีความสร้างสรรค์สูง ไม่จำเป็นต้องเขียนโค้ดทีละบรรทัด ส่วน GitHub Copilot คือหนึ่งในเครื่องมือ AI ที่ช่วยแนะนำโค้ดระหว่างการเขียนจริง ๆ โดยมันจะเติมโค้ดหรือฟังก์ชันที่คาดว่าจะใช้ในบริบทนั้น ๆ แต่ยังต้องให้ผู้พัฒนาเป็นผู้เขียนและควบคุมหลัก ความแตกต่างหลักระหว่าง Vibe Coding กับ Copilot คือ Vibe Coding เป็นแนวคิดที่กว้างกว่า เน้นการใช้ AI เป็นเหมือนผู้ช่วยในการพัฒนาโค้ดทั้งโปรเจกต์ผ่านการสื่อสารด้วยภาษาธรรมชาติแบบโต้ตอบ ที่ช่วยให้การสร้างโค้ดเป็นไปอย่างต่อเนื่องและสร้างสรรค์ขึ้น Copilot เป็นเครื่องมือหนึ่งใน Ecosystem ของ Vibe Coding ที่ให้การช่วยเติมโค้ดและแนะนำฟังก์ชัน แต่ยังคงเป็นเครื่องมือช่วยเขียนโค้ดแบบเดิมที่มีรูปแบบที่จำกัดและใช้คำสั่งโดยตรงน้อยกว่า เทรนด์นี้จะเปลี่ยนอาชีพนักพัฒนา […]

polka dot trend
read more
03.09.2025 82

Nostalgia จิตวิทยาที่ทำให้
เสื้อ Polka Dot เป็นTrendช่วงนี้ ได้อย่างไร?

การค้นหาคำว่า “polka dot outfits” บน Pinterest เพิ่มขึ้น 1,026% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ววงจรแฟชั่น 20 ปีและกระแส Y2K Revival เสื้อ Polka Dot คืออะไร เสื้อ Polka Dot เป็นเสื้อผ้าลายจุดกลมที่มีเอกลักษณ์ชัดเจนและรักษาความคลาสสิก รวมถึงโดดเด่นด้วยความสดใสและมีชีวิตชีวา จึงเป็นแฟชั่นที่ได้รับความนิยมตลอดกาลเสื้อ Polka Dot คือเสื้อผ้าที่มีลวดลายจุดกลม ๆ กระจายทั่วผืนผ้า โดยจุดมักจะมีขนาดเท่ากันและเว้นระยะห่างเท่ากัน ชื่อ Polka Dot มาจากชื่อการเต้นรำในยุโรปช่วงกลางศตวรรษที่ 19 ซึ่งลายจุดนี้สื่อถึงความร่าเริงและจังหวะสนุกสนานของการเต้นรำ แฟชั่น Polka Dot เป็นสไตล์คลาสสิกที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน โดยในปี 2025 ลายนี้กลับมาเป็นเทรนด์ฮิตอีกครั้ง เพราะให้ความรู้สึกสดใส มีชีวิตชีวา และเหมาะกับหลายโอกาส ทั้งลุคหวาน ลุคชิค หรือแฟชั่นสตรี ทำไมเสื้อ Polka Dot ถึงเป็นกระแสช่วงนี้ 1.จิตวิทยาความคิดถึงและการหาความปลอดภัย Nostalgia การค้นหาคำว่า “polka dot outfits” บน Pinterest เพิ่มขึ้น 1,026% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ขณะที่คำค้นหา “polka dot” พ […]

Subscription

เพื่อรับข้อมูลเกี่ยวกับความรู้เทรนด์และวิจัยต่อเนื่อง