Baramizi Lab logo

Megatrend and Key Impact on 2030

Megatrend and Key Impact on 2030

ในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว มี Mega Trends ในระดับโลกหลายเรื่องที่จะส่งผลต่อแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจและผู้บริโภค การทำความเข้าใจภาพใหญ่เหล่านี้ จึงเป็นเรื่องจำเป็น เพื่อไม่ให้เราถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
จากการวิเคราะห์ด้วยแนวทาง STEEP Framework (Social, Technological, Economic, Environmental and Political เพื่อวิเคราะห์แรงขับในระดับโลกจนสามารถแบ่งประเด็นที่น่าสนใจออกได้เป็น 4 ประเด็น ได้แก่ Sociology Shift, Environment Pressure, Technology Breakthrough & Development และ Shifting Power (Geological & Economic) ทั้งหมดนี้เป็น Forces ที่สำคัญต่อการเกิด Impacts ในด้านต่างๆ ทั้งในเชิงธุรกิจ, เศรษฐกิจ (Economic) และความคาดหวัง ความต้องการของผู้คนในอนาคต แต่ละประเด็นมีเรื่องที่น่าสนใจดังนี้

1. Sociology Shift

Workforce Challenge : ความจำเป็นในการปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของกำลังคนและความต้องการทักษะ
Health and Food Challenges : ความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับสุขภาพและโภชนาการ
Dynamic Population : ข้อมูลประชากรที่เปลี่ยนแปลง รวมถึงประชากรสูงวัยและโครงสร้างครอบครัวที่เปลี่ยนแปลง
Migration : การโยกย้ายที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากปัจจัยทางเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อมและการเมือง
Megacities : การเติบโตของศูนย์กลางเมืองขนาดใหญ่และความท้าทายด้านโครงสร้างพื้นฐาน
Quality of Life Development : ความพยายามในการปรับปรุงมาตรฐานการครองชีพและความเป็นอยู่ที่ดี
Consumerism (Energy Demand) : ความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้นซึ่งขับเคลื่อนโดยพฤติกรรมของผู้บริโภค

2. Environment Pressure

Pollution : ปัญหามลพิษที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและเกิดขึ้นใหม่
Loss of Biodiversity : ความหลากหลายทางชีวภาพที่ลดลงและผลกระทบต่อระบบนิเวศ
GHG Emissions : การจัดการและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
Climate Relate Disasters : ความถี่และความรุนแรงของเหตุการณ์ที่เกิดจากสภาพภูมิอากาศเพิ่มขึ้น
Pandemic : การเตรียมพร้อมและการตอบสนองต่อวิกฤตการณ์ด้านสุขภาพทั่วโลก
Land use Change : การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการใช้ที่ดินที่ส่งผลต่อระบบนิเวศและการเกษตร
Resource Scarcity : การขาดแคลนทรัพยากรที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต
.

3. Shifting Power (Geological & Economic)

Multipolarity / Multilateralism / Fragmentation : โลกการเมืองหลายขั้ว นโยบายการตกลงร่วมกันจากหลายฝ่าย และสังคมที่แยกย่อย
Cultural Convergence : การผสมผสานและการปะทะกันของวัฒนธรรมในโลกยุคโลกาภิวัตน์
Economic Volatility : ความไม่แน่นอนและความผันผวนทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น
Economic Inequity : ความแตกต่างด้านความมั่งคั่งและโอกาสทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น
Changing Governance : วิวัฒนาการของการปกครองและโครงสร้างทางการเมืองที่เปลี่ยนแปลงไป
Rising Ethnonationalism : ความรู้สึกชาตินิยมที่เพิ่มขึ้นและผลกระทบต่อความร่วมมือระดับโลก
.

4. Technology Breakthroughs & Development

Shifting Business Industries : การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างและการมุ่งเน้นของภาคธุรกิจ
Leverage Humanity Living (10 Dimensions) : นวัตกรรมที่มุ่งพัฒนาชีวิตมนุษย์ในด้านต่างๆ
Digital Power Concentration : การใช้พลังทางเทคโนโลยีที่อยู่ในมือของหน่วยงานเพียงไม่กี่แห่ง
Transformation of Education : การเปลี่ยนแปลงในระบบการศึกษาที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและรูปแบบการเรียนรู้ใหม่ๆ
Decentralized : การเปลี่ยนแปลงไปสู่ะระบบที่มีการกระจายอำนาจ
Digital Inequity : ความแตกแยกทางดิจิทัลและผลกระทบต่อความเท่าเทียมกัน

RECOMMEND

10 Digital Marketing Trends 2026: การตลาดไทย
read more
05.12.2025 60

10 Digital Marketing Trends 2026: การตลาดไทย

ตลาดดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งในประเทศไทยปี 2026 กำลังเผชิญการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่ขับเคลื่อนโดยเทคโนโลยี AI พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป และความคาดหวังด้านความรวดเร็วและความเป็นส่วนตัวที่สูงขึ้น ประเทศไทยมีผู้ใช้อินเทอร์เน็ต 65.4 ล้านคน (91% ของประชากร) และผู้ใช้โซเชียลมีเดีย 56.6 ล้านคน (79.1% ของประชากร) โดยค่าใช้จ่ายโฆษณาดิจิทัลคาดว่าจะแตะ 34.5 พันล้านบาท (+10% YoY)​ บมความนี้สรุป 10 เทรนด์หลักที่นักการตลาดไทยต้องเข้าใจและปรับตัวให้ทันในปี 2026 ตั้งแต่การใช้ AI แบบ Agentic, การตลาดผ่าน Social Commerce, ไปจนถึงความสำคัญของ Sustainability และ Omnichannel Experience โดยแต่ละเทรนด์จะมีผลกระทบโดยตรงต่อกลยุทธ์การตลาดและการลงทุนของธุรกิจไทยในปีหน้า 1. Agentic AI Marketing: จาก Generative AI สู่ AI ผู้ช่วยที่แท้จริง ปี 2026 เป็นปีที่ AI จะก้าวจากเครื่องมือสร้างคอนเทนต์ (Generative AI) ไปสู่ “Agentic AI” ที่สามารถทำงานแทนมนุษย์ได้อย่างอัตโนมัติและชาญฉลาด AI ในปี 2026 จะไม่ใช่แค่ตอบคำถามหรือสร้างภาพ แต่จะสามารถวางแผนแคมเปญ วิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า ปรับกลยุทธ์แบบเรียลไทม์ และดำเนินการตั […]

NEO Luxury Trend
read more
02.12.2025 94

NEO Luxury Trend
ความหรูยุคใหม่ไม่ใช่แค่สิ่งของ
แต่คือประสบการณ์

ความหรูยุคใหม่ไม่ใช่ “ของ” แต่คือ “ประสบการณ์ คุณค่า และความหมาย” โลกของ Luxury กำลังเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วในปี 2025 ไม่ได้ถูกนิยามด้วยโลโก้หรือสัญลักษณ์สถานะอีกต่อไป แต่สะท้อนถึงความ เข้าใจตัวตน คุณค่าชีวิต และความตั้งใจในการเลือกบริโภค (Intentional Consumption) มากกว่าที่เคย ผู้บริโภคกลุ่ม Luxury โดยเฉพาะ Millennials และ Gen Z ไม่ได้มองความหรูในฐานะการแสดงความมั่งคั่ง แต่มองว่า Luxury คือ “คุณภาพของชีวิต” และ “ประสบการณ์ที่มีความหมาย” ที่พวกเขาเลือกลงทุนอย่างตั้งใจ ทำให้เกิดแนวคิด NEO Luxury – New Luxury Paradigm ที่ผสมผสานความยั่งยืน เทคโนโลยี ประสบการณ์เฉพาะบุคคล และหัตถศิลป์เข้าด้วยกัน บทความนี้จะพาไปสำรวจ 5 หลักการสำคัญที่กำลังกำหนดความหมายใหม่ของ Luxury ในปี 2025 1. Quiet Luxury: ความหรูหราแบบเงียบ ๆ ที่ซ่อนความเข้าใจลึกซึ้งในคุณภาพ Quiet Luxury กลายเป็นตัวแทนของความหรูยุคนี้อย่างแท้จริง เพราะผู้บริโภคไม่ได้ต้องการประกาศความร่ำรวย แต่ต้องการสินค้าที่มีคุณภาพสูง ใช้งานได้นาน และบ่งบอกตัวตนกับคนที่ “เข้าใจจริง” ลักษณะเด่นของ Quiet Luxury คุณภาพเหนือปริมาณ: เลือกสินค้าชิ้นสำคัญแทนกา […]

read more
19.11.2025 716

ความมืดเริ่มเป็นความงามใหม่

สำรวจ ‘ความมืด’ ในฐานะเฉดใหม่ของการออกแบบโลกประสบการณ์ ในอดีต “ความมืด” มักถูกผูกกับภาพของความกลัว, ภัยอันตราย หรือสิ่งที่เรามองไม่เห็น แต่ในยุคที่ผู้คนเริ่มโหยหาความสงบ พื้นที่ปลอดภัยทางใจ และประสบการณ์ที่แตกต่างไปจากชีวิตประจำวัน “ความมืด” กำลังถูกตีความใหม่ให้กลายเป็นทรัพยากรทางวัฒนธรรมและทางธุรกิจที่ทรงพลัง กรอบคิดว่าด้วยการใช้ความมืดเป็นแกนกลางในการออกแบบประสบการณ์และรูปแบบธุรกิจ (Dark Experience) Dark Experience คือแนวคิดของธุรกิจที่ใช้ “ความมืด” เป็นหัวใจของการออกแบบประสบการณ์ ไม่ใช่เพื่อทำให้ผู้คนหวาดกลัว แต่เพื่อ “มองเห็น” สิ่งที่สำคัญกว่าเดิม ทั้งตัวเอง ธรรมชาติ และเรื่องราวที่เคยถูกกลบอยู่ในเงามืดของสังคม สาระสำคัญของ Dark Experience Business คือการใช้ความมืดเป็น “เครื่องมือในการออกแบบประสบการณ์” แทนที่จะใช้แสงและสิ่งเร้าเข้มข้นแบบที่ธุรกิจยุคก่อนมักใช้ดึงความสนใจผู้บริโภค สังคมปัจจุบันกำลังเผชิญกับปัญหา Overstimulation อย่างหนัก ทั้งจากแสงไฟ เมือง 24 ชั่วโมง และหน้าจอที่อยู่ใกล้ตัวตลอดเวลา ทำให้สมองแทบไม่เคยได้พักจากการประมวลผล สิ่งต่างๆ เหล่านี้สะสมเป็นความล้าโดยไม่รู้ตัว […]

read more
21.11.2025 602

7 Key Economic Trends จาก The Standard Economic Forum 2025

งาน The Standard Economic Forum 2025 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 5–7 พฤศจิกายน 2568 ในธีม “Thailand’s Next Frontier” รวบรวมผู้นำระดับโลก นักเศรษฐศาสตร์ และผู้กำหนดนโยบายกว่า 100 คน เพื่อหารือเกี่ยวกับการปฏิรูปเศรษฐกิจไทย ภายในงานมีการเน้น 3 ความท้าทายหลัก (3D Challenges) ก่อนเข้าสู่เทรนด์เฉพาะทาง ได้แก่ 3D Challenges ก่อนที่จะเจาะลึกในเทรนด์เฉพาะ มาทำความเข้าใจภาพรวมที่กว้างขึ้นก่อน ผู้นำธุรกิจไทยได้ระบุถึง “3 ความท้าทาย Digitalization (การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล) เทคโนโลยีไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป แต่เป็นรากฐานของการแข่งขัน เศรษฐกิจดิจิทัลมีสัดส่วนคิดเป็น 15.5% ของ GDP โลกแล้ว โดย 70% ของมูลค่าใหม่ทั่วโลกคาดว่าจะถูกสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์มดิจิทัลในทศวรรษหน้า Deglobalization (การทวนกระแสโลกาภิวัตน์)  โลกกำลังแตกออกเป็นส่วนๆ จากความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ จีน และพันธมิตร ไทยต้องวางตำแหน่งตัวเองใน “จุดยืนที่เป็นกลางทางภูมิรัฐศาสตร์” (Geopolitical Neutral Position) และ “ผู้สร้างสมดุลอย่างสร้างสรรค์” (Creative Balancer) เพื่อใช้ประโยชน์จากที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ […]

read more
03.11.2025 630

“Gartner” เปิด 10 เทรนด์เทคโนโลยีเปลี่ยนโฉมธุรกิจปี 2569

ในปี 2569 จะเป็นปีที่สำคัญต่อผู้นำด้านเทคโนโลยีที่ต้องเผชิญกับการหยุดชะงัก นวัตกรรม ไปจนถึงความเสี่ยงที่ขยายตัวรวดเร็วอย่างที่ไม่เคยพบมาก่อน เทรนด์เทคโนโลยีทั้งหมดในปีหน้าจะเชื่อมโยงกับโลกที่ขับเคลื่อนด้วย AI (AI-driven world) และเชื่อมต่อกัน ตลอดเวลา ซึ่งองค์กรธุรกิจต้องขับเคลื่อนนวัตกรรมอย่างมีความรับผิดชอบ ดำเนินงานด้วยความเป็นเลิศ และสร้างความไว้วางใจทางดิจิทัลไปพร้อมกัน ผู้นำองค์กรต้องเผชิญกับ การหยุดชะงัก (Disruption) นวัตกรรม และความเสี่ยงที่ขยายตัวรวดเร็ว 10 เทรนด์เทคโนโลยีสำคัญแห่งปี 2569 1. AI Supercomputing Platforms  AI Supercomputing Platforms (แพลตฟอร์ม AI ซูเปอร์คอมพิวติ้ง) เป็นการรวมพลังของ CPU, GPU, ชิป AI ASICs และการประมวลผลแบบนิวโรมอร์ฟิก (จำลองสมองมนุษย์) ช่วยให้องค์กรจัดการงานที่ซับซ้อนมหาศาล ปลดล็อกประสิทธิภาพและนวัตกรรม ต้องอาศัย Orchestration Software เพื่อจัดการเวิร์กโฟลว์ที่ซับซ้อนโดยอัตโนมัติ คาดการณ์ว่าภายในปี 2571 องค์กรชั้นนำ 40% จะใช้สถาปัตยกรรม Hybrid Computing (เพิ่มจาก 8% ในปัจจุบัน) ตัวอย่างการใช้งาน: คิดค้นยาใหม่ในไม่กี่สัปดาห์ (แทนที่จะใช้เวลาหลายป […]

Subscription

เพื่อรับข้อมูลเกี่ยวกับความรู้เทรนด์และวิจัยต่อเนื่อง