Baramizi Lab logo

เทรนด์อาหารแนวไหนที่น่าจับตามองในกลุ่ม Street Food ปี 2025

Street Food 2025

เทรนด์อาหารแนวไหนที่น่าจับตามองในกลุ่ม Street Food ปี 2025

6 เทรนด์หลักที่กำลังมาแรงในวงการ Street Food ไทย

1. “Specialty Street Food” และการยกระดับ

ปี 2025 เป็นปีทองของ Specialty Street Food ที่ไม่ใช่อาหารข้างทางแบบธรรมดา แต่เป็นการนำเสนออาหารข้างทางที่มีคุณภาพและความพิเศษ1 ตัวอย่างเช่น การพัฒนาข้าวมันไก่ ส้มตำ ก๋วยเตี๋ยว จากเมนูธรรมดาให้กลายเป็นเมนูที่มีเอกลักษณ์และคุณภาพเยี่ยม โดยมีราคาขายที่เพิ่มขึ้นจาก 50-70 บาท เป็น 80-120 บาท

เทรนด์ “Street Food Couture” จาก Future Menus 2025 ยกระดับรสชาติจากอาหารข้างทางให้เป็นอาหารระดับพรีเมียม เช่น ยำปลาแซลมอนหมักในเปลือกปาณิปูรี่ หรือข้าวเหนียวปูก้อนเล็ก

2. “Snackification” และอาหารแบบ Grab & Go

เทรนด์ Snackification

การเปลี่ยนแปลงไลฟ์สไตล์ที่เร่งรีบทำให้เกิดเทรนด์ “Snackification” ซึ่งผู้บริโภคหันมาทานของว่างแทนมื้อหลัก เมนูยอดนิยมในกลุ่มนี้ได้แก่:

  • บาร์ธัญพืช ที่ให้พลังงานสูง
  • โอนิกิริ (ข้าวปั้นญี่ปุ่น) สไตล์ไทย
  • สลัดแร็ป พร้อมทาน
  • เส้นหมี่ไก่ฉีก แบบพกพา

เมนูเหล่านี้ตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ต้องการ “กินไว กินง่าย ได้ประโยชน์” และสามารถซื้อทานระหว่างทาง

3. “โปรตีนฟีเวอร์” และซูเปอร์ฟู้ด

โปรตีนฟีเวอร์และซูเปอร์ฟู้ด

ไลฟ์สไตล์รักสุขภาพยังคงเป็นกระแสแรงในปี 2025 โดยเฉพาะ “โปรตีนฟีเวอร์” ที่ผู้บริโภคมองหาอาหารที่มีโปรตีนสูงวัตถุดิบที่น่าจับตา ได้แก่:

  • ไข่ผำ (สาหร่ายน้ำจืด) ที่มีโปรตีนสูงและเป็นซูเปอร์ฟู้ดใหม่
  • แหนเป็ด ซูเปอร์ฟู้ดที่มีโปรตีนสูงและคาดว่าจะกลายเป็นอาหารแห่งอนาคต
  • สาหร่าย สไปรูลิน่า และพืชน้ำอื่นๆ ที่นำมาใช้ในเครื่องดื่มและขนม

4. อาหารจากพืช (Plant-Based) และโปรตีนทางเลือก

ประเทศไทยกำลังก้าวสู่การเป็นผู้นำด้าน Future Food โดยอาหารจากพืชคิดเป็น 9% ของการส่งออกอาหารรวม เทรนด์นี้ส่งผลให้เกิด:

  • เนื้อสัตว์จากพืช ที่มีรสชาติและเนื้อสัมผัสใกล้เคียงเนื้อจริง
  • อาหารฟังก์ชัน (Functional Food) ที่ให้ประโยชน์เฉพาะต่อสุขภาพ
  • นวัตกรรมจากวัตถุดิบท้องถิ่น เช่น ขนุนอ่อน เห็ดแครง และเมล็ดกัญชง

5. “สาเก” และการจับคู่กับอาหาร (Food Pairing)

“สาเก” กลายเป็นดาวรุ่งในวงการอาหารไทยปี 2025 จากอิทธิพลของกระแส Asianization การใช้สาเกในการ แพริ่ง (Pairing) หรือจับคู่กับอาหาร กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในร้านอาหารสไตล์ Casual Dining และคาดว่าจะเห็นเทรนด์ Sake Bar เติบโตเช่นเดียวกับกระแส Natural Wine ที่เคยร้อนแรง

กระแส “Asianization” หรือความเป็นเอเชียที่กำลังมาแรงในวงการอาหาร ส่งผลให้ “สาเก” เครื่องดื่มสัญชาติญี่ปุ่น กลายเป็นที่จับตาและมีแนวโน้มว่าจะได้รับความนิยมเพิ่มขั้น โดยเฉพาะการนำไปจับคู่กับอาหารในร้านอาหารสไตล์แคชวลไดนิ่ง

6. ความยั่งยืนและ Zero Waste

การจัดการขยะอาหารและความยั่งยืนกลายเป็นเทรนด์สำคัญ ร้าน Street Food เริ่มให้ความสำคัญกับ:

  • การใช้วัตถุดิบท้องถิ่น ลดการนำเข้าจากต่างประเทศ
  • บรรจุภัณฑ์เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
  • การจัดการขยะอาหารอย่างมีประสิทธิภาพ
  • อาหารแปรรูป จากเศษอาหารให้เกิดประโยชน์สูงสุด

กระแสเมนูไวรัลและ “Newstalgia”

เทรนด์ Newstalgia

เทรนด์ “Newstalgia” (ผสมผสานระหว่าง “nostalgia” และ “new”) กำลังได้รับความนิยม โดยเป็นการนำเมนูดั้งเดิมมาพัฒนาด้วยวิธีการใหม่ เช่น:

  • ชิโอะปัง (Shio Pan) ขนมปังญี่ปุ่นรสเค็ม
  • ทาร์ตไข่ฮ่องกง ในเวอร์ชันใหม่
  • มัทฉะ ที่กลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้งในรูปแบบใหม่

แนวโน้มเทคโนโลยีและ Smart Food Cart

รัฐบาลไทยส่งเสริม Smart Food Cart หรือ “รถเข็นอาหารอัจฉริยะ” ที่มีระบบบำบัดน้ำเสีย ตู้เย็น และเตาปรุงอาหาร เพื่อยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยและสุขอนามัยของอาหารข้างทาง นวัตกรรมนี้ช่วยเพิ่มศักยภาพการแข่งขันและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

Street Food ไทยปี 2025 ไม่ได้เป็นเพียงอาหารข้างทางธรรมดา แต่กลายเป็นส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรมอาหารที่มีนวัตกรรม คำนึงถึงสุขภาพ ความยั่งยืน และการสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้บริโภค เทรนด์เหล่านี้สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคที่ต้องการความสะดวก คุณภาพ และความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมในเวลาเดียวกัน

วิเคราะห์กระแสบรรทัดทอง ปี 2025

ย่านบรรทัดทองในปี 2025 ยังคงเป็นหนึ่งในแหล่ง Street Food ชั้นนำของกรุงเทพฯ ที่ได้รับความสนใจจากทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะกลุ่มนิสิต นักศึกษา คนทำงาน และนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ชื่นชอบอาหารหลากหลายประเภท ตั้งแต่ของคาวของหวาน ร้านเปิดดึก และเมนูสตรีทฟู้ดคุณภาพสูง

จุดแข็งของบรรทัดทอง

  • ทำเลทองใจกลางเมือง ใกล้มหาวิทยาลัยและแหล่งธุรกิจ ทำให้มีฐานลูกค้าหลากหลายตลอดวัน
  • ความหลากหลายของร้านอาหาร ทั้งร้านเก่าแก่และร้านใหม่ที่อัปเดตเมนูทันสมัย รวมถึงร้านของหวานและเครื่องดื่มที่ตอบโจทย์เทรนด์สุขภาพ
  • การสนับสนุนจากภาครัฐและสถาบัน เช่น การพัฒนาพื้นที่โดยสำนักงานจัดการทรัพย์สิน จุฬาฯ (PMCU) เพื่อยกระดับเป็น Food Destination ที่ทันสมัย ปลอดภัย และสะดวกสบาย
  • กระแสโซเชียลมีเดียและอินฟลูเอนเซอร์ ที่ช่วยโปรโมตและสร้างความนิยมอย่างรวดเร็ว ทำให้บรรทัดทองกลายเป็นจุดหมายปลายทางของสายกินและนักท่องเที่ยว

ความท้าทายและปัญหา

  • สภาวะ “มาไว-ไปไว” หลังจากบูมอย่างรวดเร็วในปี 2567 บรรทัดทองเริ่มเผชิญกับภาวะขาลงในปี 2568 โดยรายได้ร้านอาหารลดลงกว่า 50% บางร้านที่เคยคึกคักกลับเงียบเหงา ลูกค้าน้อยลง หรือบางร้านต้องปิดกิจการ
  • ผลกระทบจากเศรษฐกิจและต้นทุนที่สูงขึ้น รวมถึงการหายไปของนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวจีนที่เคยเป็นกลุ่มหลัก
  • เสียงวิจารณ์เรื่องคุณภาพอาหารและราคาที่ไม่สอดคล้องกัน ในโซเชียลมีเดียส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ร้านบางแห่ง
  • การแข่งขันสูงและความอิ่มตัวของตลาด ทำให้ร้านต้องปรับตัวอย่างรวดเร็วเพื่อรักษาฐานลูกค้า

แนวทางฟื้นฟูและโอกาสในอนาคต

  • การจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอาหาร เช่น เทศกาล Street Food และกิจกรรมประจำเดือน เพื่อกระตุ้นความสนใจและดึงดูดลูกค้า
  • การสนับสนุนจาก ททท. ดึงสื่อและ KOL ชาวจีนโปรโมตย่านบรรทัดทอง เพื่อฟื้นฟูตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ
  • การจัดการพื้นที่และการพัฒนาระบบสาธารณูปโภค เพื่อสร้างความสะดวก ปลอดภัย และประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้มาเยือน
  • การควบคุมคุณภาพและเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภค เพื่อรักษาความน่าเชื่อถือและตอบโจทย์ลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น

สรุป

บรรทัดทองในปี 2025 คือย่าน Street Food ที่มีศักยภาพสูงและยังคงเป็นแหล่งรวมร้านอาหารอร่อยหลากหลาย แต่กำลังเผชิญกับความท้าทายจากเศรษฐกิจและการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคอย่างรวดเร็ว การฟื้นฟูจะขึ้นอยู่กับการปรับตัวของผู้ประกอบการ การสนับสนุนจากภาครัฐ และการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า โดยเฉพาะการรักษาคุณภาพและการใช้โซเชียลมีเดียอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้บรรทัดทองยังคงเป็นจุดหมายปลายทางด้านอาหารที่น่าสนใจในระดับสากลต่อไป

RECOMMEND

thai cities safety resilience trend
read more
02.10.2025 342

แนวโน้มจะเป็นอย่างไรเมื่อ World Bank เตือน GDP ไทยอาจลด 7-14% ในปี 2593 เพราะภัยพิบัติโลกร้อน

แม้เราจะเดินทางมาถึงช่วงท้ายของปี 2025 แต่ประเทศไทยยังคงเผชิญกับภัยพิบัติทางธรรมชาติหลากหลายรูปแบบอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสะท้อนถึงสถานการณ์โลกที่กำลังเผชิญกับภัยพิบัติที่มากขึ้นเรื่อยๆ หากเทียบข้อมูลย้อนหลัง จำนวนภัยพิบัติทั่วโลกเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน จากเพียง 23 ครั้งในปี 1950 กลายเป็นกว่า 361 ครั้งในปี 2019 ซึ่งล้วนเเล้วเเต่เป็นผลของสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง สำหรับประเทศไทย แม้จะปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพียง 258 ล้านตัน คิดเป็น 0.76% ของการปล่อยทั้งหมดทั่วโลกในปี 2020 (ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 24) แต่กลับถูกจัดอยู่ใน ประเทศที่เสี่ยงได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมากที่สุดเป็นอันดับ 9 ของโลก ความเสี่ยงนี้ครอบคลุมเกือบทุกมิติ ตั้งแต่ผลผลิตทางการเกษตรและประมงชายฝั่ง ไปจนถึงการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ และฐานทรัพยากรด้านการท่องเที่ยวที่เป็นเสน่ห์สำคัญของประเทศ รายงานของ ธนาคารโลก (World Bank) ในช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา เตือนว่า หากไทยยังขาดมาตรการรับมือที่จริงจัง ภาวะโลกร้อนอาจทำให้ GDP ของประเทศลดลงถึง 7–14% ภายในปี 2593 โดยเฉพาะต่อประชากรเปราะบางกว่า 9.4 ล้านคน ซึ่งมีมากถึง 8 ล้านคนที่อย […]

Wellness Economy 5.0
read more
25.09.2025 216

Wellness Economy 5.0 พลังขับเคลื่อนไทยสู่ศูนย์กลางสุขภาพโลก

แนวคิดเศรษฐกิจสุขภาพยุคใหม่ในไทยธุรกิจไหนได้ประโยชน์มากที่สุด Wellness Economy 5.0 Wellness Economy 5.0 คือแนวคิดเศรษฐกิจสุขภาพยุคใหม่ในไทย ซึ่งมุ่งเน้นการพัฒนาและขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดยยึดสุขภาพและคุณภาพชีวิตของประชาชนเป็นศูนย์กลาง โดยเฉพาะในยุคที่ไทยกำลังกลายเป็นสังคมผู้สูงอายุ (super-aged society) ภายในปี 2033 แนวคิดนี้ไม่ใช่แค่การรักษาโรค แต่คือการส่งเสริมการใช้ชีวิตเชิงป้องกันและทำให้สุขภาพดีเป็นวิถีชีวิตที่รวมถึงความงาม อาหารสุขภาพ การออกกำลังกาย และการท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ Key Idea ของ Wellness Economy 5.0 มุ่งเน้นความสมดุลทั้งทางกาย ใจ อารมณ์ และสังคมผ่านการดำเนินชีวิตที่ดี เกิดการบูรณาการระหว่างเทคโนโลยี เศรษฐกิจ และรูปแบบการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน ผลักดันธุรกิจความงาม อาหารเพื่อสุขภาพ บริการออกกำลังกาย และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเป็นอุตสาหกรรมหลัก รัฐบาลและภาคเอกชนร่วมลงทุนและพัฒนาระบบสาธารณสุขและ wellness hubs เพื่อรองรับตลาดผู้สูงวัยและสุขภาพดีแบบองค์รวม Wellness Economy ในไทยปี 2023 มีมูลค่าตลาดประมาณ 1.4 ล้านล้านบาท เติบโตสูงจากกลุ่มนักท่องเที่ยวสุขภาพที่เพิ่มขึ้นและการผสมผสาน […]

Longevity Trend
read more
24.09.2025 212

Longevity Trend
”เมื่อ ‘วัยทำงาน’ ยาวนานขึ้น โอกาสของคนรุ่นใหม่จะเหลือเท่าไหร่?”

อายุขัยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง (เฉลี่ยเพิ่มขึ้นประมาณ 2 ปีในทุกๆ 10 ปี) ตำแหน่งงานเก่าๆ ยังไม่ว่างให้คนรุ่นใหม่เข้าทำงาน Longevity Trend แนวโน้ม Longevity Trend หรือแนวโน้มคนมีอายุยืนยาวขึ้น ส่งผลให้คนจำนวนมากเลือกหรือจำเป็นต้องเกษียณช้าลงจากเดิม โดยอายุเกษียณที่เคยอยู่ราว 60 ปี เริ่มถูกปรับเพิ่มเป็น 65 ปีขึ้นไป ทั้งในไทยและในหลายประเทศ เพราะคนมีสุขภาพดีขึ้น เรียนรู้และทำงานได้นานขึ้น พร้อมกับระบบสวัสดิการและนโยบายที่สนับสนุนให้คนยังคงมีส่วนร่วมในตลาดแรงงานมากขึ้น ขณะที่การเกษียณช้าช่วยให้มีรายได้และสวัสดิการทางการเงินที่มากขึ้น ลดความเสี่ยงด้านสุขภาพจิตและการแยกตัวจากสังคมได้ด้วย และการทำงานต่อเนื่องยังช่วยให้สมองและร่างกายได้รับการกระตุ้น ช่วยยืดอายุขัยโดยรวม สาเหตุของการเกษียณช้าลง อายุขัยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง (เฉลี่ยเพิ่มขึ้นประมาณ 2 ปีในทุกๆ 10 ปี) คนสูงอายุในยุคใหม่มีสุขภาพดีขึ้น เขียนได้ ชำนาญและมีประสบการณ์มากกว่ารุ่นก่อน ระบบสวัสดิการ ศูนย์ดูแลสุขภาพ และโครงสร้างทางสังคมที่สนับสนุนให้คนสูงอายุทำงานต่อได้ ความจำเป็นด้านการเงิน เช่น รายได้ที่ไม่เพียงพอจากเงินออมและ […]

read more
01.10.2025 700

Event Tourism พลังสำคัญที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลก

ประเทศไทยพร้อมหรือยัง…ที่จะสร้างกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์สู่ระดับนานาชาติ?   กิจกรรมและงานอีเวนต์ ไม่ว่าจะเป็น เทศกาลศิลปะ ดนตรี อาหาร กีฬา หรือวัฒนธรรม ล้วนมีพลังในการเปลี่ยน “พื้นที่หนึ่ง ๆ” ให้กลายเป็น “จุดหมายการท่องเที่ยวระดับโลก” สำหรับประเทศไทย กิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ไม่เพียงช่วยสร้างความสุข แต่ยังสร้างเศรษฐกิจ การจ้างงาน และทำให้ประเทศเป็นที่จดจำในสายตานักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติ  เพื่อให้ก้าวสู่เวทีโลก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยจึงมีการศึกษาศักยภาพกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ระดับนานาชาติของประเทศไทย และได้ใช้เครื่องมือ Future Scenario (ฉากทัศน์แห่งอนาคต) ในการออกแบบ “ภาพอนาคตของ Event Tourism” เพื่อให้เราเห็นว่ากิจกรรมแบบไหนที่ตอบโจทย์การท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ และสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศได้อย่างแท้จริง  ถ้าว่าเคยติดตามคอนเทนต์ของบรารามีซี่ แล็บจะทราบว่าเครื่องมือวิจัยที่เรียกว่า Future Scenario คือ ฉากทัศน์ที่เป็นไปได้ในอนาคตของแบรนด์ หรือคือ ไอเดียแก้ปัญหาที่น่าสนใจ ที่เราอยากได้ทดลองกับกลุ่มตัวอย่าง  อ่านบทความ Brand Future Scenario […]

CTM Cafe
read more
15.09.2025 338

ชาตรามือออกแบรนด์ชา CTM
เดินตลาดตาม Trend Specialty Tea

ชาตรามือ แบรนด์ใหม่ CTM CTM หรือ Captivating Tea Muse เป็นแบรนด์ชาใหม่ล่าสุดจากชาตรามือ ที่เน้นชาพรีเมียมคัดสรรคุณภาพดีเยี่ยม ผสมผสานกับวัตถุดิบคุณภาพสูงเพื่อมอบประสบการณ์รสชาติที่แปลกใหม่และสนุกขึ้น แบรนด์นี้มีใบชาหลากหลายสายพันธุ์มากกว่า 10 ชนิด พร้อมเมนูเด่น เช่น ชาอู่หลงนางงาม ที่ถือเป็นจุดขายสำคัญของแบรนด์ CTM ได้ต่อยอดจากความเชี่ยวชาญด้านชาอย่างลึกซึ้งของชาตรามือเพื่อสร้างชาในมิติใหม่ที่เหนือชั้นกว่าเดิม อะไรทำให้ชาไทย Specialty เป็นเทรนด์ฮิตตอนนี้ การเติบโตของอุตสาหกรรมชาไทยที่มีการพัฒนาเชิงโครงสร้างในด้านคุณภาพของใบชา ความหลากหลายของแหล่งปลูก และกำลังการผลิต ทำให้ไทยกลายเป็นตลาดค้าชารายใหญ่อันดับ 7 ของโลก ผู้บริโภคไทยเริ่มรับรู้และสนใจเครื่องดื่ม Specialty มากขึ้น หลังจากที่กาแฟ Specialty ได้รับความนิยมก่อนหน้านี้ ทำให้มีการพัฒนาชาไทยแบบพรีเมียม ที่มีการคัดใบชาจากแหล่งปลูกหลากหลายทั่วไทย รวมถึงการใช้เทคนิคการชงที่ทันสมัย ชาไทย Specialty เน้นความพิถีพิถันในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การคัดเลือกใบชาคุณภาพสูงที่มีโน้ตรสชาติและกลิ่นเฉพาะตัวแตกต่างกันตามแหล่งปลูก เช่น ชาเชียงราย ชาแม่ฮ่องสอน […]

Subscription

เพื่อรับข้อมูลเกี่ยวกับความรู้เทรนด์และวิจัยต่อเนื่อง