Baramizi Lab logo

Brand Future Scenario เครื่องมือพิฆาตความในใจของลูกค้าที่ได้ผลชะงัด

Brand Future Scenario
11
07.2025
view
413
SHARE

Brand Future Scenario เครื่องมือพิฆาตความในใจของลูกค้าที่ได้ผลชะงัด

ฉากทัศน์อนาคต หรือ Brand Future Scenario คือเครื่องมือ Magic ของกระบวนการวิจัยที่จะช่วยไขความลับความในใจของลูกค้าเป้าหมาย

ในระหว่างการบริหารธุรกิจ บริหารกลยุทธ์การตลาด ใครเคยรู้สึกติดๆ รู้สึกอยากได้เครื่องมือที่ล้วงเข้าไปในหัวใจของลูกค้าเป้าหมาย อยากสอบถามพวกเขาจังเลยว่าทำไมถึงทำพฤติกรรมอย่างนี้ไม่ทำอีกแบบนึง แล้วถ้าเราจะเสนออะไรใหม่ๆ จะให้เสนออะไรดีถึงจะหันกลับมาสนใจ

ยิ่งคิดก็ยิ่งคันหัวใจ ใครจะมาหาคำตอบให้ได้กันนะ แล้วจะหายังไงถึงจะล้วงเข้าไปถึงความในใจลึกๆ ของพวกเขาได้ วันนี้เราจะมาเฉลยหนึ่งในเครื่องมือพิฆาตสำหรับล้วงลึกความในใจของลูกค้าที่ชื่อว่า Brand Future Scenario กันค่ะ

ต่อเนื่องจากบทความฉบับที่แล้ว ที่ได้เล่าสู่กันฟังถึงกระบวนการวิจัยที่เรียกว่า Future Lab Research Methodology ซึ่งเป็นกระบวนการวิจัยที่เน้นการค้นหา “Unmet Needs” หรือความต้องการที่ซ่อนเร้น ความในใจของกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งหนึ่งในหัวใจสำคัญคือ การเข้าใจและมีสมมติฐานของปัญหา และมองเห็นโอกาสในการเสนอทางออกที่เป็นไปได้หลายๆ ทาง เจ้าเนื้องานของการมองเห็นโอกาสในการเสนอทางออกที่เป็นไปได้หลายๆ ทางนี่แหละ เราเรียกขั้นตอนนี้ว่า Brand Future Scenario Creation (ขั้นตอนการสร้างสรรค์ฉากทัศน์แห่งอนาคตของแบรนด์

Future Lab Research Methodology

ภาพ Future Lab Research Methodology

อ่านบทความ Future Lab Research: ถอดรหัสความในใจลูกค้า เพื่อธุรกิจที่ชนะในอนาคต

Brand Future Scenario คือ

ฉากทัศน์ที่เป็นไปได้ในอนาคตของแบรนด์ หรือคือ ไอเดียแก้ปัญหาที่น่าสนใจ ที่เราอยากได้ทดลองขายกับกลุ่มตัวอย่าง

ฉากทัศน์อนาคต เป็นได้มากกว่าแค่คอนเซปต์ของแบรนด์ ขึ้นอยู่กับโจทย์งานวิจัยที่เรากำลังค้นหา เช่น

  • ถ้าเราค้นหากลยุทธ์ Brand Transformation → ฉากทัศน์ก็ต้องเป็น ตัวตนของแบรนด์ในอนาคต

  • ถ้าเราค้นหา New Product Development → ฉากทัศน์ก็จะต้องเป็น เรื่องราวไอเดียของสินค้าใหม่

หรือถ้าเป็นการพัฒนา…

  • Service Design

  • Digital Platform

  • Retail Experience

  • Marketing Campaign

อยากจะค้นหาคำตอบเรื่องอะไร เราก็ต้องสร้าง ฉากทัศน์แห่งอนาคตของเรื่องนั้น ค่ะ

เดี๋ยวนี้ธุรกิจบางรายก็ใช้วิธีการนี้กับโจทย์ของการหา New Revenue Model และ New Innovation
การหาวิธีการเอา Innovation ใหม่เข้าตลาด ก็เป็นโจทย์ที่มีมาให้ท้าทายพวกเราอยู่เรื่อยเหมือนกันนะคะ

แล้วฉากทัศน์นี้หน้าตาเป็นยังไง?

ฉากทัศน์อนาคต มาในรูปแบบของ Core Idea ที่เราสร้างสรรค์ขึ้นมาว่า น่าจะเป็น Solution ในเรื่องนั้นๆ
ในอนาคตที่น่าสนใจและตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย

เมื่อคิดตรงนี้ได้อย่างพอใจและมั่นใจแล้ว
ไอเดียเหล่านั้น จึงจะถูกแปรสภาพเป็น เครื่องมือวิจัย Future Lab Research Tools
ที่มีรูปแบบที่หลากหลาย เลือกใช้ได้แบบไม่จำกัด โดยยึด โจทย์ และยึด คาแรกเตอร์ของกลุ่มเป้าหมาย เป็นศูนย์กลาง

Brand Future Scenario ที่ออกมาในรูปแบบ Research Tools มีหน้าตาอย่างไรบ้าง?

ตัวไฮไลท์สำคัญที่ขาดไม่ได้เลยจะมี 2 ตัวค่ะ คือ

[1] Collage Map

คลังภาพที่ซ่อนไอเดีย New Solution ที่เราอยากจะทดสอบเอาไว้ ให้กลุ่มเป้าหมาย Shopping สร้างสรรค์เป็น Ideal Brand หรือ แบรนด์ในอุดมคติของพวกเขา

Collage Map

ภาพตัวอย่าง Collage Map

[2] Brand Future Scenario Storyboard

บอร์ดภาพประกอบคำอธิบายแนวคิดที่เราอยากจะขายไอเดีย

Brand Future Scenario Storyboard

ภาพตัวอย่าง Brand Future Scenario Storyboard

2 ตัวนี้ประกบคู่กัน จะทำให้ได้ทั้ง ไอเดียเปิดกว้าง และ ข้อมูลปลายปิด เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายได้ เติมคำในช่องว่างด้วยตัวเอง และ เลือกอย่างชัดเจน ทำให้เราตีความผลได้กระจ่างชัดมากยิ่งขึ้นค่ะ

และยังมีเครื่องมือวิจัยอีกมากมาย เช่น…

  • Model Box ใช้สร้างบ้านในอุดมคติ (กรณีศึกษา: ที่อยู่อาศัยแห่งอนาคต)

  • A-B Test เพื่อตัดตัวเลือกและหาน้ำหนักของความสนใจ

  • VDO Present เพื่อเล่าเรื่องราวให้จับต้องได้

การจะเลือกใช้เครื่องมืออะไรดีนั้น
นักวิจัยจะมอง วัตถุประสงค์ และ ผลลัพธ์ที่ต้องการ เป็นตัวตั้ง
และออกแบบวิธีการที่จะได้มาซึ่งคำตอบเหล่านั้นอีกที

หลายครั้งก็อาจจะได้เครื่องมือแนวคิดใหม่ขึ้นมา เพราะมันเหมาะสมกับโจทย์และกลุ่มเป้าหมายมากกว่า
เราพอใจที่จะเปิดกว้างให้ทีมวิจัยได้ใส่ความคิดสร้างสรรค์ และอินไปกับกลุ่มเป้าหมายของพวกเขากันค่ะ

เครื่องมือ Brand Future Scenario Storyboard ประกอบด้วยอะไรบ้าง?

องค์ประกอบสำคัญของมันคือ:

  1. ชื่อของแนวคิด

  2. Caption บรรยายคุณลักษณะของแนวคิดนั้น

  3. Keywords กำกับ Mood and Tone (Optional)

  4. Execution Idea ที่ถ่ายทอดแนวคิดลงไปยังประสบการณ์ของแบรนด์ เช่น

    • ประสบการณ์ด้านสินค้า

    • ประสบการณ์ด้านการบริการ

    • ประสบการณ์ด้านบรรยากาศ

    • ประสบการณ์ด้านการสื่อสาร

Execution Idea

เท่านี้เป็นอันครบถ้วน ที่จะใช้เป็นเครื่องมือในการ เจาะ Insight ล้วงความในใจลูกค้า ได้แล้ว

💡 Tips: ต้องตรวจสอบน้ำหนักให้ชัดว่า “ไม่มีฉากทัศน์ไหนมีน้ำหนักมากกว่าอีกอัน” ไม่อย่างนั้นจะสร้าง Bias ให้กับผลลัพธ์โดยไม่รู้ตัวค่ะ

ต่อไปนี้เราจะมาชวนทุกคนร่วมมีส่วนร่วมกับการเลือกฉากทัศน์อนาคตของ Ideal Brand ที่จะทำให้คุณสนใจได้มากที่สุดกันร่วมกันนะคะ รอติดตามคอนเทนต์ชุด Brand Future Scenario Tools ได้เลย!

ทำไมต้อง Brand Future Scenario Tools?

เพราะ…

  • ลูกค้า เอ่ยสิ่งที่ตัวเองไม่เคยเห็นไม่ได้

  • และ ไม่ใช่หน้าที่ของพวกเขาที่จะคิดอะไรใหม่ๆ

ดังนั้น ถ้าเราไปถามพวกเขาตรงๆ ว่าอยากได้อะไร เราก็หวังอะไรใหม่ๆ จากพวกเขาไม่ได้มากนัก

เราต้อง ตั้งหลักให้แน่ใจว่า… มันเป็นหน้าที่ของฝั่งเรา ฝั่งนักคิด นักสร้าง นักพัฒนา ที่จะรังสรรค์อะไรใหม่ๆ ออกมา เพื่อผลักดันการใช้ชีวิตของพวกเขาให้ดีขึ้นและก้าวไปข้างหน้าเสมอ

เพราะธุรกิจยุคใหม่ ต้องมี Core Competency

คือ การสามารถประดิษฐ์คิดค้นนวัตกรรมได้ด้วยตัวเราเอง หมดยุคที่เราจะเพียง ซื้อมาขายไป หรือ ขายแต่ของที่เหมือนคนอื่น แม้จะขายของแบบเดียวกัน แต่ก็ต้อง ขายให้มีนวัตกรรมมากกว่า และนวัตกรรม ไม่ใช่แค่เทคโนโลยี แต่มันคือ “วิธีแก้ปัญหาที่เวิร์ค และ commercial ได้

ไม่ว่าแบรนด์เล็กหรือแบรนด์ใหญ่ ก็ทำได้คุณก็สามารถเป็นผู้นำเสนอนวัตกรรมใหม่เข้าสู่ตลาดเพื่อพัฒนาให้อุตสาหกรรม และชีวิตของผู้คนดียิ่งขึ้นกว่าเดิมได้เช่นกันค่ะ

ค่อยๆ เรียนรู้ไปด้วยกันนะคะการล้วงความในใจของลูกค้า ถ้าทำแบบเบื้องต้นเพื่อจุดประกายสร้างไอเดียใหม่ แบบที่ยังไม่ได้ใช้จำนวนกลุ่มตัวอย่างมากเกินไป

เจ้าของธุรกิจทุกคนก็สามารถทำได้ด้วยตัวเองนะคะ

เพราะ Baramizi Lab เองก็ได้เทรนนิ่งผู้ประกอบการมากมาย ให้ได้ลงมือทำวิจัยด้วยตัวเอง และได้ผลลัพธ์ไปพัฒนาธุรกิจจริง ทุกคนทำได้แน่นอน และ ทำเถอะค่ะ เรามาเรียนรู้และร่วมลงมือทำไปด้วยกัน

บทความโดย : ปรมา ทิพย์ธนทรัพย์ (Baramizi Lab Director)


บทความอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

RECOMMEND

10 Digital Marketing Trends 2026: การตลาดไทย
read more
05.12.2025 72

10 Digital Marketing Trends 2026: การตลาดไทย

ตลาดดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งในประเทศไทยปี 2026 กำลังเผชิญการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่ขับเคลื่อนโดยเทคโนโลยี AI พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป และความคาดหวังด้านความรวดเร็วและความเป็นส่วนตัวที่สูงขึ้น ประเทศไทยมีผู้ใช้อินเทอร์เน็ต 65.4 ล้านคน (91% ของประชากร) และผู้ใช้โซเชียลมีเดีย 56.6 ล้านคน (79.1% ของประชากร) โดยค่าใช้จ่ายโฆษณาดิจิทัลคาดว่าจะแตะ 34.5 พันล้านบาท (+10% YoY)​ บมความนี้สรุป 10 เทรนด์หลักที่นักการตลาดไทยต้องเข้าใจและปรับตัวให้ทันในปี 2026 ตั้งแต่การใช้ AI แบบ Agentic, การตลาดผ่าน Social Commerce, ไปจนถึงความสำคัญของ Sustainability และ Omnichannel Experience โดยแต่ละเทรนด์จะมีผลกระทบโดยตรงต่อกลยุทธ์การตลาดและการลงทุนของธุรกิจไทยในปีหน้า 1. Agentic AI Marketing: จาก Generative AI สู่ AI ผู้ช่วยที่แท้จริง ปี 2026 เป็นปีที่ AI จะก้าวจากเครื่องมือสร้างคอนเทนต์ (Generative AI) ไปสู่ “Agentic AI” ที่สามารถทำงานแทนมนุษย์ได้อย่างอัตโนมัติและชาญฉลาด AI ในปี 2026 จะไม่ใช่แค่ตอบคำถามหรือสร้างภาพ แต่จะสามารถวางแผนแคมเปญ วิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า ปรับกลยุทธ์แบบเรียลไทม์ และดำเนินการตั […]

NEO Luxury Trend
read more
02.12.2025 95

NEO Luxury Trend
ความหรูยุคใหม่ไม่ใช่แค่สิ่งของ
แต่คือประสบการณ์

ความหรูยุคใหม่ไม่ใช่ “ของ” แต่คือ “ประสบการณ์ คุณค่า และความหมาย” โลกของ Luxury กำลังเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วในปี 2025 ไม่ได้ถูกนิยามด้วยโลโก้หรือสัญลักษณ์สถานะอีกต่อไป แต่สะท้อนถึงความ เข้าใจตัวตน คุณค่าชีวิต และความตั้งใจในการเลือกบริโภค (Intentional Consumption) มากกว่าที่เคย ผู้บริโภคกลุ่ม Luxury โดยเฉพาะ Millennials และ Gen Z ไม่ได้มองความหรูในฐานะการแสดงความมั่งคั่ง แต่มองว่า Luxury คือ “คุณภาพของชีวิต” และ “ประสบการณ์ที่มีความหมาย” ที่พวกเขาเลือกลงทุนอย่างตั้งใจ ทำให้เกิดแนวคิด NEO Luxury – New Luxury Paradigm ที่ผสมผสานความยั่งยืน เทคโนโลยี ประสบการณ์เฉพาะบุคคล และหัตถศิลป์เข้าด้วยกัน บทความนี้จะพาไปสำรวจ 5 หลักการสำคัญที่กำลังกำหนดความหมายใหม่ของ Luxury ในปี 2025 1. Quiet Luxury: ความหรูหราแบบเงียบ ๆ ที่ซ่อนความเข้าใจลึกซึ้งในคุณภาพ Quiet Luxury กลายเป็นตัวแทนของความหรูยุคนี้อย่างแท้จริง เพราะผู้บริโภคไม่ได้ต้องการประกาศความร่ำรวย แต่ต้องการสินค้าที่มีคุณภาพสูง ใช้งานได้นาน และบ่งบอกตัวตนกับคนที่ “เข้าใจจริง” ลักษณะเด่นของ Quiet Luxury คุณภาพเหนือปริมาณ: เลือกสินค้าชิ้นสำคัญแทนกา […]

read more
19.11.2025 718

ความมืดเริ่มเป็นความงามใหม่

สำรวจ ‘ความมืด’ ในฐานะเฉดใหม่ของการออกแบบโลกประสบการณ์ ในอดีต “ความมืด” มักถูกผูกกับภาพของความกลัว, ภัยอันตราย หรือสิ่งที่เรามองไม่เห็น แต่ในยุคที่ผู้คนเริ่มโหยหาความสงบ พื้นที่ปลอดภัยทางใจ และประสบการณ์ที่แตกต่างไปจากชีวิตประจำวัน “ความมืด” กำลังถูกตีความใหม่ให้กลายเป็นทรัพยากรทางวัฒนธรรมและทางธุรกิจที่ทรงพลัง กรอบคิดว่าด้วยการใช้ความมืดเป็นแกนกลางในการออกแบบประสบการณ์และรูปแบบธุรกิจ (Dark Experience) Dark Experience คือแนวคิดของธุรกิจที่ใช้ “ความมืด” เป็นหัวใจของการออกแบบประสบการณ์ ไม่ใช่เพื่อทำให้ผู้คนหวาดกลัว แต่เพื่อ “มองเห็น” สิ่งที่สำคัญกว่าเดิม ทั้งตัวเอง ธรรมชาติ และเรื่องราวที่เคยถูกกลบอยู่ในเงามืดของสังคม สาระสำคัญของ Dark Experience Business คือการใช้ความมืดเป็น “เครื่องมือในการออกแบบประสบการณ์” แทนที่จะใช้แสงและสิ่งเร้าเข้มข้นแบบที่ธุรกิจยุคก่อนมักใช้ดึงความสนใจผู้บริโภค สังคมปัจจุบันกำลังเผชิญกับปัญหา Overstimulation อย่างหนัก ทั้งจากแสงไฟ เมือง 24 ชั่วโมง และหน้าจอที่อยู่ใกล้ตัวตลอดเวลา ทำให้สมองแทบไม่เคยได้พักจากการประมวลผล สิ่งต่างๆ เหล่านี้สะสมเป็นความล้าโดยไม่รู้ตัว […]

read more
21.11.2025 615

7 Key Economic Trends จาก The Standard Economic Forum 2025

งาน The Standard Economic Forum 2025 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 5–7 พฤศจิกายน 2568 ในธีม “Thailand’s Next Frontier” รวบรวมผู้นำระดับโลก นักเศรษฐศาสตร์ และผู้กำหนดนโยบายกว่า 100 คน เพื่อหารือเกี่ยวกับการปฏิรูปเศรษฐกิจไทย ภายในงานมีการเน้น 3 ความท้าทายหลัก (3D Challenges) ก่อนเข้าสู่เทรนด์เฉพาะทาง ได้แก่ 3D Challenges ก่อนที่จะเจาะลึกในเทรนด์เฉพาะ มาทำความเข้าใจภาพรวมที่กว้างขึ้นก่อน ผู้นำธุรกิจไทยได้ระบุถึง “3 ความท้าทาย Digitalization (การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล) เทคโนโลยีไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป แต่เป็นรากฐานของการแข่งขัน เศรษฐกิจดิจิทัลมีสัดส่วนคิดเป็น 15.5% ของ GDP โลกแล้ว โดย 70% ของมูลค่าใหม่ทั่วโลกคาดว่าจะถูกสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์มดิจิทัลในทศวรรษหน้า Deglobalization (การทวนกระแสโลกาภิวัตน์)  โลกกำลังแตกออกเป็นส่วนๆ จากความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ จีน และพันธมิตร ไทยต้องวางตำแหน่งตัวเองใน “จุดยืนที่เป็นกลางทางภูมิรัฐศาสตร์” (Geopolitical Neutral Position) และ “ผู้สร้างสมดุลอย่างสร้างสรรค์” (Creative Balancer) เพื่อใช้ประโยชน์จากที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ […]

read more
03.11.2025 646

“Gartner” เปิด 10 เทรนด์เทคโนโลยีเปลี่ยนโฉมธุรกิจปี 2569

ในปี 2569 จะเป็นปีที่สำคัญต่อผู้นำด้านเทคโนโลยีที่ต้องเผชิญกับการหยุดชะงัก นวัตกรรม ไปจนถึงความเสี่ยงที่ขยายตัวรวดเร็วอย่างที่ไม่เคยพบมาก่อน เทรนด์เทคโนโลยีทั้งหมดในปีหน้าจะเชื่อมโยงกับโลกที่ขับเคลื่อนด้วย AI (AI-driven world) และเชื่อมต่อกัน ตลอดเวลา ซึ่งองค์กรธุรกิจต้องขับเคลื่อนนวัตกรรมอย่างมีความรับผิดชอบ ดำเนินงานด้วยความเป็นเลิศ และสร้างความไว้วางใจทางดิจิทัลไปพร้อมกัน ผู้นำองค์กรต้องเผชิญกับ การหยุดชะงัก (Disruption) นวัตกรรม และความเสี่ยงที่ขยายตัวรวดเร็ว 10 เทรนด์เทคโนโลยีสำคัญแห่งปี 2569 1. AI Supercomputing Platforms  AI Supercomputing Platforms (แพลตฟอร์ม AI ซูเปอร์คอมพิวติ้ง) เป็นการรวมพลังของ CPU, GPU, ชิป AI ASICs และการประมวลผลแบบนิวโรมอร์ฟิก (จำลองสมองมนุษย์) ช่วยให้องค์กรจัดการงานที่ซับซ้อนมหาศาล ปลดล็อกประสิทธิภาพและนวัตกรรม ต้องอาศัย Orchestration Software เพื่อจัดการเวิร์กโฟลว์ที่ซับซ้อนโดยอัตโนมัติ คาดการณ์ว่าภายในปี 2571 องค์กรชั้นนำ 40% จะใช้สถาปัตยกรรม Hybrid Computing (เพิ่มจาก 8% ในปัจจุบัน) ตัวอย่างการใช้งาน: คิดค้นยาใหม่ในไม่กี่สัปดาห์ (แทนที่จะใช้เวลาหลายป […]

Subscription

เพื่อรับข้อมูลเกี่ยวกับความรู้เทรนด์และวิจัยต่อเนื่อง