อนาคตถ้าพืชจะสูญพันธุ์ เราเลือกเก็บ หรือปล่อยให้ปรับตัว
INNOVATION UPDATE:
Plant Extinction Freeze or Force: อนาคตถ้าพืชจะสูญพันธุ์ เราเลือกเก็บ หรือปล่อยให้ปรับตัว
The Svalbard Global Seed Vault ตั้งอยู่ในหมู่เกาะ Svalbard ของนอร์เวย์ ทำหน้าที่เก็บรักษาความหลากหลายทางชีวภาพของพืชพรรณทั่วโลก คลังรักษาเมล็ดพันธุ์แห่งนี้เริ่มเปิดทำการเมื่อปี 2008 และมีการรับฝากเมล็ดพันธุ์จากทั่วโลก โดยเฉพาะในปี2024 มีการฝากเมล็ดพันธุ์จำนวนมากที่สุดในรอบ 16 ปี เมล็ดพันธุ์ทั้งหมดจะถูกเก็บรักษาในถุงพิเศษที่ทนต่อความชื้นและเก็บในสภาพแวดล้อมอุณหภูมิต่ำถึง -18 องศาเซลเซียส เพื่อให้พืชอยู่ในสภาวะหลับใหลเป็นเวลานาน ด้วยเป้าหมายที่จะป้องกันการสูญพันธุ์ของพืชสำคัญจากภัยพิบัติ ภาวะโลกร้อน และโรคจากพืช แต่ภารกิจของคลังนี้ก็ก่อให้เกิดคำถามสำคัญว่าเราควรจะเน้นการรักษาพืชพันธุ์ที่มีอยู่ หรือปล่อยให้พืชปรับตัวและวิวัฒนาการตามธรรมชาติเพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลงของโลก
การวิวัฒนาการเป็นกระบวนการที่พืชและสิ่งมีชีวิตใช้ในการปรับตัวและพัฒนาคุณลักษณะที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง การปล่อยให้พืชวิวัฒนาการสามารถช่วยให้ได้พืชชนิดใหม่ที่ทนทานยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องอาศัยการแทรกแซงจากมนุษย์ และอาจสร้างพืชสายพันธุ์ใหม่ที่มีความยืดหยุ่นสูงขึ้น เช่นเดียวกับพืชบางชนิดที่มีความทนทานต่อภาวะสุดขั้วทางสภาพอากาศ เช่น พืชในทะเลทรายหรือพืชที่สามารถทนความเค็มได้ ซึ่งอาจเป็นอีกหนึ่งแนวทาง เพื่อให้การเก็บรักษาและวิวัฒนาการทำร่วมกันได้ การช่วยให้พืชวิวัฒนาการ หรือ Assisted Evolution เช่น การเลือกสายพันธุ์พืชที่ทนทานต่อสภาวะแวดล้อมใหม่ จะเป็นการผสมผสานระหว่างการรักษากับการปรับตัวไปพร้อม ๆ กัน อีกทางเลือกหนึ่งคือการปรับคลังเมล็ดพันธุ์ให้เป็นแบบไดนามิก (Dynamic Seed Vaults) โดยมีการเก็บรักษาทั้งสายพันธุ์ดั้งเดิมและสายพันธุ์ที่วิวัฒนาการใหม่ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ซึ่งจะสร้างความหลากหลายของตัวเลือกสำหรับอนาคตให้กับการเกษตร
แต่นอกเหนือการถกเถียงเชิงชีววิทยาเรื่องการควรเก็บหรือไม่ควร ในปี 2017 คณะผู้แทนเกษตรกรชาวเกชัว (Quechua) จากเทือกเขาแอนดิสในประเทศเปรู ได้เดินทางเพื่อนำเมล็ดพันธุ์มันฝรั่งพื้นเมืองที่คนในท้องที่เคารพบูชามาฝากยังคลัง ซึ่งพวกเขามองว่าคลังแห่งนี้เป็นผู้พิทักษ์ทั้งความหลากหลายทางชีวภาพ และมรดกทางวัฒนธรรม เชื่อมโยงทั้งวิทยาศาสตร์และมรดกทางจิตวิญญาณของมนุษยชาติ ซึ่งในต่อมาในปี 2018 ได้เกิดเป็นโปรเจคอย่าง Svalbard Seed Cultures Ark ที่เพิ่มมิติด้านการจัดเก็บงานศิลปะที่ยังมีหลักของแนวคิดที่เชื่อมโยงกับการเก็บรักษาเพื่ออนาคตในวันข้างหน้า