Baramizi Lab logo

ชาตรามือออกแบรนด์ชา CTM
เดินตลาดตาม Trend Specialty Tea

CTM Cafe

ชาตรามือออกแบรนด์ชา CTM
เดินตลาดตาม Trend Specialty Tea

ชาตรามือ แบรนด์ใหม่ CTM

CTM หรือ Captivating Tea Muse เป็นแบรนด์ชาใหม่ล่าสุดจากชาตรามือ ที่เน้นชาพรีเมียมคัดสรรคุณภาพดีเยี่ยม ผสมผสานกับวัตถุดิบคุณภาพสูงเพื่อมอบประสบการณ์รสชาติที่แปลกใหม่และสนุกขึ้น แบรนด์นี้มีใบชาหลากหลายสายพันธุ์มากกว่า 10 ชนิด พร้อมเมนูเด่น เช่น ชาอู่หลงนางงาม ที่ถือเป็นจุดขายสำคัญของแบรนด์ CTM ได้ต่อยอดจากความเชี่ยวชาญด้านชาอย่างลึกซึ้งของชาตรามือเพื่อสร้างชาในมิติใหม่ที่เหนือชั้นกว่าเดิม

อะไรทำให้ชาไทย Specialty เป็นเทรนด์ฮิตตอนนี้

  1. การเติบโตของอุตสาหกรรมชาไทยที่มีการพัฒนาเชิงโครงสร้างในด้านคุณภาพของใบชา ความหลากหลายของแหล่งปลูก และกำลังการผลิต ทำให้ไทยกลายเป็นตลาดค้าชารายใหญ่อันดับ 7 ของโลก
  2. ผู้บริโภคไทยเริ่มรับรู้และสนใจเครื่องดื่ม Specialty มากขึ้น หลังจากที่กาแฟ Specialty ได้รับความนิยมก่อนหน้านี้ ทำให้มีการพัฒนาชาไทยแบบพรีเมียม ที่มีการคัดใบชาจากแหล่งปลูกหลากหลายทั่วไทย รวมถึงการใช้เทคนิคการชงที่ทันสมัย
  3. ชาไทย Specialty เน้นความพิถีพิถันในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การคัดเลือกใบชาคุณภาพสูงที่มีโน้ตรสชาติและกลิ่นเฉพาะตัวแตกต่างกันตามแหล่งปลูก เช่น ชาเชียงราย ชาแม่ฮ่องสอน ชาปัตตานี เป็นต้น ทำให้รสชาติชาไทยมีความซับซ้อนและแตกต่างจากชาเย็นทั่วไปที่ชงจากผงชาสำเร็จรูป

เทรนด์ชา Specialty ส่งผลต่อพฤติกรรมผู้บริโภคอย่างไร

  1. ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับคุณภาพและเรื่องราวของชาไทยมากขึ้น เช่น การเลือกใบชาจากแหล่งปลูกเฉพาะที่มีรสชาติและกลิ่นเฉพาะตัว แตกต่างจากชาแบบเดิมที่เป็นผงสำเร็จรูป ทำให้การดื่มชาเป็นประสบการณ์รสชาติที่ละเอียดและมีมิติ
  2. กลุ่มผู้บริโภคเริ่มเปิดรับเมนูชาสไตล์ Specialty ที่หลากหลายและมีนวัตกรรม เช่น ชาไทยไม่ใส่สี ชาเพื่อสุขภาพ หรือชาในรูปแบบใหม่ที่เน้นความสะอาด ธรรมชาติและสุขภาพ รวมถึงเมนูที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ที่ต้องการความสะดวกและดีต่อสุขภาพ
  3. การซื้อและบริโภคชาไทย Specialty เติบโตสูงในช่องทางเดลิเวอรี โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ เช่น กรุงเทพฯ ที่มีร้านชา Specialty เปิดเพิ่มขึ้นมากกว่า 200% ในช่วง 3 ปี รวมถึงยอดสั่งซื้อผ่านเดลิเวอรีโตขึ้น 81% ในปี 2024 สะท้อนถึงความนิยมและการเข้าถึงที่สะดวกของผู้บริโภค

การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการดื่มชาในกลุ่มคนรุ่นใหม่

  1. คนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับคุณภาพและความเป็น Specialty ของชา มากกว่าการดื่มชาแบบธรรมดา พวกเขาเลือกบริโภคชาที่มีแหล่งที่มาชัดเจน รสชาติและกลิ่นเฉพาะตัว เช่น ชาไทย Specialty ที่คัดสรรใบชาคุณภาพสูงจากแหล่งปลูกต่างๆ ทั่วประเทศไทย
  2. กลุ่มคนรุ่นใหม่สนใจชาในมิติของสุขภาพและความยั่งยืน เช่น ชาออร์แกนิก ชาไทยไม่ใส่สี และชาเพื่อสุขภาพ ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระและประโยชน์ต่อร่างกาย รวมถึงมองหาเครื่องดื่มที่ปราศจากวัตถุเจือปน
  3. พฤติกรรมการสั่งชาเปลี่ยนไป สะดวกสบายและเน้นช่องทางออนไลน์มากขึ้น โดยช่องทางเดลิเวอรีกลายเป็นแม่เหล็กสำคัญให้คนรุ่นใหม่สั่งชา Specialty ที่ร้านดังๆ รวมถึงรูปแบบเมนูที่หลากหลายและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ เช่น การปรับความหวาน การเลือกกลิ่นและรสชาติ

บทสรุปส่งท้าย

การมาของ CTM ไม่ใช่แค่การเปิดแบรนด์ใหม่ของชาตรามือ แต่คือการก้าวเข้าสู่กระแส Specialty Tea ที่กำลังเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคไทย และยกระดับ “ชาไทย” ไปสู่การเป็นเครื่องดื่มไลฟ์สไตล์ระดับโลก

RECOMMEND

CTM Cafe
read more
15.09.2025 33

ชาตรามือออกแบรนด์ชา CTM
เดินตลาดตาม Trend Specialty Tea

ชาตรามือ แบรนด์ใหม่ CTM CTM หรือ Captivating Tea Muse เป็นแบรนด์ชาใหม่ล่าสุดจากชาตรามือ ที่เน้นชาพรีเมียมคัดสรรคุณภาพดีเยี่ยม ผสมผสานกับวัตถุดิบคุณภาพสูงเพื่อมอบประสบการณ์รสชาติที่แปลกใหม่และสนุกขึ้น แบรนด์นี้มีใบชาหลากหลายสายพันธุ์มากกว่า 10 ชนิด พร้อมเมนูเด่น เช่น ชาอู่หลงนางงาม ที่ถือเป็นจุดขายสำคัญของแบรนด์ CTM ได้ต่อยอดจากความเชี่ยวชาญด้านชาอย่างลึกซึ้งของชาตรามือเพื่อสร้างชาในมิติใหม่ที่เหนือชั้นกว่าเดิม อะไรทำให้ชาไทย Specialty เป็นเทรนด์ฮิตตอนนี้ การเติบโตของอุตสาหกรรมชาไทยที่มีการพัฒนาเชิงโครงสร้างในด้านคุณภาพของใบชา ความหลากหลายของแหล่งปลูก และกำลังการผลิต ทำให้ไทยกลายเป็นตลาดค้าชารายใหญ่อันดับ 7 ของโลก ผู้บริโภคไทยเริ่มรับรู้และสนใจเครื่องดื่ม Specialty มากขึ้น หลังจากที่กาแฟ Specialty ได้รับความนิยมก่อนหน้านี้ ทำให้มีการพัฒนาชาไทยแบบพรีเมียม ที่มีการคัดใบชาจากแหล่งปลูกหลากหลายทั่วไทย รวมถึงการใช้เทคนิคการชงที่ทันสมัย ชาไทย Specialty เน้นความพิถีพิถันในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การคัดเลือกใบชาคุณภาพสูงที่มีโน้ตรสชาติและกลิ่นเฉพาะตัวแตกต่างกันตามแหล่งปลูก เช่น ชาเชียงราย ชาแม่ฮ่องสอน […]

read more
12.09.2025 76

แนวโน้ม Trend สำคัญของโรงงาน ในปี 2025

โรงงานยุคใหม่ต้องเป็นทั้ง “อัจฉริยะ” และ “ยั่งยืน” เพื่อรักษาความแข่งขันในตลาดโลก “อัจฉริยะ” และ “ยั่งยืน” โรงงานยุคใหม่ต้องเป็นทั้ง “อัจฉริยะ” และ “ยั่งยืน” เพื่อรักษาความแข่งขันในตลาดโลก ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีดิจิทัลและความเปลี่ยนแปลงของห่วงโซ่อุปทาน ผลักดันให้โรงงานต้องพัฒนาไปสู่ระบบอัตโนมัติที่มีความสามารถในการคาดการณ์ ใช้ข้อมูลแบบเรียลไทม์ และสร้างประสบการณ์ที่ดึงดูดผู้บริโภค มากไปกว่านั้น ความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม กลายเป็นปัจจัยหลักในการกำหนดกลยุทธ์ของผู้ประกอบการโรงงานทั้งหลาย เทรนด์โรงงานแห่งอนาคต 1. Foresight Factories: โรงงานมองการณ์ไกล ระบบ Predictive Maintenance ช่วยระบุปัญหาก่อนเกิดเหตุจริง และใช้ Digital Twin ในการจำลองสถานการณ์ผลิตเพื่อปรับปรุงกระบวนการอย่างแม่นยำ ภายในปี 2025 อัตราการใช้ระบบอัตโนมัติจะเพิ่มจาก 69% เป็น 79% ขณะที่การเชื่อมต่อทุกกระบวนการช่วยให้ตัดสินใจได้รวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น 2. Decentralized Manufacturing: ผลิตแบบกระจายศูนย์ โรงงานขนาดเล็กเคลื่อนย้ายได้ พร้อมตอบสนองความต้องการในท้องถิ่นอย่างรวดเร็ว ผู้ผลิตรายใหญ่เริ่มพัฒนาชุดโรงงานย่อยที่ […]

Day One Tactics
read more
10.09.2025 56

Day One Tactics ธุรกิจจับคู่จะชนะอย่างไร เมื่อ ‘ความเร็ว’ และ ‘ตัวเลือกเยอะ’ ไม่ใช่คุณค่าหลักของพฤติกรรมผู้ใช้งาน

ในโลกที่ความสัมพันธ์ไม่ใช่เส้นตรงอีกต่อไป ตั้งแต่หาเพื่อน, หากลุ่มเฉพาะทางที่สนใจ, หางานที่ตรงสาย ไปจนหาเดตที่ใช่ ในทุกวันนี้ทุกอย่างกำลังกระจายตัวสู่ “แพลตฟอร์มตัวกลาง” ที่ทำให้คนอยากเจอกันได้เจอกันง่ายขึ้น แต่ความต้องที่ซับซ้อนอยู่ในตัวทุกคน เรามีความเหงาแต่ก็ขี้เกียจในเวลาเดียวกัน แอปต่างๆ อาจทำให้การเริ่มบทสนทนาง่ายขึ้น แต่ไม่ได้ตอบโจทย์ที่ตรงใจ กลับกัน มันยิ่งตอกคำถามว่าเราจะรักษาความตั้งใจ ความปลอดภัย และความคุ้มค่าของเวลาที่จ่ายลงไปอย่างไร ความซับซ้อนของพฤติกรรมทำให้รูปแบบการมองหาความสัมพันธ์เกิดความยากขึ้น ผู้ใช้งานพร้อมที่จะ ‘ยกเลิก’ ความสัมพันธ์ตลอดเวลา แทนที่การ ‘รักษา’ ให้คงไว้ ตัวอย่างเช่น การเตรียมตัวเพื่อถอนตัวล่วงหน้า (Banksying), การค่อยๆ เว้นระยะห่างก่อนจากลา (Slow Fade), หรือ การหายไปเฉย ๆ ตัดการสื่อสารทันที (Ghosting) ซึ่งทั้งหมด มี “รากพฤติกรรมร่วม” คือการ หลีกเลี่ยงความอึดอัด (Avoidance), ปกป้องตนเองทางอารมณ์ (Self-Preservation) และ “ภาวะล้นทางเลือก” (Choice Overload) ซึ่งจะเกิดเป็น “ความเหนื่อยล้า” (Dating-App Fatigue) ภาวะทั้งหมดนี้ล้วนกระทบธุรกิจที่ซึ่งขาย ‘ควา […]

Ultra-Processed Foods (UPF)
read more
08.09.2025 79

UPF: อาหารแปรรูปสูง ที่คุณคิดว่า “ดีต่อสุขภาพ” อาจไม่ใช่อย่างที่คิด

เฮลตี้? หรือแค่ภาพลวงตาของอุตสาหกรรมอาหาร เช้า: ซีเรียลแท่งไฟเบอร์สูงในมือคุณ กลางวัน: ข้าวกล่องคลีนแช่แข็ง เย็น: โยเกิร์ต fat-free รสผลไม้ คุณอาจคิดว่ากำลังกินเพื่อสุขภาพ แต่จริง ๆ แล้ว… สิ่งเหล่านี้จำนวนมากคือ Ultra-Processed Foods (UPF) อาหารแปรรูปสูงที่ผ่านการแต่ง เติม ปรุง ปลอม จนแทบไม่เหลือร่องรอยธรรมชาติ UPF คืออะไร ทำไมถึงอันตรายกว่าที่คิด?  อาหารแปรรูประดับสูงคืออาหารที่ถูกผ่านกระบวนการผลิตหลายขั้นตอน จนแทบไม่เหลือร่องรอยของวัตถุดิบธรรมชาติดั้งเดิม จุดเด่นคือมีการเติมสารสังเคราะห์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น สารกันเสีย สารแต่งกลิ่น สี สารเพิ่มความหวาน และสารปรุงแต่งรส เพื่อให้อาหารเก็บได้นาน ดูน่ากิน และถูกปากยิ่งขึ้น ที่น่าตกใจคือ… หลายครั้งอาหารที่ถูกโฆษณาให้ดู “เฮลตี้” ก็ยังเข้าข่ายเป็น UPF เช่น ซีเรียลไฟเบอร์สูงที่จริงแล้วใส่น้ำตาลหรือสารให้ความหวานแทน ขนมปังโฮลวีตในถุง ที่มักใส่สารปรับสภาพแป้งและวัตถุเจือปนหลายชนิด โยเกิร์ต fat-free รสผลไม้ ที่เต็มไปด้วยน้ำตาลและกลิ่นสังเคราะห์ นมอัลมอนด์หรือนมถั่วเหลืองแต่งรส ที่ผ่านการแต่งเติมจนแทบไม่เหลือคุณค่าจากถั่วจริง ๆ อาหารเหล่านี้อาจมีฉล […]

Vibe coding Trend
read more
05.09.2025 92

Vibe coding Trend คืออะไร? เทรนด์นี้จะเปลี่ยนอาชีพนักพัฒนาในอนาคตอย่างไร

Vibe coding คืออะไรและต่างจากการใช้ Copilot ยังไง อนาคตของอาชีพนักพัฒนาจะเปลี่ยนไปอย่างไร Vibe coding คืออะไรและต่างจากการใช้ Copilot ยังไง Vibe Coding คือแนวทางการพัฒนาโปรแกรมที่เน้นการทำงานร่วมกับ AI ผ่านการสื่อสารด้วยภาษาธรรมชาติ เช่น คำสั่งภาษาอังกฤษ ให้ AI ช่วยสร้าง ปรับแต่ง และแนะนำโค้ดแบบไหลลื่นและมีความสร้างสรรค์สูง ไม่จำเป็นต้องเขียนโค้ดทีละบรรทัด ส่วน GitHub Copilot คือหนึ่งในเครื่องมือ AI ที่ช่วยแนะนำโค้ดระหว่างการเขียนจริง ๆ โดยมันจะเติมโค้ดหรือฟังก์ชันที่คาดว่าจะใช้ในบริบทนั้น ๆ แต่ยังต้องให้ผู้พัฒนาเป็นผู้เขียนและควบคุมหลัก ความแตกต่างหลักระหว่าง Vibe Coding กับ Copilot คือ Vibe Coding เป็นแนวคิดที่กว้างกว่า เน้นการใช้ AI เป็นเหมือนผู้ช่วยในการพัฒนาโค้ดทั้งโปรเจกต์ผ่านการสื่อสารด้วยภาษาธรรมชาติแบบโต้ตอบ ที่ช่วยให้การสร้างโค้ดเป็นไปอย่างต่อเนื่องและสร้างสรรค์ขึ้น Copilot เป็นเครื่องมือหนึ่งใน Ecosystem ของ Vibe Coding ที่ให้การช่วยเติมโค้ดและแนะนำฟังก์ชัน แต่ยังคงเป็นเครื่องมือช่วยเขียนโค้ดแบบเดิมที่มีรูปแบบที่จำกัดและใช้คำสั่งโดยตรงน้อยกว่า เทรนด์นี้จะเปลี่ยนอาชีพนักพัฒนา […]

Subscription

เพื่อรับข้อมูลเกี่ยวกับความรู้เทรนด์และวิจัยต่อเนื่อง