Baramizi Lab logo

รู้จัก 9 เทรนด์ จากศาสตร์ “LIFESTYLE MEDICINE” ในยุคที่ผู้คนหันมาใส่ใจสุขภาพเชิงป้องกันจากปรับวิถีชีวิต

รู้จัก 9 เทรนด์ จากศาสตร์ “LIFESTYLE MEDICINE” ในยุคที่ผู้คนหันมาใส่ใจสุขภาพเชิงป้องกันจากปรับวิถีชีวิต

การดูแลสุขภาพที่เน้น “ป้องกัน” ไว้ก่อน..ดีกว่ามา “รักษา” ทีหลัง กำลังเป็นแนวคิดที่นิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากกระแสความต้องการด้านการดูแลแบบครบองค์รวม (Holistic Wellness) ที่ให้ความสำคัญทั้งร่างกาย จิตใจ อารมณ์ไปพร้อมกัน รวมถึงความต้องการที่จะลดอัตราการป่วยของโรคเรื้อรังต่าง ๆ ที่เกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่ดีทั้งหลายของเรา จึงทำให้ Lifestyle Medicine เป็นหนึ่งในศาสตร์การป้องกันที่น่าจับตามองในอนาคต

Lifestyle Medicine เป็นแนวคิดของการปรับวิถีชีวิตที่ไม่ได้อาศัยแค่ความร่วมมือของแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเพียงอย่างเดียว หากแต่ต้องอาศัยที่ตัวเราเองด้วยเช่นกันในการที่จะทำให้การปรับและเปลี่ยนพฤติกรรมในทั้ง 6 องค์ประกอบ ให้ดูแลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ต่อเนื่องและยั่งยืน

ซึ่งได้แก่ 1.การมีโภชนาการที่ดี 2.การออกกำลังกายสม่ำเสมอ 3.การจัดการกับความเครียดและอารมณ์ 4.การนอนหลับที่มีคุณภาพ 5.ความสัมพันธ์ต่อผู้คนรอบข้าง 6.การหลีกเลี่ยงสารอันตราย บุหรี่และแอลกอฮอลล์.

โดยการให้ความสำคัญกับการดูแลองค์ประกอบเหล่านี้ในชีวิต ทำให้ศาสตร์ทางการแพทย์อย่าง “Lifestyle Medicine” หรือ “เวชศาสตร์วิถีชีวิต” มีแนวโน้มที่จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในหลายมิติชีวิตของผู้คนและสังคมมากขึ้น

เริ่มตั้งแต่ช่วยให้ผู้คนสามารถปรับพฤติกรรม เพื่อให้ห่างไกลโรค ไปจนถึงช่วยลดภาระของระบบสนับสนุนบริการทางการแพทย์ในสังคม จากโอกาสที่จะช่วยทำให้ผู้คนสามารถหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากการเป็นโรคเรื้อรังต่าง ๆ  เช่น โรคเบาหวาน โรคหลอดเลือด โรคหัวใจ ซึ่งเป็นกลุ่มโรคที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ให้ข้อมูลว่าปัจจัยหนึ่งของการเกิดโรคเหล่านี้เป็นผลมาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่เหมาะสมของเราเอง ตั้งแต่ทานอาหารที่ไม่ดี, การขาดการเคลื่อนไหวร่างกาย, การสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงเรื่องของความเครียด

ทางข้อมูลจาก Global Wellness Institute (GWI) ได้ทำการคาดการณ์แนวโน้มเทรนด์แห่งอนาคต ที่เป็นผลเกี่ยวข้องกับการปรับและดูแล WELLBEING LIFESTYLE มาได้ทั้งหมด 9 เทรนด์ ได้แก่

1. Personalized Lifestyle Medicine: การดูแลวิถีชีวิตเฉพาะบุคคล 

ความก้าวหน้าในการตรวจประเมินทางชีวภาพ (Biomarkers) และกลยุทธ์การขับเคลื่อนด้วยข้อมูลที่แม่นยำ (Data-Driven) จะช่วยทำให้เกิดประสิทธิภาพต่อการแพทย์มากขึ้น โดยสามารถช่วยในการพิจารณาลักษณะทางพันธุกรรม นิสัยการใช้ชีวิต และสถานะสุขภาพของคนไข้แต่ละบุคคล ซึ่งตอบโจทย์ความแตกต่างของแต่ละบุคคลมากที่สุด

2.Technology and Digital Health: นวัตกรรมเทคโนโลยีและดิจิทัลที่เกี่ยวข้องกับด้านสุขภาพ

เหล่า Personal Devices อุปกรณ์สวมใส่ แอปพลิเคชัน รวมถึงโปรแกรมพัฒนาทักษะให้ความรู้ทางออนไลน์ จะยังคงถูกพัฒนามากยิ่งขึ้นและต่อเนื่องเพื่อแก้ปัญหา ติดตาม และสนับสนุนให้การปรับพฤติกรรมมีความต่อเนื่องและเห็นผลลัพธ์ที่ดี ถือเป็นแนวโน้มที่เกิดขึ้นมาสนับสนุนเทรนด์ในเรื่อง Personalized Lifestyle Medicine ได้อย่างชัดเจน

3.Collaborative Care: การดูแลโดยร่วมมือจากทีมสหวิชาชีพ 

เวชศาสตร์การใช้ชีวิตเป็นสาขาสหสาขาวิชาชีพที่ต้องการความร่วมมือระหว่างผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพ นักโภชนาการ นักกายภาพบำบัด ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต และผู้เชี่ยวชาญอื่นๆ การบูรณาการที่มากขึ้นระหว่างสาขาวิชาเหล่านี้ถูกคาดหวังให้พัฒนามากยิ่งขึ้น เพื่อการมอบแนวทางด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีแบบองค์รวมของผู้คนในสังคม

4.Workplace Wellness: การให้ความสำคัญกับความเป็นอยู่ดีในที่ทำงาน

โปรแกรมสุขภาพที่ดีในออฟฟิศจะถูกพัฒนาต่อเนื่องและมีความเฉพาะตัวมากขึ้น จากสาเหตุของโรคภัยเรื้อรังที่เพิ่มมากขึ้น รวมถึงค่ารักษาพยาบาลที่สูงขึ้น องค์กรทั้งหลายจึงลงทุนด้านสุขภาพในสถานที่ทำงานเพื่อส่งเสริมวิถีชีวิตที่มีสุขภาพดี เพื่อป้องกันโรคเรื้อรังในกลุ่มพนักงาน

5.Social Determinants of Health and Health Equity: ปัจจัยสังคมกำหนดสุขภาพและความเสมอภาคทางสุขภาพ

ปัจจัยที่กำหนดทางสังคมของสุขภาพ เช่น ความยากจน ที่อยู่อาศัย การศึกษา และการเข้าถึงอาหารเพื่อสุขภาพและการออกกำลังกาย เป็นเรื่องที่ทางเวชศาสตร์วิถีชีวิต Lifestyle Medicine ต้องเกี่ยวข้องและจัดการอยู่แล้ว เพราะโรคเรื้อรังหลายชนิด เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน และโรคอ้วน ส่วนใหญ่สามารถป้องกันได้โดยการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต

ศาสตร์นี้จึงเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการส่งเสริมเพื่อให้เกิดความเท่าเทียมด้านสุขภาพและลดความเหลื่อมล้ำด้านสุขภาพ เพราะทำให้ทุกคนได้รับการเข้าถึงทรัพยากรและโอกาสที่จำเป็นสำหรับการมีสุขภาพที่ดี โดยไม่ต้องคำนึงถึงเชื้อชาติ สถานะทางเศรษฐกิจและสังคม หรือปัจจัยอื่น ๆ ที่อาจส่งผลต่อผลลัพธ์ด้านสุขภาพ จากการส่งเสริมให้คนเข้าถึงเครื่องมือและความรู้ต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อการมีสุขภาพที่ยั่งยืน

6.The Military and Lifestyle Medicine: เวชศาสตร์วิถีชีวิตกับการทหาร

เวชศาสตร์วิถีชีวิตมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาสุขภาพและความพร้อมของเหล่ากำลังพลทหารและสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาลในกองทัพได้.

โดยกรณีตัวอย่าง:  กองทัพสหรัฐฯ ได้นำโมเดลนี้มาใช้เพื่อมุ่งเน้นไปที่การปรับปรุงการนอนหลับ กิจกรรม และโภชนาการ ส่งผลต่อการเพิ่มความพร้อมและประสิทธิภาพของทหาร 

– กองทัพเรือสหรัฐฯ มีโครงการที่คล้ายกันที่เรียกว่า Navy Operational Fitness and Fueling System (NOFFS) ซึ่งจัดหาทรัพยากรและคำแนะนำแก่กะลาสีเรือในด้านโภชนาการ การออกกำลังกาย และการป้องกันการบาดเจ็บ

– กองทัพยังตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพจิตซึ่งได้ดำเนินโครงการออกกำลังกายสำหรับทหารและครอบครัว เพื่อส่งเสริมความยืดหยุ่นและความเป็นอยู่ที่ดีทางอารมณ์

– นอกจากนี้การศึกษาชิ้นหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสาร Military Medicine พบว่าการสอดแทรกรูปแบบการใช้ชีวิต เช่น โปรแกรมการควบคุมน้ำหนักและการออกกำลังกาย สามารถนำไปสู่การลดค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาลและปรับปรุงความพร้อมได้อย่างมาก

7.Lifestyle Medicine in Education: เวชศาสตร์วิถีชีวิตในระบบการศึกษา

การพัฒนาเวชศาสตร์วิถึชีวิตในด้านการศึกษาอาจเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพต่อการส่งเสริมความเท่าเทียมด้านสุขภาพ โดยอาศัยวิธีการให้ความรู้และทักษะที่จำเป็นแก่นักเรียนเพื่อให้ใช้ในการตัดสินใจเลือกวิถีชีวิตที่มีสุขภาพดี 

-โดยกรณีตัวอย่าง:

– การพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอน: โรงเรียนและมหาวิทยาลัยสามารถพัฒนาหลักสูตรที่เป็นองค์รวมด้าน Lifestyle Medicine ทั้งหมดได้ โดยอาจจะครอบคลุมหัวข้อต่างๆ เช่น การรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ การออกกำลังกาย การจัดการความเครียด และการสนับสนุนทางสังคม และยังสามารถสอนนักเรียนเกี่ยวกับความเชื่อมโยงระหว่างปัจจัยการดำเนินชีวิตและโรคเรื้อรังให้เข้าใจเพิ่มมากขึ้นได้ด้วย

– การฝึกอบรมสำหรับนักการศึกษา: การฝึกอบรมเพื่อนำ Lifestyle Medicine มาสามารถช่วยส่งเสริมพฤติกรรมที่ดีต่อสุขภาพในหมู่นักเรียน และเป็นตัวอย่างการเลือกรูปแบบการใช้ชีวิตที่ดีต่อสุขภาพได้

– การบูรณาการเข้ากับหลักสูตรที่มีอยู่: Lifestyle Medicine สามารถบูรณาการเข้ากับหลักสูตรที่มีอยู่ได้ เช่น ชีววิทยา สุขศึกษา และพลศึกษา สิ่งนี้สามารถช่วยให้นักเรียนเข้าใจว่าปัจจัยการดำเนินชีวิตส่งผลต่อสุขภาพและความเป็นอยู่ได้อย่างไร

– การวิจัยและการประเมินผล: โรงเรียนและมหาวิทยาลัยสามารถทำการทดลองใช้ Lifestyle Medicine และประเมินประสิทธิผลได้ ซึ่งสิ่งนี้สามารถช่วยทำให้เกิดความต่อเนื่องและยั่งยืนต่อการปรับพฤติกรรม 

8.Lifestyle Medicine in Healthcare Systems: เวชศาสตร์วิถีชีวิตในระบบการบริการดูแลสุขภาพ

การนำโปรแกรมเวชศาสตร์วิถีการดำเนินชีวิตมาใช้ในระบบสุขภาพอย่างต่อเนื่องจะมีประโยชน์อย่างมากสำหรับทั้งผู้ป่วยและผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพ เพราะสามารถช่วยส่งเสริมให้เกิดความเท่าเทียมด้านสุขภาพได้จากการให้ความรู้และข้อมูลที่ถูกต้องของการเลือกใช้ชีวิตอย่างมีสุขภาพดี ซึ่งจะทำให้ทุกคนห่างไกลโรคมากขึ้น เท่าเทียมด้านสุขภาพมากขึ้นจากการมีองค์ความรู้เหล่านี้ที่สามารถลดค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาลได้

– โดยกรณีตัวอย่างที่อาจทำได้:

– การสนับสนุนให้ความรู้แก่ผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพให้ได้รับการฝึกอบรมเกี่ยวกับวิธีการให้การรักษาด้านเวชศาสตร์วิถีชีวิตแก่ผู้ป่วย

– บูรณาการเข้ากับการดูแลทางคลินิกโดยผสมผสานกับการประเมินสุขภาพตามปกติและแผนการรักษา 

– การพัฒนาโปรแกรม Lifestyle Medicine : ระบบสุขภาพสามารถพัฒนาโปรแกรมทั้งรายบุคคลและกลุ่ม ให้สามารถปรับได้เหมาะกับความต้องการของกลุ่มผู้ป่วยเฉพาะ เช่น ผู้ป่วยโรคเบาหวานหรือโรคหัวใจ

– การใช้เครื่องมือด้านสุขภาพแบบดิจิทัล : สามารถใช้เพื่อสนับสนุน Lifestyle Medicine ได้ เช่น แอปพลิเคชันบนอุปกรณ์ที่ช่วยให้ผู้ป่วยติดตามการออกกำลังกายหรือการรับประทานอาหารได้

– ระบบสุขภาพสามารถร่วมมือกับองค์กรชุมชนเพื่อส่งเสริมวิถีชีวิตที่มีสุขภาพดี ตัวอย่างเช่น ทำงานร่วมกับตลาดเกษตรกรในท้องถิ่นเพื่อจัดหาอาหารเพื่อสุขภาพ หรือร่วมมือกับศูนย์ออกกำลังกายเพื่อเสนอส่วนลดค่าสมาชิกยิม

– การประเมินผลลัพธ์: ระบบสุขภาพควรประเมินผลลัพธ์เพื่อพิจารณาประสิทธิผล และรับประกันได้ว่าจะมีการดำเนินการต่อเนื่อง 

9.New Research in Lifestyle Medicine: การพัฒนางานวิจัยที่เกี่ยวข้องด้านเวชศาสตร์วิถีชีวิต

ปัจจุบันงานวิจัยใหม่ด้านเวชศาสตร์วิถีชีวิตกำลังค้นหาว่าวิธีการดำเนินชีวิตสามารถนำมาใช้ในการป้องกันและรักษาโรคเรื้อรังและส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่โดยรวมได้อย่างไรบ้าง จากการทำความเข้าใจกลไกที่การแทรกอยู่ในทุกรูปแบบของการใช้ชีวิต ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถพัฒนาและเข้าใจรูปแบบเหล่านั้นอย่างประสิทธิภาพมากขึ้น และสามารถช่วยส่งเสริมความเท่าเทียมด้านสุขภาพด้วยเช่นกัน

 

Key Takeaway

ทั้ง 9 เทรนด์เหล่านี้ เกิดขึ้นจากแนวโน้มความต้องการของผู้คนและสังคมปัจจุบันที่ให้ความสำคัญ กับการดูแลให้มีสุขภาวะที่ดีในทุกมิติ เริ่มตั้งแต่ (1) การให้ความสำคัญที่ตนเอง โดยการปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมทุกมิติ (2) การให้องค์ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง (3) การ R&D เพื่อหาแนวทางใหม่ ๆ (4) การกำหนดนโยบายที่เหมาะสม.

ซึ่งเหล่านี้ก็เป็นเรื่องที่ต้องสนับสนุนและผลักดันให้ “การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม กลายเป็น…ยา” เข้าไปอยู่ในชีวิตของผู้คนอย่างทำได้จริง มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน รวมถึงยังสามารถทำให้เกิดเป็นโอกาสของภาคธุรกิจที่ทุกคนเลือกจุดยืนได้ว่าธุรกิจของเรามีโอกาสที่จะอยู่ส่วนไหนในขั้นการพัฒนาเหล่านี้ได้บ้าง

เรียบเรียง: กรภัทร คงโชคชัย

แหล่งอ้างอิง

https://globalwellnessinstitute.org/…/medical-wellness…/

https://www.bdmswellness.com/knowledge/lifestyle-medicine

https://www.bdmswellness.com/…/6-healthy-lifestyles-as…

https://www.bdmswellness.com/…/what-is-preventive-medicine

https://www.bangkokbiznews.com/health/well-being/1117939

https://www.sdgmove.com/…/social-determinants-of…/

หนังสือ Future Trend Ahead 2024

#Lifestylemedicine #Health #baramizilab

RECOMMEND

Plant Extinction Freeze or Force_BaramiziLab
read more
16.12.2024 31

อนาคตถ้าพืชจะสูญพันธุ์ เราเลือกเก็บ หรือปล่อยให้ปรับตัว

INNOVATION UPDATE: Plant Extinction Freeze or Force: อนาคตถ้าพืชจะสูญพันธุ์ เราเลือกเก็บ หรือปล่อยให้ปรับตัว The Svalbard Global Seed Vault ตั้งอยู่ในหมู่เกาะ Svalbard ของนอร์เวย์ ทำหน้าที่เก็บรักษาความหลากหลายทางชีวภาพของพืชพรรณทั่วโลก คลังรักษาเมล็ดพันธุ์แห่งนี้เริ่มเปิดทำการเมื่อปี 2008 และมีการรับฝากเมล็ดพันธุ์จากทั่วโลก โดยเฉพาะในปี2024 มีการฝากเมล็ดพันธุ์จำนวนมากที่สุดในรอบ 16 ปี เมล็ดพันธุ์ทั้งหมดจะถูกเก็บรักษาในถุงพิเศษที่ทนต่อความชื้นและเก็บในสภาพแวดล้อมอุณหภูมิต่ำถึง -18 องศาเซลเซียส เพื่อให้พืชอยู่ในสภาวะหลับใหลเป็นเวลานาน ด้วยเป้าหมายที่จะป้องกันการสูญพันธุ์ของพืชสำคัญจากภัยพิบัติ ภาวะโลกร้อน และโรคจากพืช แต่ภารกิจของคลังนี้ก็ก่อให้เกิดคำถามสำคัญว่าเราควรจะเน้นการรักษาพืชพันธุ์ที่มีอยู่ หรือปล่อยให้พืชปรับตัวและวิวัฒนาการตามธรรมชาติเพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลงของโลก การวิวัฒนาการเป็นกระบวนการที่พืชและสิ่งมีชีวิตใช้ในการปรับตัวและพัฒนาคุณลักษณะที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง การปล่อยให้พืชวิวัฒนาการสามารถช่วยให้ได้พืชชนิดใหม่ที่ทนทานยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องอาศัยการแทรกแซง […]

BaramiziLab_ResearchForBusiness
read more
09.12.2024 52

แนวคิดอนาคตของการเรียนรู้ภูมิปัญญา

INNOVATION UPDATE : School of Wisdom: ภูมิปัญญาที่ซับซ้อน สอนกันได้หรือไม่? อนาคตที่ปัญญาประดิษฐ์ และระบบอัตโนมัติมีความก้าวหน้ามากขึ้น คาดว่างานหลายล้านตำแหน่ง โดยเฉพาะงานด้านการบริหาร จะหายไปภายในปี 2027 ภาระงานที่ใช้การทำซ้ำหรือใช้ข้อมูล จะถูกทดแทนด้วยเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพ แล้วสิ่งใดคืออาวุธของมนุษย์ในการต่อสู้กับตลาดเเรงงานที่มีคู่แข่งหน้าใหม่เหล่านี้ สิ่งนั่นคือ ภูมิปัญญา (Wisdom) ซึ่งแตกต่างจากความรู้ (Knowledge) หรือสติปัญญา (Intelligence) ภูมิปัญญาเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจทางจริยธรรม ความเห็นอกเห็นใจ และการตัดสินใจที่ซับซ้อน ซึ่งเป็นทักษะที่ปัญญาประดิษฐ์เลียนแบบได้ยาก (หรืออาจได้ในอนาคตอันใกล้) เพื่อตอบสนองต่อความต้องการนี้ แนวคิดของ “โรงเรียนแห่งภูมิปัญญา” จึงเกิดขึ้น การศึกษาที่เน้นภูมิปัญญาจะปลูกฝังการใช้เหตุผลทางจริยธรรม ความตระหนักทางวัฒนธรรม และสติปัญญาทางอารมณ์ เพื่อเตรียมนักเรียนให้เผชิญกับความท้าทายในโลกแห่งความเป็นจริงด้วยความเข้าใจ และความยืดหยุ่น การนำเครื่องมือดิจิทัล เช่น การจำลองด้วย AI, VR มาใช้ ซึ่งจะทำให้ผู้เรียนได้ประสบการณ์เสมือนจริงในสถานการณ […]

read more
25.11.2024 57

ทรัมป์ 2.0 กับความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมโลก

หลังจากการเลือกตั้งประธานธิบดีประเทศสหรัฐอเมริกา โลกได้รู้ว่าผู้นำคนต่อไปของประเทศพี่ใหญ่ของโลก คือ โดนัล ทรัมป์ การหวนคืนทำเนียบขาวเป็นสมัยที่ 2 ของ โดนัลด์ ทรัมป์ นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงด้านนโยบายของประเทศสหรัฐอเมริกาในหลายด้าน ทั้ง เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม แน่นอนว่าการขยับตัวของประเทศมหาอำนาจอันดับหนึ่งของโลกย่อมสะเทือนไปทั้งโลก วันนี้เราจะมารีวิวหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงสำคัญคือด้านสิ่งแวดล้่อม วิกฤตสภาพภูมิอากาศและนโยบายทางด้านเศรษฐกิจสีเขียวของสหรัฐอเมริกา เป็นหนึ่งในประเด็นที่อาจได้เห็นความเปลี่ยนแปลงทางนโยบายจากการเป็นประธานาธิบดีอีกสมัยของทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ผู้นี้เคยบอกว่าความพยายามในการส่งเสริมพลังงานสีเขียวเป็น “การหลอกลวง” มีการคาดการณ์ว่า โดนัลด์ ทรัมป์ จะพาสหรัฐฯ ถอนตัวออกจาก “ข้อตกลงปารีส” (Paris Agreement) ซึ่งเป็นสนธิสัญญาระหว่างประเทศที่มีผลผูกพันทางกฎหมายเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งทรัมป์เองเคยออกจากข้อตกลงปารีสในการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยแรก ข้อตกลงปารีสจัดทำขึ้นเมื่อปี 2015 มีเป้าหมายเพื่อควบคุมการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกให้ต่ำ […]

read more
29.10.2024 258

แนวโน้มเทรนด์สวนสัตว์ ประจำปี 2025

ในช่วงที่ผ่านมา กระแส “หมูเด้ง” ลูกฮิปโปแคระจากสวนสัตว์เปิดเขาเขียว เป็นที่นิยมสูงมาก โด่งดังเป็นปรากฏการณ์ระดับโลก และมีแฟนๆ พร้อมต่อคิวเพื่อไปเห็นหมูเด้งตัวเป็นๆ วันนี้ผู้เขียนจะมาชวนผู้อ่านทุกท่านไปพบกับเทรนด์ของการออกแบบสวนสัตว์ในปี 2025 ว่าจะมีแนวโน้มเป็นอย่างไรในอนาคต เมื่อเรามองตลาดสวนสัตว์ในภาพรวมระดับโลก ตลาดซึ่งรวม ธุรกิจพิพิธภัณฑ์ แหล่งประวัติศาสตร์ สวนสัตว์ และสวนสาธารณะ รวมกันแล้วประมาณการมีมูลค่า 24.93 พันล้านดอลล่าสหรัฐ ในปี 2024 และคาดการณ์ว่าในปี 2029 จะมีมูลค่า 52.06 พันล้านดอลล่าสหรัฐ ด้วยอัตราการเติบโตทบต้นอยู่ที่ 15.88% แนวโน้มของสวนสัตว์ในปี 2025 คาดว่าจะสะท้อนถึงการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยี การอนุรักษ์ และความคาดหวังของผู้เข้าชมที่พัฒนาไป สวนสัตว์ยุคใหม่จะเน้นด้านการศึกษา การอนุรักษ์สัตว์ป่า และประสบการณ์เชิงโต้ตอบมากกว่าการจัดแสดงแบบดั้งเดิม ซึ่งมีแนวโน้มสำคัญที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในปี 2025 ดังนี้: 1. ประสบการณ์ดิจิทัลเสมือนจริง (Immersive Digital Experiences) สวนสัตว์นำเทคโนโลยี AR และ VR เข้ามาใช้เพื่อสร้างประสบการณ์ที่น่าดื่มด่ำมากขึ้น ให้ผู้เข้าชมได้พบปะกับสัตว์ท […]

วิจัยบารามีซี่ แล็บ
read more
28.10.2024 115

เมื่อความฟิต เรากินได้

Fitness is Edible: เมื่อความฟิต เรากินได้ ผู้คนจำนวนมากขึ้นกำลังมองหาวิธีที่สะดวกสบายในการรักษาสุขภาพโดยไม่ต้องเสียเวลาไปกับการออกกำลังกายแบบเดิมๆ สอดคล้องกับกระแสสำคัญในอุตสาหกรรมการดูแลสุขภาพ ศูนย์วิจัยเทรนด์และคอนเซปต์แห่งอนาคตบารามีซี่ แล็บ ได้ศึกษาหาข้อมูลพบว่า ตลาดการดูแลสุขภาพทั่วโลกซึ่งปัจจุบันมีมูลค่ามากกว่า 1.8 ล้านล้านดอลลาร์ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว เนื่องจากผู้คนจำนวนมากขึ้นแสวงหาผลิตภัณฑ์ และบริการที่ช่วยให้การดูแลสุขภาพเป็นเรื่องง่าย และเข้าถึงได้มากขึ้น การจัดการน้ำหนักเป็นพื้นที่สำคัญในภาคส่วนนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการคาดการณ์ว่าประชากรมากกว่าครึ่งหนึ่งของโลกอาจมีน้ำหนักเกินภายในปี 2035 ส่งผลให้ยาลดน้ำหนัก และอาหารเสริมได้รับความสนใจเพิ่มมากขึ้น อนาคตเริ่มชัดเจนขึ้นเมื่อนักวิทยาศาสตร์จาก Aarhus University ในประเทศเดนมาร์ก ได้พัฒนาตัวยาที่จำลองการเผาผลาญเทียบเท่าการวิ่งระยะ 10 กิโลเมตรได้ หรือจะเรียกว่า “ยาออกกำลังกาย” ภายในบรรจุโมเลกุลที่เรียกว่า ‘LaKe’ ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างแลคเตต (Lactates) และคีโตน (Ketones) ที่เกิดขึ้นระหว่างการออกกำลังกา […]

Subscription

เพื่อรับข้อมูลเกี่ยวกับความรู้เทรนด์และวิจัยต่อเนื่อง