Baramizi Lab logo

แนวโน้มเทรนด์สวนสัตว์ ประจำปี 2025

แนวโน้มเทรนด์สวนสัตว์ ประจำปี 2025

ในช่วงที่ผ่านมา กระแส “หมูเด้ง” ลูกฮิปโปแคระจากสวนสัตว์เปิดเขาเขียว เป็นที่นิยมสูงมาก โด่งดังเป็นปรากฏการณ์ระดับโลก และมีแฟนๆ พร้อมต่อคิวเพื่อไปเห็นหมูเด้งตัวเป็นๆ วันนี้ผู้เขียนจะมาชวนผู้อ่านทุกท่านไปพบกับเทรนด์ของการออกแบบสวนสัตว์ในปี 2025 ว่าจะมีแนวโน้มเป็นอย่างไรในอนาคต

เมื่อเรามองตลาดสวนสัตว์ในภาพรวมระดับโลก ตลาดซึ่งรวม ธุรกิจพิพิธภัณฑ์ แหล่งประวัติศาสตร์ สวนสัตว์ และสวนสาธารณะ รวมกันแล้วประมาณการมีมูลค่า 24.93 พันล้านดอลล่าสหรัฐ ในปี 2024 และคาดการณ์ว่าในปี 2029 จะมีมูลค่า 52.06 พันล้านดอลล่าสหรัฐ ด้วยอัตราการเติบโตทบต้นอยู่ที่ 15.88%

แนวโน้มของสวนสัตว์ในปี 2025 คาดว่าจะสะท้อนถึงการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยี การอนุรักษ์ และความคาดหวังของผู้เข้าชมที่พัฒนาไป สวนสัตว์ยุคใหม่จะเน้นด้านการศึกษา การอนุรักษ์สัตว์ป่า และประสบการณ์เชิงโต้ตอบมากกว่าการจัดแสดงแบบดั้งเดิม ซึ่งมีแนวโน้มสำคัญที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในปี 2025 ดังนี้:

1. ประสบการณ์ดิจิทัลเสมือนจริง (Immersive Digital Experiences)

  • สวนสัตว์นำเทคโนโลยี AR และ VR เข้ามาใช้เพื่อสร้างประสบการณ์ที่น่าดื่มด่ำมากขึ้น ให้ผู้เข้าชมได้พบปะกับสัตว์ที่อาจไม่มีตัวจริงในสวนสัตว์ เทคโนโลยีเหล่านี้ช่วยให้การเรียนรู้แบบโต้ตอบ ผู้เข้าชมสามารถเห็นพฤติกรรมสัตว์ในธรรมชาติหรือ “ท่องเที่ยว” ไปยังถิ่นที่อยู่ธรรมชาติของพวกมันได้ ไอเดียนี้เพิ่มการมีส่วนร่วมของผู้เข้าชม ในขณะเดียวกันยังลดความจำเป็นในการจัดแสดงสัตว์จริงบางชนิดที่มีความเสี่ยงใกล้สูญพันธุ์

2. การมุ่งเน้นที่การอนุรักษ์และสวัสดิภาพสัตว์

  • สวนสัตว์หลายแห่งกำลังพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางของ การอนุรักษ์สัตว์ป่า และ การช่วยเหลือสัตว์ แทนที่จะมุ่งเน้นเฉพาะสัตว์แปลกใหม่เพียงอย่างเดียว สวนสัตว์จึงทำงานร่วมกับองค์กรสัตว์ป่าและการอนุรักษ์ในท้องถิ่นเพื่อช่วยฟื้นฟูและปล่อยสัตว์ป่าพื้นเมือง เน้นสวัสดิภาพสัตว์และการอยู่รอดของสายพันธุ์ ผู้เข้าชมมองว่าสวนสัตว์เป็นพันธมิตรในการอนุรักษ์มากกว่าความบันเทิง ส่งเสริมการสนับสนุนการจัดการสัตว์ป่าอย่างยั่งยืน

3. พื้นที่การเรียนรู้เชิงโต้ตอบ (Interactive Learning Spaces)

  • สวนสัตว์กำลังพัฒนานิทรรศการ การศึกษาเชิงโต้ตอบ (Interactive Educational Exhibits)  ซึ่งผู้เข้าชมสามารถเรียนรู้ผ่านการจัดแสดงดิจิทัล และการเวิร์กช็อป เช่น โมเดลกายวิภาคของสัตว์ การให้อาหารสัตว์ และการพูดคุยกับผู้ดูแลสัตว์ สิ่งนี้จะช่วยเพิ่มการมีส่วนร่วมของผู้เข้าชมผ่านประสบการณ์การเรียนรู้ ทำให้การเยี่ยมชมสวนสัตว์มีความหมายและน่าจดจำมากยิ่งขึ้นสำหรับทุกวัย

4. การปรับปรุงกรงสัตว์ให้เหมือนกับที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติ

  • กรงสัตว์ถูกออกแบบให้คล้ายกับที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติของสัตว์มากขึ้น ช่วยให้สัตว์แสดงพฤติกรรมที่เป็นธรรมชาติได้มากขึ้น โดยใช้การออกแบบ ภาพแวดล้อมที่เลียนแบบธรรมชาติ (Bio-mimicry enclosures) และกรงที่กว้างขวาง ช่วยให้สัตว์มีสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมสุขภาพจิตและร่างกาย ช่วยให้มาตรฐานสวัสดิภาพดีขึ้น และสอดคล้องกับความคาดหวังของผู้เข้าชมในเรื่องการดูแลสัตว์อย่างมีจริยธรรม

5. การมุ่งเน้นไปที่สัตว์ใกล้สูญพันธุ์และความหลากหลายทางชีวภาพ

  • สวนสัตว์หลายแห่งมุ่งเน้นไปที่ โปรแกรมการเพาะพันธุ์สัตว์ใกล้สูญพันธุ์ ทำงานร่วมกับองค์กรการอนุรักษ์ทั่วโลกเพื่อสร้างธนาคารพันธุกรรมและมีส่วนร่วมในการรักษาความหลากหลายทางชีวภาพของสัตว์ใกล้สูญพันธุ์เหล่านี้เองจะส่งผลกระทบให้มีการสนับสนุนเป้าหมายความหลากหลายทางชีวภาพทั่วโลก และย้ำบทบาทของสวนสัตว์ในการอนุรักษ์สายพันธุ์

6. สวนสัตว์ที่ไร้สัตว์จริง (Animal-Free Zoos and Sanctuaries)

  • สวนสัตว์บางแห่งเปลี่ยนไปสู่การจัดแสดง ที่ไม่มีสัตว์จริง ซึ่งสัตว์ใกล้สูญพันธุ์จะถูกจัดแสดงผ่านเทคโนโลยี VR และโฮโลแกรมขั้นสูง แนวคิดนี้ช่วยให้ผู้เข้าชมสามารถสัมผัสและเรียนรู้เกี่ยวกับสัตว์โดยที่สัตว์ไม่จำเป็นต้องอยู่ในสวนสัตว์จริง ดึงดูดผู้ที่สนับสนุนสวัสดิภาพสัตว์และลดความจำเป็นในการขนย้ายสัตว์จริง ในขณะเดียวกันยังคงให้การศึกษาเกี่ยวกับความหลากหลายทางชีวภาพ

7. โปรแกรมวิทยาศาสตร์ประชาชน (Citizen Science) และการมีส่วนร่วมของผู้เข้าชมในการวิจัย

  • สวนสัตว์มีโปรแกรม วิทยาศาสตร์ประชาชน (วิทยาศาสตร์ที่เปิดให้ประชาชนในสาธารณะร่วมทำวิจัย) ซึ่งผู้เข้าชมสามารถมีส่วนร่วมในโครงการวิจัยสัตว์ป่าได้แบบเรียลไทม์ เช่น การติดตามการอพยพของนก หรือการตรวจสอบผลกระทบของสภาพภูมิอากาศต่อสัตว์ท้องถิ่น ช่วยให้ผู้เข้าชมมีส่วนร่วมในงานวิจัยการอนุรักษ์โดยตรง ช่วยเพิ่มมูลค่าการศึกษาและการมีส่วนร่วมของสาธารณชนในการศึกษาเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม

8. การจัดการสุขภาพและสวัสดิภาพสัตว์ด้วยข้อมูล

  • สวนสัตว์ใช้ AI และการวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อติดตามสุขภาพสัตว์ คาดการณ์ความต้องการพฤติกรรม และจัดการความพยายามในการอนุรักษ์อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ตัวอย่างเช่น การติดตั้งเซ็นเซอร์ในกรงเพื่อบันทึกปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมที่มีผลต่อสุขภาพสัตว์ ปรับปรุงการดูแลสัตว์และการจัดการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น พร้อมทั้งให้ข้อมูลสำหรับการอนุรักษ์ที่กว้างขึ้น

ถึงแม้กระแสความโด่งดังของหมูเด้งจะทำให้หน่วยงาน  Peta (People for the Ethical Treatment of Animals) องค์กรเพื่อสิทธิสัตว์ออกโรงมาให้ความเห็นว่า “สวนสัตว์ในประเทศไทยกำลังแสวงหาผลกำไรจากเธอ (ฮิปโป) โดยจัดแสดงเธอเหมือนเป็นสิ่งดึงดูดความสนใจ ที่อยู่ของฮิปโปคือในป่า คว่ำบาตรสวนสัตว์”

อย่างไรก็ตามเหรียญมี 2 ด้าน สวนสัตว์คงไม่ใช่ผู้ร้ายไปเสียทุกเรื่อง สิ่งสำคัญคือการปรับตัวของสวนสัตว์ที่ให้ความสำคัญกับมนุษยธรรม การอนุรักษ์ และการใช้เทคโนโลยี สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมเพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานจริยธรรมและความคาดหวังของผู้เข้าชม สวนสัตว์ที่ปรับตัวสู่การสร้างสรรค์นวัตกรรมให้สอดคล้องกับเป้าหมายการศึกษา ความยั่งยืน และการอนุรักษ์ มีแนวโน้มจะได้รับการสนับสนุนจากสาธารณะมากขึ้น และมีบทบาทสำคัญในความพยายามด้านความหลากหลายทางชีวภาพทั่วโลก

ที่มา:

https://www.mordorintelligence.com/industry-reports/asia-pacific-museums-historical-sites-zoos-and-parks

waza.org

aza.org

nationalzoo.si.edu

RECOMMEND

10 Digital Marketing Trends 2026: การตลาดไทย
read more
05.12.2025 704

10 Digital Marketing Trends 2026: การตลาดไทย

ตลาดดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งในประเทศไทยปี 2026 กำลังเผชิญการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่ขับเคลื่อนโดยเทคโนโลยี AI พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป และความคาดหวังด้านความรวดเร็วและความเป็นส่วนตัวที่สูงขึ้น ประเทศไทยมีผู้ใช้อินเทอร์เน็ต 65.4 ล้านคน (91% ของประชากร) และผู้ใช้โซเชียลมีเดีย 56.6 ล้านคน (79.1% ของประชากร) โดยค่าใช้จ่ายโฆษณาดิจิทัลคาดว่าจะแตะ 34.5 พันล้านบาท (+10% YoY)​ บมความนี้สรุป 10 เทรนด์หลักที่นักการตลาดไทยต้องเข้าใจและปรับตัวให้ทันในปี 2026 ตั้งแต่การใช้ AI แบบ Agentic, การตลาดผ่าน Social Commerce, ไปจนถึงความสำคัญของ Sustainability และ Omnichannel Experience โดยแต่ละเทรนด์จะมีผลกระทบโดยตรงต่อกลยุทธ์การตลาดและการลงทุนของธุรกิจไทยในปีหน้า 1. Agentic AI Marketing: จาก Generative AI สู่ AI ผู้ช่วยที่แท้จริง ปี 2026 เป็นปีที่ AI จะก้าวจากเครื่องมือสร้างคอนเทนต์ (Generative AI) ไปสู่ “Agentic AI” ที่สามารถทำงานแทนมนุษย์ได้อย่างอัตโนมัติและชาญฉลาด AI ในปี 2026 จะไม่ใช่แค่ตอบคำถามหรือสร้างภาพ แต่จะสามารถวางแผนแคมเปญ วิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า ปรับกลยุทธ์แบบเรียลไทม์ และดำเนินการตั […]

NEO Luxury Trend
read more
02.12.2025 309

NEO Luxury Trend
ความหรูยุคใหม่ไม่ใช่แค่สิ่งของ
แต่คือประสบการณ์

ความหรูยุคใหม่ไม่ใช่ “ของ” แต่คือ “ประสบการณ์ คุณค่า และความหมาย” โลกของ Luxury กำลังเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วในปี 2025 ไม่ได้ถูกนิยามด้วยโลโก้หรือสัญลักษณ์สถานะอีกต่อไป แต่สะท้อนถึงความ เข้าใจตัวตน คุณค่าชีวิต และความตั้งใจในการเลือกบริโภค (Intentional Consumption) มากกว่าที่เคย ผู้บริโภคกลุ่ม Luxury โดยเฉพาะ Millennials และ Gen Z ไม่ได้มองความหรูในฐานะการแสดงความมั่งคั่ง แต่มองว่า Luxury คือ “คุณภาพของชีวิต” และ “ประสบการณ์ที่มีความหมาย” ที่พวกเขาเลือกลงทุนอย่างตั้งใจ ทำให้เกิดแนวคิด NEO Luxury – New Luxury Paradigm ที่ผสมผสานความยั่งยืน เทคโนโลยี ประสบการณ์เฉพาะบุคคล และหัตถศิลป์เข้าด้วยกัน บทความนี้จะพาไปสำรวจ 5 หลักการสำคัญที่กำลังกำหนดความหมายใหม่ของ Luxury ในปี 2025 1. Quiet Luxury: ความหรูหราแบบเงียบ ๆ ที่ซ่อนความเข้าใจลึกซึ้งในคุณภาพ Quiet Luxury กลายเป็นตัวแทนของความหรูยุคนี้อย่างแท้จริง เพราะผู้บริโภคไม่ได้ต้องการประกาศความร่ำรวย แต่ต้องการสินค้าที่มีคุณภาพสูง ใช้งานได้นาน และบ่งบอกตัวตนกับคนที่ “เข้าใจจริง” ลักษณะเด่นของ Quiet Luxury คุณภาพเหนือปริมาณ: เลือกสินค้าชิ้นสำคัญแทนกา […]

read more
19.11.2025 746

ความมืดเริ่มเป็นความงามใหม่

สำรวจ ‘ความมืด’ ในฐานะเฉดใหม่ของการออกแบบโลกประสบการณ์ ในอดีต “ความมืด” มักถูกผูกกับภาพของความกลัว, ภัยอันตราย หรือสิ่งที่เรามองไม่เห็น แต่ในยุคที่ผู้คนเริ่มโหยหาความสงบ พื้นที่ปลอดภัยทางใจ และประสบการณ์ที่แตกต่างไปจากชีวิตประจำวัน “ความมืด” กำลังถูกตีความใหม่ให้กลายเป็นทรัพยากรทางวัฒนธรรมและทางธุรกิจที่ทรงพลัง กรอบคิดว่าด้วยการใช้ความมืดเป็นแกนกลางในการออกแบบประสบการณ์และรูปแบบธุรกิจ (Dark Experience) Dark Experience คือแนวคิดของธุรกิจที่ใช้ “ความมืด” เป็นหัวใจของการออกแบบประสบการณ์ ไม่ใช่เพื่อทำให้ผู้คนหวาดกลัว แต่เพื่อ “มองเห็น” สิ่งที่สำคัญกว่าเดิม ทั้งตัวเอง ธรรมชาติ และเรื่องราวที่เคยถูกกลบอยู่ในเงามืดของสังคม สาระสำคัญของ Dark Experience Business คือการใช้ความมืดเป็น “เครื่องมือในการออกแบบประสบการณ์” แทนที่จะใช้แสงและสิ่งเร้าเข้มข้นแบบที่ธุรกิจยุคก่อนมักใช้ดึงความสนใจผู้บริโภค สังคมปัจจุบันกำลังเผชิญกับปัญหา Overstimulation อย่างหนัก ทั้งจากแสงไฟ เมือง 24 ชั่วโมง และหน้าจอที่อยู่ใกล้ตัวตลอดเวลา ทำให้สมองแทบไม่เคยได้พักจากการประมวลผล สิ่งต่างๆ เหล่านี้สะสมเป็นความล้าโดยไม่รู้ตัว […]

read more
21.11.2025 651

7 Key Economic Trends จาก The Standard Economic Forum 2025

งาน The Standard Economic Forum 2025 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 5–7 พฤศจิกายน 2568 ในธีม “Thailand’s Next Frontier” รวบรวมผู้นำระดับโลก นักเศรษฐศาสตร์ และผู้กำหนดนโยบายกว่า 100 คน เพื่อหารือเกี่ยวกับการปฏิรูปเศรษฐกิจไทย ภายในงานมีการเน้น 3 ความท้าทายหลัก (3D Challenges) ก่อนเข้าสู่เทรนด์เฉพาะทาง ได้แก่ 3D Challenges ก่อนที่จะเจาะลึกในเทรนด์เฉพาะ มาทำความเข้าใจภาพรวมที่กว้างขึ้นก่อน ผู้นำธุรกิจไทยได้ระบุถึง “3 ความท้าทาย Digitalization (การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล) เทคโนโลยีไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป แต่เป็นรากฐานของการแข่งขัน เศรษฐกิจดิจิทัลมีสัดส่วนคิดเป็น 15.5% ของ GDP โลกแล้ว โดย 70% ของมูลค่าใหม่ทั่วโลกคาดว่าจะถูกสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์มดิจิทัลในทศวรรษหน้า Deglobalization (การทวนกระแสโลกาภิวัตน์)  โลกกำลังแตกออกเป็นส่วนๆ จากความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ จีน และพันธมิตร ไทยต้องวางตำแหน่งตัวเองใน “จุดยืนที่เป็นกลางทางภูมิรัฐศาสตร์” (Geopolitical Neutral Position) และ “ผู้สร้างสมดุลอย่างสร้างสรรค์” (Creative Balancer) เพื่อใช้ประโยชน์จากที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ […]

read more
03.11.2025 769

“Gartner” เปิด 10 เทรนด์เทคโนโลยีเปลี่ยนโฉมธุรกิจปี 2569

ในปี 2569 จะเป็นปีที่สำคัญต่อผู้นำด้านเทคโนโลยีที่ต้องเผชิญกับการหยุดชะงัก นวัตกรรม ไปจนถึงความเสี่ยงที่ขยายตัวรวดเร็วอย่างที่ไม่เคยพบมาก่อน เทรนด์เทคโนโลยีทั้งหมดในปีหน้าจะเชื่อมโยงกับโลกที่ขับเคลื่อนด้วย AI (AI-driven world) และเชื่อมต่อกัน ตลอดเวลา ซึ่งองค์กรธุรกิจต้องขับเคลื่อนนวัตกรรมอย่างมีความรับผิดชอบ ดำเนินงานด้วยความเป็นเลิศ และสร้างความไว้วางใจทางดิจิทัลไปพร้อมกัน ผู้นำองค์กรต้องเผชิญกับ การหยุดชะงัก (Disruption) นวัตกรรม และความเสี่ยงที่ขยายตัวรวดเร็ว 10 เทรนด์เทคโนโลยีสำคัญแห่งปี 2569 1. AI Supercomputing Platforms  AI Supercomputing Platforms (แพลตฟอร์ม AI ซูเปอร์คอมพิวติ้ง) เป็นการรวมพลังของ CPU, GPU, ชิป AI ASICs และการประมวลผลแบบนิวโรมอร์ฟิก (จำลองสมองมนุษย์) ช่วยให้องค์กรจัดการงานที่ซับซ้อนมหาศาล ปลดล็อกประสิทธิภาพและนวัตกรรม ต้องอาศัย Orchestration Software เพื่อจัดการเวิร์กโฟลว์ที่ซับซ้อนโดยอัตโนมัติ คาดการณ์ว่าภายในปี 2571 องค์กรชั้นนำ 40% จะใช้สถาปัตยกรรม Hybrid Computing (เพิ่มจาก 8% ในปัจจุบัน) ตัวอย่างการใช้งาน: คิดค้นยาใหม่ในไม่กี่สัปดาห์ (แทนที่จะใช้เวลาหลายป […]

Subscription

เพื่อรับข้อมูลเกี่ยวกับความรู้เทรนด์และวิจัยต่อเนื่อง