Future of Cheese: ถอดรหัสกระแสอาหารโลกผ่านมุมมองชีส
ขนาดตลาดชีสโลกและไทย: โอกาสเติบโตที่ไม่ควรมองข้าม
ตลาดชีสโลกกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีมูลค่า 93.27 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2024 และคาดการณ์ว่าจะเติบโตด้วยอัตรา CAGR 5.08% จากปี 2025-2033 เพื่อไปสู่มูลค่า 153.03 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2033 ในขณะที่แหล่งข้อมูลอื่นคาดการณ์ว่าตลาดจะเติบโตไปสู่ 210.15 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2030
Global cheese market size projections showing steady growth from 2024 to 2030, with various forecasting models
สำหรับตลาดไทย ชีสกำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด จากมูลค่า 2,146.5 ล้านบาทในปี 2563 เติบโตเป็น 4,924.1 ล้านบาทในปี 2567 ซึ่งคิดเป็นการเติบโต 7.6% ในปีที่ผ่านมา การเติบโตนี้สะท้อนอัตรา CAGR 23.07% ระหว่างปี 2020-2024 แสดงให้เห็นถึงความนิยมที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วของชีสในตลาดไทย
Thai cheese market showing dramatic growth from 2020 to 2024, with market value more than doubling
สาเหตุที่ทำให้เกิดเทรนด์ชีส
1. อิทธิพลของโซเชียลมีเดีย
การเติบโตของเทรนด์ชีสได้รับอิทธิพลอย่างมากจากโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะ TikTok ที่มี hashtag #cottagecheese ได้รับการดูมากกว่า 500 ล้านครั้ง ขณะที่คนไทยใช้โซเชียลมีเดีย 98.6% เมื่อเข้าสู่อินเทอร์เน็ต และใช้เวลาเฉลี่ย 2.31 ชั่วโมงต่อวันทำให้เทรนด์อาหารแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว
2. การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการบริโภค
ผู้บริโภคหันมานิยมรับประทานอาหารตะวันตกที่มีชีสเป็นส่วนประกอบหลัก เช่น พิซซ่า ซีซาร์สลัด พาสต้า และชีสเค้ก นอกจากนี้ยังมีการนำชีสมาใช้กับอาหารไทยและเอเชีย เช่น ชาบูชีส ปิ้งย่างชีส ไก่ทอดชีส ชีสบอล
3. การเติบโตของร้านเบเกอรี่และคาเฟ่
ตลาดเบเกอรี่ไทยมีมูลค่า 30,000 ล้านบาทในปี 2567 เติบโต 7% ควบคู่กับการเกิดขึ้นของร้านกาแฟและคาเฟ่ใหม่ที่มีเบเกอรี่เป็นเมนูประกอบ ทำให้การใช้เนยและชีสในการทำขนมปัง ครัวซองต์ เค้ก และโดนัทเพิ่มขึ้น
เทรนด์ชีสในปัจจุบัน
1. ชาชีส – เทรนด์ที่กำลังมาแรง
จากข้อมูลของ LINE MAN พบว่า “ชาชีส” เป็นเมนูที่มียอดสั่งพุ่งสูงขึ้นถึง 7 เท่า พร้อมจำนวนร้านค้าที่เพิ่มขึ้นกว่า 4,000 ร้าน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความนิยมของเครื่องดื่มที่ผสมผสานวิปชีสกับชานม ชาผลไม้ และเครื่องดื่มต่างๆ
2. Cottage Cheese บน TikTok
Cottage cheese กลายเป็นสุดยอดเทรนด์บนโซเชียลมีเดีย โดยยอดขายในสหรัฐฯ เติบโต 13.5% ในรอบปี และมีการเติบโตมากกว่า 50% ในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา ด้วยการนำเสนอในรูปแบบใหม่ๆ ตั้งแต่เมนูหวานจนถึงเมนูคาว
3. Plant-Based Cheese Alternatives
ตลาดชีสทางเลือกจากพืชเติบโตอย่างรวดเร็วด้วยอัตรา CAGR 11.8% จาก 2.75 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2025 ไปสู่ 8.41 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2035 เนื่องจากผู้บริโภคให้ความสำคัญกับสุขภาพ สิ่งแวดล้อม และสวัสดิภาพสัตว์
เมนูชีสที่กำลังเป็นที่นิยม
1. เมนูชีสในร้านอาหาร
- Artisan และ Specialty Cheese: ร้านอาหารหันมาใช้ชีสคุณภาพสูง เช่น halloumi, Danish blue cheese, Jarlsbergและชีสเม็กซิกัน เช่น queso fresco, Cotija, Chihuahua และ asadero
- Cheese Tourism: การท่องเที่ยวเชิงชีสกำลังได้รับความนิยม รวมถึงการจัดกิจกรรม tasting events และ workshops
2. เมนูชีสไทยสไตล์
แบรนด์ชีสไทยเช่น Jartisann ได้พัฒนาชีสที่ใช้วัตถุดิบท้องถิ่น เช่น ข้าวหมากและเหล้าขาว เพื่อสร้างเนื้อสัมผัสและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์แบบไทย
3. เครื่องดื่มชีส
ร้านชาชีสยอดนิยมในกรุงเทพ เช่น Dakasi Thailand, ME TEA, CiliC Tea ที่เสิร์ฟเครื่องดื่มที่มีวิปชีสเป็นส่วนประกอบโดยเฉพาะ ชานมหอมมะลิวิปชีส ที่ได้รับความนิยมสูง
คาดการณ์แนวโน้มชีสในอนาคต (2025-2030)
1. การเติบโตของตลาดเอเชีย-แปซิฟิก
ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกจะมีการเติบโตเร็วที่สุดด้วยอัตรา CAGR 6.77% โดยตลาด ASEAN คาดว่าจะเติบโต 6.87% ต่อปี เนื่องจากการขยายตัวของ QSR chains และการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการบริโภคสู่อาหารตะวันตก
2. นวัตกรรมด้านผลิตภัณฑ์
- Goat-milk cheese จะเติบโตเร็วที่สุดด้วยอัตรา 6.20% CAGR เนื่องจากผู้บริโภคสนใจรสชาติที่แตกต่างและประโยชน์ต่อการย่อย
- Fermentation และ emulsification techniques จะถูกใช้เพื่อปรับปรุงรสชาติและเนื้อสัมผัสของชีสทางเลือกจากพืช
3. การเติบโตของ E-commerce
แพลตฟอร์ม E-grocery จะเติบโตด้วยอัตรา 9.10% CAGR ทำให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงชีส specialty และ premium brands ได้ง่ายขึ้น
4. Artisan Cheese Movement
การผลิตชีส artisan ขนาดเล็กจะเติบโตต่อเนื่อง โดยเน้น locally sourced ingredients, unique flavor profiles, และ traditional crafting methods ตลาดนี้ตอบสนองผู้บริโภคที่ต้องการ authentic dairy products และเรื่องราวเบื้องหลังผลิตภัณฑ์
5. ความยั่งยืนและจริยธรรม
ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับ sustainable cheese production, climate impact, และ animal welfare มากขึ้น ทำให้แบรนด์ต่างๆ ต้องปรับกลยุทธ์การผลิตและการตลาดให้สอดคล้องกับค่านิยมเหล่านี้
สรุป
เทรนด์ชีสในอนาคตจะขับเคลื่อนโดยการผสมผสานระหว่างนวัตกรรมทางเทคโนโลยี การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภค และการใช้โซเชียลมีเดียเป็นเครื่องมือในการสร้างเทรนด์ ทั้งนี้ตลาดไทยมีศักยภาพในการเติบโตสูงต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ผสมผสานเอกลักษณ์ไทยเข้ากับเทรนด์สากล