เทรนด์ชาไทยไม่ใส่สี: การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของอุตสาหกรรมเครื่องดื่มไทย
แบรนด์ชั้นนำหลายแห่งประกาศผลิตชาไทยที่ไม่ใส่สี Sunset Yellow FCF ซึ่งเป็นสีสังเคราะห์ที่ทำให้ชาไทยดั้งเดิมมีสีส้มสดใส เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพมากขึ้น
การแข่งขันของแบรนด์ชั้นนำ
คาเฟ่ อเมซอน นำหน้าเปิดขาย
คาเฟ่ อเมซอน ได้ประกาศตัวเป็น “เจ้าแรก” ที่ขายชาไทยไม่ใส่สี โดยเริ่มขายเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2025 ภายใต้ชื่อ “Premium Thai Tea” ซึ่งคัดสรรใบชาอัสสัมคุณภาพดีจากจังหวัดน่าน ผ่านการเบลนด์สูตรพิเศษโดย Tea Master ให้รสชาติโทนวานิลลาหอมละมุน และหวานนุ่มแบบคาราเมลไลซ์ จำหน่ายในราคา 60 บาท
ชาตรามือ เตรียมวางจำหน่ายในเดือนกรกฎาคม
ชาตรามือ แบรนด์ชาไทยเก่าแก่กว่า 80 ปี เตรียมวางจำหน่าย “ชาไทยไม่ใส่สี” ภายในเดือนกรกฎาคม 2025 โดยใช้สูตรดั้งเดิมที่ตัดสีสังเคราะห์ Sunset Yellow ออกทั้งหมด พร้อมเปิดตัวเมนูใหม่ “ชาไทยสีธรรมชาติ” ในไตรมาส 3 ซึ่งใช้สีผสมอาหารจากธรรมชาติ เช่น แครอท ในการแต่งเติมสี
เหตุผลเบื้องหลังการเปลี่ยนแปลง
ปัญหาของสี Sunset Yellow FCF
สี Sunset Yellow FCF เป็นสีผสมอาหารสังเคราะห์ที่ทำให้ชาไทยมีสีส้มสดใส อย่างไรก็ตาม สารนี้ถูกห้ามใช้หรือควบคุมการใช้ในหลายประเทศ เช่น เดนมาร์ก ฟินแลนด์ และบางประเทศในยุโรป เนื่องจากข้อกังวลด้านความปลอดภัย
ผลกระทบต่อสุขภาพ
สำนักงานมาตรฐานอาหารของประเทศอังกฤษ (FSA) เคยเรียกร้องให้ยกเลิกการใช้สีสังเคราะห์อาหาร 6 ชนิด รวมถึง Sunset Yellow ขณะที่ในประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ยังอนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 100 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม
การเปลี่ยนแปลงทัศนคติผู้บริโภค
จากงานวิจัยบางชิ้นพบว่า หากร่างกายได้รับสี Sunset Yellow FCF มากกว่า 200–250 มิลลิกรัมต่อวัน อาจเกิดการสะสม โดยแม้ยังไม่มีข้อสรุปจากการทดลองในมนุษย์ แต่จากการทดลองในสัตว์ เช่น หนู พบว่าหากได้รับสีเกิน 4 มิลลิกรัมต่อวัน หนูจะแสดงพฤติกรรมคล้ายสมาธิสั้น
ผลกระทบต่อตลาดและอุตสาหกรรม
การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างตลาด
เทรนด์นี้สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในตลาดชาไทย จากการแข่งขันด้านรสชาติและราคา มาสู่การแข่งขันด้าน คุณภาพของส่วนผสม และการแสดงความรับผิดชอบต่อสุขภาพของผู้บริโภค
การเติบโตของ Specialty Thai Tea
ขนานไปกับเทรนด์ชาไทยไม่ใส่สี ตลาด “ชาไทย Specialty” ก็เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีร้านเปิดใหม่เพิ่มขึ้น 205% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา และยอดสั่งเดลิเวอรีโต 81% ทะลุ 400,000 แก้วในปี 2024
ความสำคัญของธุรกิจชาไทยในปัจจุบัน
สถานะของประเทศไทยในตลาดชาโลก
ประเทศไทยปัจจุบันเป็นตลาดค้าชาใหญ่อันดับ 7 ของโลก โดยพันธุ์ชาที่นิยมปลูกมี 2 สายพันธุ์หลัก คือ ชาจีน (Chinese Tea) และ ชาอัสสัม (Assam Tea) ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญของชาไทยที่เราคุ้นเคย
แนวโน้มอนาคต
การยกระดับมาตรฐาน
เทรนด์ชาไทยไม่ใส่สีเป็นส่วนหนึ่งของการยกระดับมาตรฐานชาไทยสู่สากล ร่วมกับปัจจัยสำคัญอื่นๆ เช่น เทรนด์สุขภาพ ความนิยมในวัฒนธรรมไทย และการพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์
การสร้างความหลากหลาย
ผู้ประกอบการเริ่มคัดสรรใบชาจากแหล่งปลูกหลากหลายทั่วประเทศ ซึ่งมี กลิ่นรสเฉพาะถิ่น (Taste Notes) ที่แตกต่างกัน เช่น
ชาเชียงราย ให้กลิ่นอายของดอกไม้และเบอร์รี่
ชาแม่ฮ่องสอน มีโน้ตของส้มและเนยสด
ชาปัตตานี มีกลิ่นหอมของเนยถั่วและลูกสน
ธุรกิจชาออร์แกนิก
ธุรกิจชาออร์แกนิกก็เติบโตอย่างต่อเนื่อง เช่น ผู้ประกอบการอย่าง สุวิรุฬห์ ชาไทย ซึ่งมีไร่ชากว่า 1,400 ไร่จาก 5 แหล่งปลูกในเชียงราย ผลิตชาออร์แกนิกกว่า 57 ชนิด และส่งออกไปมากกว่า 20 ประเทศ
สรุป
เทรนด์ชาไทยไม่ใส่สีสะท้อนถึงการปรับตัวของอุตสาหกรรมเครื่องดื่มไทยเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่เพียงเป็นการแข่งขันทางการตลาด แต่ยังเป็นการยกระดับมาตรฐานและคุณภาพของชาไทยให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล พร้อมๆ กับการสร้างทางเลือกใหม่ให้กับผู้บริโภคที่ต้องการเครื่องดื่มที่ดีต่อสุขภาพและใกล้เคียงธรรมชาติมากที่สุด