Urban Farming การทำเกษตรในเมือง
ในขณะที่เมืองทั่วโลกขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ความจำเป็นในการหาแหล่งอาหารที่ยั่งยืนก็มีความสำคัญมากขึ้นกว่าเดิม การทำเกษตรในเมือง ซึ่งเคยเป็นเพียงแค่แนวคิดเล็กๆ กำลังกลายเป็นขบวนการที่ทรงพลังซึ่งกำลังเปลี่ยนแปลงวิธีการที่เราคิดเกี่ยวกับการผลิตอาหารและการใช้ชีวิตในเมือง โดยการเปลี่ยนหลังคาอาคาร ที่ดินว่างเปล่า หรือแม้แต่ระเบียงเล็กๆ ให้กลายเป็นพื้นที่การเกษตรที่เจริญรุ่งเรือง การทำเกษตรในเมืองเสนอโซลูชั่นใหม่สำหรับการแก้ปัญหาที่สำคัญที่สุดที่เมืองสมัยใหม่กำลังเผชิญ
การทำเกษตรในเมืองคืออะไร
การทำเกษตรในเมือง หรือ Urban Farming คือ การปลูกอาหารภายในสภาพแวดล้อมของเมือง โดยมักใช้พื้นที่ที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ แตกต่างจากการเกษตรแบบดั้งเดิมที่ต้องใช้พื้นดินในชนบทอย่างกว้างขวาง การทำเกษตรในเมืองสามารถผสมผสานเข้ากับพื้นที่ของเมืองได้ ซึ่งอาจหมายถึงทุกอย่างตั้งแต่สวนชุมชนในที่ดินว่าง ไปจนถึงฟาร์มแนวตั้งบนด้านข้างของอาคารหรือระบบไฮโดรโปนิกส์ในห้องใต้ดิน
ประโยชน์ของการทำเกษตรในเมือง
- ความยั่งยืนและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
การทำเกษตรในเมืองมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมความยั่งยืน การผลิตอาหารในท้องถิ่นช่วยลดการปล่อยคาร์บอนที่เกิดจากการขนส่งผลผลิตในระยะทางไกล นอกจากนี้ ฟาร์มในเมืองมักใช้วิธีการเกษตรอินทรีย์ ซึ่งช่วยลดการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชและปุ๋ยที่เป็นอันตราย ส่งผลให้สภาพแวดล้อมที่มีความสมบูรณ์และปลอดภัยยิ่งขึ้น
- การมีส่วนร่วมของชุมชนและผลกระทบทางสังคม
หนึ่งในประโยชน์ที่สำคัญที่สุดของการทำเกษตรในเมือง คือ ความสามารถในการรวมชุมชนเข้าด้วยกัน สวนชุมชนเป็นตัวอย่างหนึ่งที่ให้พื้นที่ร่วมกันที่ชาวเมืองสามารถทำงานร่วมกัน เรียนรู้และปลูกพืชผักของตนเอง สวนเหล่านี้มักกลายเป็นศูนย์กลางของการพบปะสังสรรค์ สร้างความรู้สึกของการเป็นส่วนหนึ่งและความสัมพันธ์ในหมู่คนเมือง
- โอกาสทางเศรษฐกิจ
การทำเกษตรในเมืองยังเป็นแหล่งการเจริญเติบโตทางเศรษญกิจอีกด้วย ตั้งแต่การสร้างงานในด้านการเกษตรและการผลิตอาหาร ไปจนถึงการเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการจัดตั้งธุรกิจใหม่ เช่น ตลาดการเกษตร การแปรรูปอาหารในท้องถิ่น และการท่องเที่ยวเชิงเกษตรในเมือง การทำเกษตรในเมืองนำเสนอความเป็นไปได้ทางเศรษฐกิจที่หลากหลาย
- สุขภาพและโภชนาการ
การเข้าถึงอาหารสดและมีคุณค่าทางโภชนาการมักมีจำกัดในเขตเมือง โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีรายได้น้อย การทำเกษตรในเมืองช่วยแก้ไขปัญหานี้โดยการนำผลผลิตสดเข้ามาใกล้บ้านกับที่ที่ผู้คนอาศัยอยู่ ทำให้สุขภาพและอาหารของคนในเมืองดีขึ้น และลดการเกิดโรคที่เกี่ยวข้องกับอาหาร
- คุณค่าทางการศึกษา
ฟาร์มในเมืองยังสามารถทำหน้าที่เป็นแพลตฟอร์มการศึกษาได้อีกด้วย โดยมอบประสบการณ์การเรียนรู้จริงสำหรับคนทุกวัยเกี่ยวกับการเกษตร ความยั่งยืน และความสำคัญของการกิจอาหารที่ดีต่อสุขภาพ โดยเฉพาะโรงเรียนได้นำการทำเกษตรในเมืองมาใช้เป็นเครื่องมือในการให้ความรู้แก่นักเรียนเกี่ยวกับระบบอาหารและการดูแลสิ่งแวดล้อม
แม้ว่าจะมีประโยชน์มากมาย แต่การทำเกษตรในเมืองต้องเจอกับความท้าทาย ข้อจำกัดด้านพื้นที่ ข้อบังคับการแบ่งโซนและราคาที่ดินสูงในเมือง อาจทำให้การตั้งและรักษาฟาร์มในเมืองเป็นเรื่องยาก นอกจากนี้ยังมีความท้าทายทางเทคนิค เช่น การปนเปื้อนของดินในพื้นที่เมือง ซึ่งอาจทำให้วิธีการทำเกษตรแบบดั้งเดิมใช้ไม่ได้ผล
อย่างไรก็ตาม นวัตกรรมทางเทคโนโลยีและการออกแบบกำลังช่วยแก้ไขปัญหาเหล่านี้ การทำฟาร์มแนวตั้ง การไฮโดรโปนิกส์ และอควาโปนิกส์ เป็นเพียงตัวอย่างบางส่วนที่แสดงให้เห็นว่าการทำเกษตรในเมืองสามารถปรับให้เข้ากับสภาพแวดล้อมเมืองได้อย่างไร เมื่อเมืองเติบโตขึ้นและความต้องการอาหารในท้องถิ่นเพิ่มขึ้น การทำเกษตรในเมืองมีแนวโน้มที่จะกลายเป็นส่วนสำคัญของระบบนิเวศน์เมืองในการสร้างเมืองที่มีความยืดหยุ่น สุขภาพดี และมีชีวิตชีวาต่อไป
ผู้เขียน
นางสาว จินต์ศุจี มณฑิราลัยพร
ที่มา
https://www.salika.co/2018/05/17/urban-farming/
https://www.rakbankerd.com/agriculture/hilight-view.php?id=172&s=tblheight