Baramizi Lab logo

แนวโน้ม Trend สำคัญของโรงงาน ในปี 2025

แนวโน้ม Trend สำคัญของโรงงาน ในปี 2025

โรงงานยุคใหม่ต้องเป็นทั้ง “อัจฉริยะ” และ “ยั่งยืน” เพื่อรักษาความแข่งขันในตลาดโลก

“อัจฉริยะ” และ “ยั่งยืน”

โรงงานยุคใหม่ต้องเป็นทั้ง “อัจฉริยะ” และ “ยั่งยืน” เพื่อรักษาความแข่งขันในตลาดโลก

ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีดิจิทัลและความเปลี่ยนแปลงของห่วงโซ่อุปทาน ผลักดันให้โรงงานต้องพัฒนาไปสู่ระบบอัตโนมัติที่มีความสามารถในการคาดการณ์ ใช้ข้อมูลแบบเรียลไทม์ และสร้างประสบการณ์ที่ดึงดูดผู้บริโภค มากไปกว่านั้น ความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม กลายเป็นปัจจัยหลักในการกำหนดกลยุทธ์ของผู้ประกอบการโรงงานทั้งหลาย

เทรนด์โรงงานแห่งอนาคต

1. Foresight Factories: โรงงานมองการณ์ไกล

ระบบ Predictive Maintenance ช่วยระบุปัญหาก่อนเกิดเหตุจริง และใช้ Digital Twin ในการจำลองสถานการณ์ผลิตเพื่อปรับปรุงกระบวนการอย่างแม่นยำ ภายในปี 2025 อัตราการใช้ระบบอัตโนมัติจะเพิ่มจาก 69% เป็น 79% ขณะที่การเชื่อมต่อทุกกระบวนการช่วยให้ตัดสินใจได้รวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น

2. Decentralized Manufacturing: ผลิตแบบกระจายศูนย์

โรงงานขนาดเล็กเคลื่อนย้ายได้ พร้อมตอบสนองความต้องการในท้องถิ่นอย่างรวดเร็ว ผู้ผลิตรายใหญ่เริ่มพัฒนาชุดโรงงานย่อยที่วางศูนย์การผลิตกระจายทั่วโลก การวิเคราะห์เชิงคาดการณ์ช่วยให้จัดสรรทรัพยากรได้ตรงจุด และระบบ Hyper-local models ทำให้เข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคในแต่ละพื้นที่อย่างลึกซึ้ง

3. Purposeful Production & Master Data Management

การบูรณาการข้อมูลหลัก (MDM) สร้าง “ความจริงเวอร์ชันเดียว” ของข้อมูลในองค์กร ข้อมูลเชิงลึกที่ได้ช่วยให้ดำเนินงานอย่างมีจุดมุ่งหมาย มุ่งปรับปรุงพลังงาน วัสดุ และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อก้าวสู่ความยั่งยืน

4. Metaverse Monitoring & Experience Hubs

การใช้เทคโนโลยี Metaverse ช่วยให้โรงงานจำลองการจัดการห่วงโซ่อุปทาน ฝึกอบรม และทดสอบระบบในโลกเสมือนจริง ส่วน Experience Hubs จะเปิดให้ลูกค้าทดลองใช้บริการผ่าน Virtual Factory Tour หรือพิมพ์ต้นแบบด้วย 3D Printing สร้างความเชื่อมโยงที่ลึกซึ้งระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภค

5. การเชื่อมต่อ 5G, IoT และ AI เพื่อการผลิตอัจฉริยะ

เครือข่าย 5G และ IIoT ช่วยให้เซ็นเซอร์และหุ่นยนต์สื่อสารกันได้แบบเรียลไทม์ เพิ่มประสิทธิภาพ ลดการหยุดชะงัก และลดของเสีย การวิเคราะห์ขั้นสูงช่วยคาดการณ์ความต้องการตลาดและปรับแผนการผลิตแบบออนดีมานด์

6. Servitization: จากสินค้าเป็นบริการ

ผู้ผลิตนำ IoT และ Machine Learning มาใช้เสนอบริการเสริม เช่น การบำรุงรักษาเชิงพยากรณ์และการตรวจสอบประสิทธิภาพล่วงหน้า (Predictive Services) ช่วยสร้างรายได้ซ้ำ และสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า

7. ความยั่งยืน (Sustainability) และ CSR

42% ของบริษัทใน Fortune Global 500 มีแผนดำเนินการด้านสิ่งแวดล้อมภายในปี 2030 ลงทุนในพลังงานหมุนเวียน ระบบอาคารอัจฉริยะ และยานยนต์ไฟฟ้า ส่งผลให้ลดต้นทุนพลังงานและสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อผู้บริโภค

8. Cybersecurity ในอุตสาหกรรม

การโจมตีทางไซเบอร์ เช่น แรนซัมแวร์ มีแนวโน้มสูงขึ้น โรงงานต้องบูรณาการระบบ IT และ OT ให้ปลอดภัย ตรวจสอบซัพพลายเชน และอบรมพนักงาน เพื่อปกป้องความต่อเนื่องของการผลิตและความไว้วางใจจากลูกค้า

9. AR/VR และ Digital Twins

AR/VR ช่วยให้วิศวกรซ่อมบำรุงระยะไกล ฝึกอบรมในสภาพแวดล้อมจำลอง และทดสอบต้นแบบเสมือนจริง ขณะที่ Digital Twin จำลองสายการผลิตและสินทรัพย์จริง ช่วยวิเคราะห์คอขวด ลดการสูญเสีย และเร่งนวัตกรรม

10. Cobots: หุ่นยนต์ร่วมปฏิบัติงาน

Cobots ทำงานร่วมกับมนุษย์ได้ปลอดภัย เพิ่มผลผลิตและความปลอดภัยในงานอันตราย ตลาด Cobots คาดว่าจะเติบโตจาก 600 ล้านดอลลาร์ในปี 2021 สู่ 8 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2030 แม้ต้องลงทุนสูง แต่ลดต้นทุนแรงงานในระยะยาว

บทสรุปส่งท้าย

โรงงานยุคใหม่ไม่ได้แข่งขันกันแค่เรื่องประสิทธิภาพการผลิตอีกต่อไป แต่ต้องผสมผสาน ความอัจฉริยะทางเทคโนโลยี เข้ากับ ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม อย่างสมดุล ผู้ที่ปรับตัวได้เร็วจะสามารถสร้างความได้เปรียบเหนือคู่แข่งในตลาดโลก ขณะที่ผู้ที่ชะลอการเปลี่ยนแปลงอาจถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ดังนั้น การลงทุนในระบบอัตโนมัติ ข้อมูล และนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน จึงไม่ใช่ทางเลือก แต่คือ เงื่อนไขแห่งความอยู่รอดของโรงงานในอนาคต

บทความโดย : ภูชิต มุณีวงศ์ (Future Trend Researcher)


บทความเทรนด์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

RECOMMEND

10 Digital Marketing Trends 2026: การตลาดไทย
read more
05.12.2025 753

10 Digital Marketing Trends 2026: การตลาดไทย

ตลาดดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งในประเทศไทยปี 2026 กำลังเผชิญการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่ขับเคลื่อนโดยเทคโนโลยี AI พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป และความคาดหวังด้านความรวดเร็วและความเป็นส่วนตัวที่สูงขึ้น ประเทศไทยมีผู้ใช้อินเทอร์เน็ต 65.4 ล้านคน (91% ของประชากร) และผู้ใช้โซเชียลมีเดีย 56.6 ล้านคน (79.1% ของประชากร) โดยค่าใช้จ่ายโฆษณาดิจิทัลคาดว่าจะแตะ 34.5 พันล้านบาท (+10% YoY)​ บมความนี้สรุป 10 เทรนด์หลักที่นักการตลาดไทยต้องเข้าใจและปรับตัวให้ทันในปี 2026 ตั้งแต่การใช้ AI แบบ Agentic, การตลาดผ่าน Social Commerce, ไปจนถึงความสำคัญของ Sustainability และ Omnichannel Experience โดยแต่ละเทรนด์จะมีผลกระทบโดยตรงต่อกลยุทธ์การตลาดและการลงทุนของธุรกิจไทยในปีหน้า 1. Agentic AI Marketing: จาก Generative AI สู่ AI ผู้ช่วยที่แท้จริง ปี 2026 เป็นปีที่ AI จะก้าวจากเครื่องมือสร้างคอนเทนต์ (Generative AI) ไปสู่ “Agentic AI” ที่สามารถทำงานแทนมนุษย์ได้อย่างอัตโนมัติและชาญฉลาด AI ในปี 2026 จะไม่ใช่แค่ตอบคำถามหรือสร้างภาพ แต่จะสามารถวางแผนแคมเปญ วิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า ปรับกลยุทธ์แบบเรียลไทม์ และดำเนินการตั […]

NEO Luxury Trend
read more
02.12.2025 313

NEO Luxury Trend
ความหรูยุคใหม่ไม่ใช่แค่สิ่งของ
แต่คือประสบการณ์

ความหรูยุคใหม่ไม่ใช่ “ของ” แต่คือ “ประสบการณ์ คุณค่า และความหมาย” โลกของ Luxury กำลังเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วในปี 2025 ไม่ได้ถูกนิยามด้วยโลโก้หรือสัญลักษณ์สถานะอีกต่อไป แต่สะท้อนถึงความ เข้าใจตัวตน คุณค่าชีวิต และความตั้งใจในการเลือกบริโภค (Intentional Consumption) มากกว่าที่เคย ผู้บริโภคกลุ่ม Luxury โดยเฉพาะ Millennials และ Gen Z ไม่ได้มองความหรูในฐานะการแสดงความมั่งคั่ง แต่มองว่า Luxury คือ “คุณภาพของชีวิต” และ “ประสบการณ์ที่มีความหมาย” ที่พวกเขาเลือกลงทุนอย่างตั้งใจ ทำให้เกิดแนวคิด NEO Luxury – New Luxury Paradigm ที่ผสมผสานความยั่งยืน เทคโนโลยี ประสบการณ์เฉพาะบุคคล และหัตถศิลป์เข้าด้วยกัน บทความนี้จะพาไปสำรวจ 5 หลักการสำคัญที่กำลังกำหนดความหมายใหม่ของ Luxury ในปี 2025 1. Quiet Luxury: ความหรูหราแบบเงียบ ๆ ที่ซ่อนความเข้าใจลึกซึ้งในคุณภาพ Quiet Luxury กลายเป็นตัวแทนของความหรูยุคนี้อย่างแท้จริง เพราะผู้บริโภคไม่ได้ต้องการประกาศความร่ำรวย แต่ต้องการสินค้าที่มีคุณภาพสูง ใช้งานได้นาน และบ่งบอกตัวตนกับคนที่ “เข้าใจจริง” ลักษณะเด่นของ Quiet Luxury คุณภาพเหนือปริมาณ: เลือกสินค้าชิ้นสำคัญแทนกา […]

read more
19.11.2025 749

ความมืดเริ่มเป็นความงามใหม่

สำรวจ ‘ความมืด’ ในฐานะเฉดใหม่ของการออกแบบโลกประสบการณ์ ในอดีต “ความมืด” มักถูกผูกกับภาพของความกลัว, ภัยอันตราย หรือสิ่งที่เรามองไม่เห็น แต่ในยุคที่ผู้คนเริ่มโหยหาความสงบ พื้นที่ปลอดภัยทางใจ และประสบการณ์ที่แตกต่างไปจากชีวิตประจำวัน “ความมืด” กำลังถูกตีความใหม่ให้กลายเป็นทรัพยากรทางวัฒนธรรมและทางธุรกิจที่ทรงพลัง กรอบคิดว่าด้วยการใช้ความมืดเป็นแกนกลางในการออกแบบประสบการณ์และรูปแบบธุรกิจ (Dark Experience) Dark Experience คือแนวคิดของธุรกิจที่ใช้ “ความมืด” เป็นหัวใจของการออกแบบประสบการณ์ ไม่ใช่เพื่อทำให้ผู้คนหวาดกลัว แต่เพื่อ “มองเห็น” สิ่งที่สำคัญกว่าเดิม ทั้งตัวเอง ธรรมชาติ และเรื่องราวที่เคยถูกกลบอยู่ในเงามืดของสังคม สาระสำคัญของ Dark Experience Business คือการใช้ความมืดเป็น “เครื่องมือในการออกแบบประสบการณ์” แทนที่จะใช้แสงและสิ่งเร้าเข้มข้นแบบที่ธุรกิจยุคก่อนมักใช้ดึงความสนใจผู้บริโภค สังคมปัจจุบันกำลังเผชิญกับปัญหา Overstimulation อย่างหนัก ทั้งจากแสงไฟ เมือง 24 ชั่วโมง และหน้าจอที่อยู่ใกล้ตัวตลอดเวลา ทำให้สมองแทบไม่เคยได้พักจากการประมวลผล สิ่งต่างๆ เหล่านี้สะสมเป็นความล้าโดยไม่รู้ตัว […]

read more
21.11.2025 656

7 Key Economic Trends จาก The Standard Economic Forum 2025

งาน The Standard Economic Forum 2025 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 5–7 พฤศจิกายน 2568 ในธีม “Thailand’s Next Frontier” รวบรวมผู้นำระดับโลก นักเศรษฐศาสตร์ และผู้กำหนดนโยบายกว่า 100 คน เพื่อหารือเกี่ยวกับการปฏิรูปเศรษฐกิจไทย ภายในงานมีการเน้น 3 ความท้าทายหลัก (3D Challenges) ก่อนเข้าสู่เทรนด์เฉพาะทาง ได้แก่ 3D Challenges ก่อนที่จะเจาะลึกในเทรนด์เฉพาะ มาทำความเข้าใจภาพรวมที่กว้างขึ้นก่อน ผู้นำธุรกิจไทยได้ระบุถึง “3 ความท้าทาย Digitalization (การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล) เทคโนโลยีไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป แต่เป็นรากฐานของการแข่งขัน เศรษฐกิจดิจิทัลมีสัดส่วนคิดเป็น 15.5% ของ GDP โลกแล้ว โดย 70% ของมูลค่าใหม่ทั่วโลกคาดว่าจะถูกสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์มดิจิทัลในทศวรรษหน้า Deglobalization (การทวนกระแสโลกาภิวัตน์)  โลกกำลังแตกออกเป็นส่วนๆ จากความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ จีน และพันธมิตร ไทยต้องวางตำแหน่งตัวเองใน “จุดยืนที่เป็นกลางทางภูมิรัฐศาสตร์” (Geopolitical Neutral Position) และ “ผู้สร้างสมดุลอย่างสร้างสรรค์” (Creative Balancer) เพื่อใช้ประโยชน์จากที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ […]

read more
03.11.2025 785

“Gartner” เปิด 10 เทรนด์เทคโนโลยีเปลี่ยนโฉมธุรกิจปี 2569

ในปี 2569 จะเป็นปีที่สำคัญต่อผู้นำด้านเทคโนโลยีที่ต้องเผชิญกับการหยุดชะงัก นวัตกรรม ไปจนถึงความเสี่ยงที่ขยายตัวรวดเร็วอย่างที่ไม่เคยพบมาก่อน เทรนด์เทคโนโลยีทั้งหมดในปีหน้าจะเชื่อมโยงกับโลกที่ขับเคลื่อนด้วย AI (AI-driven world) และเชื่อมต่อกัน ตลอดเวลา ซึ่งองค์กรธุรกิจต้องขับเคลื่อนนวัตกรรมอย่างมีความรับผิดชอบ ดำเนินงานด้วยความเป็นเลิศ และสร้างความไว้วางใจทางดิจิทัลไปพร้อมกัน ผู้นำองค์กรต้องเผชิญกับ การหยุดชะงัก (Disruption) นวัตกรรม และความเสี่ยงที่ขยายตัวรวดเร็ว 10 เทรนด์เทคโนโลยีสำคัญแห่งปี 2569 1. AI Supercomputing Platforms  AI Supercomputing Platforms (แพลตฟอร์ม AI ซูเปอร์คอมพิวติ้ง) เป็นการรวมพลังของ CPU, GPU, ชิป AI ASICs และการประมวลผลแบบนิวโรมอร์ฟิก (จำลองสมองมนุษย์) ช่วยให้องค์กรจัดการงานที่ซับซ้อนมหาศาล ปลดล็อกประสิทธิภาพและนวัตกรรม ต้องอาศัย Orchestration Software เพื่อจัดการเวิร์กโฟลว์ที่ซับซ้อนโดยอัตโนมัติ คาดการณ์ว่าภายในปี 2571 องค์กรชั้นนำ 40% จะใช้สถาปัตยกรรม Hybrid Computing (เพิ่มจาก 8% ในปัจจุบัน) ตัวอย่างการใช้งาน: คิดค้นยาใหม่ในไม่กี่สัปดาห์ (แทนที่จะใช้เวลาหลายป […]

Subscription

เพื่อรับข้อมูลเกี่ยวกับความรู้เทรนด์และวิจัยต่อเนื่อง