5 Health Mindsets: The Next Big Opportunity: เข้าใจ 5 กลุ่มสุขภาพ = เจอโอกาสใหม่ก่อนใคร
สำรวจทิศทาง 5 พฤติกรรมสุขภาพคนไทย: สัญญาณบ่งชี้โอกาสธุรกิจบริการสุขภาพยุคใหม่
เคยไหม? รู้ว่าควรตรวจสุขภาพประจำปี แต่ก็เลื่อนออกไปเรื่อยๆ
หรือรอให้ป่วยก่อนจึงเริ่มใส่ใจสุขภาพ — พฤติกรรมนี้สะท้อนภาพ “ความเฉยเมย” ของคนไทยที่ยังฝังแน่นในวัฒนธรรมการดูแลตัวเอง
ปัจจุบัน คนไทยเริ่มให้ความสำคัญกับสุขภาพมากขึ้น แต่พฤติกรรมการดูแลตัวเองยังค่อนข้างหลากหลาย บางคนใส่ใจเรื่องการออกกำลังกาย รับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ และตรวจสุขภาพประจำปีอย่างสม่ำเสมอ ขณะที่บางส่วนยังละเลยเนื่องจากเวลาจำกัด งานยุ่ง หรือค่าใช้จ่ายสูง
บริษัท บารามีซี่ แล็บ และ IQQEW POLL ได้สำรวจผู้บริโภคจำนวน 1200 คนทั่วประเทศ จากผลสำรวจล่าสุด พบว่า
- 58.83% ของผู้บริโภคให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพของตนเอง โดยเฉพาะกลุ่ม Gen X ที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพเป็นอย่างมาก
- แม้ผู้บริโภคไทยส่วนใหญ่รับรู้ถึงความสำคัญของการตรวจสุขภาพประจำปี แต่กว่า 37.75% ยังคงไม่ได้ให้ความสำคัญกับการตรวจสุขภาพมากนัก รู้สึกว่ายังไม่จำเป็นต้องตรวจหรือดูแลสุขภาพ พฤติกรรมนี้สะท้อนถึงความ “เฉยเมย” ที่ฝังรากลึก ซึ่งมักเกิดจากหลายปัจจัย เช่น ความยุ่งวุ่นวายในชีวิตประจำวัน ค่าใช้จ่าย หรือความกลัวผลตรวจ และไม่มีเวลาในการดูแลสุขภาพ
- ในกลุ่ม Gen Y ราว 52.20% ระบุว่าพวกเขากลัวผลตรวจสุขภาพจนไม่อยากเข้ารับการตรวจ
- ข้อมูลจากแพทย์ ครอบครัว เว็บไซต์ และโซเชียลมีเดีย ช่วยกระตุ้นให้ผู้บริโภค 58.83% เริ่มใส่ใจดูแลสุขภาพมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่ม Baby Boomer
- กว่า 52.67% ของผู้บริโภคยอมรับว่าเทรนด์สุขภาพในสังคมมีผลต่อพฤติกรรมการดูแลสุขภาพของพวกเขา
ข้อมูลเหล่านี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น ต่อไปเราจะเจาะลึกผู้บริโภคแต่ละกลุ่ม เพื่อเข้าใจพฤติกรรมและแรงจูงใจด้านสุขภาพอย่างแท้จริง
5 Segment พฤติกรรมและทัศนคติด้านสุขภาพของกลุ่มผู้บริโภค
การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงพฤติกรรมจากกลุ่มตัวอย่างพบว่า พฤติกรรมการดูแลสุขภาพของคนไทยสามารถจำแนกได้เป็น 5 กลุ่มหลัก (Health Segmentation) ซึ่งสะท้อนทั้งทัศนคติ ความกลัว แรงจูงใจ และระดับการมีส่วนร่วมที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ดังนี้

1. กลุ่ม Health-Minded Achievers (สายสุขภาพตัวจริง – ลงมือทำและพร้อมจ่าย)
มีสัดส่วนอยู่ที่ 14.83%
เป็นกลุ่มที่ใส่ใจสุขภาพเชิงรุก มีแรงจูงใจจากภาพลักษณ์และเป้าหมายชีวิต ใช้เทคโนโลยีติดตามสุขภาพ และพร้อมลงทุนกับบริการคุณภาพ

กลุ่มนี้คือ “สายสุขภาพตัวจริง” ที่ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพอย่างต่อเนื่อง พวกเขาตรวจสุขภาพตามคำแนะนำของแพทย์ ใช้เทคโนโลยีติดตามสุขภาพ และมักได้รับแรงบันดาลใจจากทั้งแพทย์ ครอบครัว และเทรนด์ในสังคม และพร้อมลงทุนกับบริการคุณภาพ
แรงผลักดันสำคัญมาจาก “ความต้องการมีรูปร่างและบุคลิกภาพที่ดี” ควบคู่กับความเข้าใจว่าการป้องกันโรคสำคัญกว่าการรักษา
กลุ่มนี้จึงมักเป็นผู้บริโภคที่เปิดรับบริการใหม่ ๆ และพร้อมทดลองนวัตกรรมด้านสุขภาพ เช่น โปรแกรมตรวจสุขภาพเฉพาะบุคคล หรือบริการ Digital Health
Demographic ของคนกลุ่มนี้ :
ส่วนใหญ่เป็น กลุ่ม Gen X ซึ่งมีรายได้อยู่ในช่วง 30,001 – 50,000 บาทต่อเดือน กลุ่มนี้มักมีความมั่นคงทางการเงินระดับหนึ่ง และให้ความสำคัญกับการใช้จ่ายอย่างคุ้มค่าและมีคุณภาพ
Insight เชิงกลยุทธ์:
กลุ่มนี้คือ “แบรนด์แอมบาสเดอร์ทางสุขภาพ” ที่พร้อมแชร์ประสบการณ์ดี ๆ บนโซเชียล — ธุรกิจจึงควรใช้พวกเขาเป็น Early Adopters เพื่อขยายอิทธิพลเชิงบวกในวงกว้าง
พฤติกรรมเด่น:
เป็นกลุ่มที่เปิดรับเทคโนโลยีสุขภาพเกือบทุกมิติในระดับสูง — ไม่ว่าจะเป็น Wellness / ชะลอวัย , การดูแลเชิงป้องกัน, หรือ บริการนอกสถานพยาบาล ยังให้ความสนใจกับ Precision Medicine และ AI มากกว่ากลุ่มอื่น ๆ อย่างเห็นได้ชัด
โอกาสทางธุรกิจ:
- พัฒนา บริการสุขภาพเฉพาะบุคคล (Personalized & Precision Health) เช่น โปรแกรมดูแลแบบใช้ข้อมูลพันธุกรรม
- ต่อเชื่อมกับเทรนด์ Health Tech & Smart Wellness เช่น AI Health Tracking, Data-driven Coaching
- สร้างประสบการณ์แบบ “Hospital Beyond Walls” ให้บริการต่อเนื่องผ่านแอปหรืออุปกรณ์ติดตามสุขภาพ
2. กลุ่ม Balanced Maintainers (ดูแลแบบพอดี – สุขภาพในจังหวะชีวิต)
มีสัดส่วน 28.25%
มองสุขภาพเป็นเรื่องสำคัญ แต่ไม่เร่งด่วน ต้องการความสะดวกและสมดุลในชีวิต

เป็นกลุ่มที่มองการดูแลสุขภาพว่า “สำคัญ แต่ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน” พวกเขาอาจออกกำลังกายหรือไปตรวจสุขภาพตามรอบปี แต่ไม่ถึงขั้นเข้มงวดหรือใช้เทคโนโลยีติดตามร่างกาย ต้องการความสะดวกและสมดุลในชีวิต
แรงจูงใจมักมาจาก “เหตุการณ์รอบตัว” เช่น คนใกล้ชิดล้มป่วย หรือช่วงที่ร่างกายเริ่มอ่อนล้า
กลุ่มนี้ต้องการบริการสุขภาพที่ไม่ซับซ้อน เข้าใจง่าย และไม่รบกวนวิถีชีวิตมากนัก เช่น โปรแกรมตรวจสุขภาพมาตรฐาน หรือบริการให้คำปรึกษาเชิงป้องกันแบบเป็นมิตร
Demographic ของคนกลุ่มนี้ :
ส่วนใหญ่เป็น กลุ่ม Gen Y ที่มีรายได้ ต่ำกว่า 15,000 บาทต่อเดือน สะท้อนถึงกลุ่มคนวัยทำงานตอนต้น หรือผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นอาชีพ ยังอยู่ในช่วงสร้างรายได้และประสบการณ์
Insight เชิงกลยุทธ์:
นี่คือกลุ่มที่มี “ศักยภาพการเติบโต” เพราะเมื่อมีเหตุการณ์กระตุ้น (เช่น ป่วยเล็กน้อย) พวกเขาจะพร้อมอัปเกรดสู่กลุ่มสุขภาพเชิงรุกได้ไม่ยาก
พฤติกรรมเด่น:
กลุ่มนี้ให้คะแนนปานกลางต่อเทคโนโลยีสุขภาพใหม่ ๆ โดยเน้นไปที่สิ่งที่ “เป็นจริงและเห็นผลได้ทันที” เช่น การดูแลเชิงป้องกัน ดูแลนอกสถานพยาบาล แต่ยังไม่ให้ความสำคัญมากกับเทคโนโลยีเชิงลึกอย่าง AI หรือ Clinical Trials มากเท่าที่ควร
โอกาสทางธุรกิจ:
- พัฒนา บริการสุขภาพแนว Practical & Accessible เช่น โปรแกรมตรวจสุขภาพที่เชื่อมกับแอปนัดหมาย หรือบริการโค้ชสุขภาพผ่าน Line / Mobile App
- ใช้การสื่อสารแบบ “ง่าย ใช้ได้จริง” แทนการเน้นเทคโนโลยีซับซ้อน
- เสริมด้วย บริการติดตามผลหลังตรวจ เพื่อสร้างความรู้สึกว่าการดูแลสุขภาพเป็นเรื่องใกล้ตัว
3. กลุ่ม Motivated Worriers (อยากดูแลแต่ยังกลัว)
มีสัดส่วน 31.08%
กลุ่มนี้มีแรงจูงใจสูงแต่มี “อุปสรรคทางใจ” เช่น กลัวผลตรวจ หรือกังวลค่าใช้จ่าย

นี่คือกลุ่มที่ “ตั้งใจจะดูแลสุขภาพ” แต่ยังมีความกังวลในใจ ทั้งเรื่องค่าใช้จ่าย ผลตรวจ หรือความไม่มั่นใจในขั้นตอน กลุ่มนี้มีแรงจูงใจสูงแต่มี “อุปสรรคทางใจ” เช่น กลัวผลตรวจ หรือกังวลค่าใช้จ่าย
แม้จะมีแรงจูงใจสูงจากเหตุการณ์ป่วยของตนเองหรือคนรอบข้าง แต่ความกลัวและความไม่แน่ใจมักเป็นสิ่งฉุดรั้ง
การเข้าถึงกลุ่มนี้จึงต้องเน้น “สร้างความอุ่นใจ” มากกว่าแค่การให้ข้อมูล เช่น บริการให้คำปรึกษาก่อนตรวจสุขภาพ โปรแกรมโค้ชชิ่ง หรือคลินิกที่ให้ความรู้ควบคู่กับการดูแลจิตใจ
Demographic ของคนกลุ่มนี้ :
ส่วนใหญ่เป็น กลุ่ม Gen Y รายได้เฉลี่ยอยู่ในช่วง 15,001 – 30,000 บาทต่อเดือน กลุ่มนี้มีศักยภาพในการเติบโตสูง สนใจการพัฒนาตนเอง และเริ่มให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
Insight เชิงกลยุทธ์:
นี่คือ “กลุ่มที่กำลังจะเปลี่ยนพฤติกรรม” ถ้าธุรกิจสามารถลดความกลัวและเพิ่มความมั่นใจได้ พวกเขาจะกลายเป็นกลุ่มลูกค้าประจำในระยะยาว
พฤติกรรมเด่น:
แม้กลุ่มนี้จะมีความสนใจในบริการสุขภาพใหม่ ๆ ในระดับกลาง ทั้งการดูแลเชิงป้องกัน Wellness / ชะลอวัย แต่ให้คะแนนค่อนข้างต่ำกับ AI / Clinical Trials / Telemedicine เนื่องจากยังมีความกังวลเรื่องความแม่นยำ ความปลอดภัย และค่าใช้จ่าย
โอกาสทางธุรกิจ:
- ออกแบบบริการในแนว “Tech with Trust” เช่น การมีแพทย์ให้คำปรึกษาร่วมกับระบบดิจิทัล
- สร้าง บริการทดลองใช้ / โปรแกรมฟรีเบื้องต้น เพื่อให้ผู้ใช้ได้สัมผัสก่อนตัดสินใจ
- เน้นการสื่อสารแบบ “ให้ความรู้มากกว่าขาย” เพื่อสร้างความมั่นใจ
4. กลุ่ม Unconcerned Pragmatists (สุขภาพยังไม่ใช่เรื่องหลักในชีวิต)
มีสัดส่วน 6.83%
กลุ่มนี้ยังไม่ตระหนักถึงความสำคัญของสุขภาพ มองว่าเป็นเรื่องเสียเวลาและค่าใช้จ่าย

คนกลุ่มนี้ยังไม่รู้สึกถึงความจำเป็นในการดูแลสุขภาพอย่างจริงจัง เห็นว่าการตรวจหรือออกกำลังกายเป็นเรื่องเสียเวลาและสิ้นเปลือง
เทคโนโลยีสุขภาพและเทรนด์ในสังคมยังไม่สามารถกระตุ้นให้เปลี่ยนพฤติกรรมได้
แม้จะเป็นกลุ่มที่มีการมีส่วนร่วมต่ำ แต่ก็ถือเป็น “ตลาดเงียบ” ที่สามารถกระตุ้นได้ด้วยการสื่อสารแบบตรงใจ เช่น การเชื่อมโยงสุขภาพกับครอบครัว ความมั่นคงทางการเงิน หรือคุณภาพชีวิตระยะยาว
Demographic ของคนกลุ่มนี้ :
ส่วนใหญ่เป็น กลุ่ม Gen Z และ Gen Y ที่มีรายได้ ต่ำกว่า 30,000 บาทต่อเดือน เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจเทคโนโลยีและเทรนด์ใหม่ ๆ แม้รายได้ยังไม่สูง แม้คนรุ่นใหม่จะเปิดรับเทคโนโลยีและข้อมูลสุขภาพมากขึ้น แต่พวกเขายังไม่เห็น “ความเร่งด่วน” ของการดูแลสุขภาพ เพราะแรงจูงใจหลักยังอยู่ที่ “ภาพลักษณ์” และ “ความสะดวกในชีวิตประจำวัน” มากกว่าการป้องกันในระยะยาว
Insight เชิงกลยุทธ์:
แม้จะเป็นกลุ่มที่ไม่ค่อยใส่ใจสุขภาพ แต่พวกเขาคือ “กลุ่มศักยภาพระยะยาว” ที่สามารถเปลี่ยนพฤติกรรมได้ หากมีเหตุการณ์ในชีวิตมากระตุ้น เช่น เจ็บป่วย หรือมีครอบครัว
พฤติกรรมเด่น:
เป็นกลุ่มที่มีค่าความสนใจในเทคโนโลยีสุขภาพต่ำที่สุดในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ AI / Precision Medicine Telemedicine Clinical Trials แต่ยังให้ความสำคัญระดับหนึ่งกับ การดูแลเชิงป้องกันและ บริการนอกสถานพยาบาลซึ่งบ่งบอกว่าพวกเขาเปิดใจต่อบริการที่ “ไม่ยุ่งยาก” และ “สะดวก”
โอกาสทางธุรกิจ:
- เสนอ บริการสุขภาพเชิง Lifestyle & Convenience เช่น ตรวจสุขภาพใกล้บ้าน, Drive-thru Clinic, หรือแพ็กเกจเช็กสุขภาพพร้อมของแถม
- ใช้ กลยุทธ์ Educate & Engage ผ่านคอนเทนต์เข้าใจง่ายและสื่อโซเชียล
- ทำให้เทคโนโลยี “มองเห็นประโยชน์ได้ทันที” เช่น ระบบจองคิวที่ลดเวลารอ
5. กลุ่ม Fear-driven Perfectionists (กลัวป่วยแต่ใส่ใจสุดขีด)
มีสัดส่วน 19.00%
กลุ่มนี้มีทั้ง “ความกลัวและความใส่ใจ” สูง ใช้เทคโนโลยีและตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ พร้อมจ่ายเพื่อความมั่นใจสูงสุด

เป็นกลุ่มที่ให้คะแนนสูงเกือบทุกด้าน ทั้งการให้ความสำคัญกับสุขภาพ ความกลัวโรค และการตรวจอย่างต่อเนื่อง
แม้จะมีความกลัวอยู่เบื้องหลัง แต่พวกเขาเลือกที่จะ “เผชิญหน้าด้วยการดูแลตัวเองอย่างเข้มข้น”
ใช้เทคโนโลยีสุขภาพเป็นประจำ ติดตามข้อมูลจากแพทย์และสื่อออนไลน์ และต้องการความมั่นใจในทุกขั้นตอน
นี่คือกลุ่มที่พร้อมลงทุนกับบริการสุขภาพระดับพรีเมียม เช่น โปรแกรมตรวจลึกเฉพาะบุคคล Executive Check-up หรือบริการ Wellness Concierge ที่ให้ความรู้สึกพิเศษและปลอดภัย
Demographic ของคนกลุ่มนี้ :
ส่วนใหญ่เป็น กลุ่ม Gen Y มีรายได้อยู่ในช่วง 15,001 – 30,000 บาทต่อเดือน สะท้อนถึงคนรุ่นวัยทำงานที่กำลังสร้างตัว มีแนวโน้มมองหาสมดุลระหว่างงาน ชีวิต และสุขภาพ
Insight เชิงกลยุทธ์:
นี่คือกลุ่มที่มี “ศักยภาพการใช้จ่ายสูง” และมีแนวโน้มเป็นลูกค้าประจำของบริการสุขภาพระดับบน ธุรกิจควรสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวผ่านบริการติดตามผลและประสบการณ์ที่ให้ความมั่นใจสูงสุด
พฤติกรรมเด่น:
ให้ความสนใจในทุกหมวดเกิน 40% เกือบทั้งหมด โดยเฉพาะ Wellness / ชะลอวัย ศูนย์เฉพาะทาง / วิจัย ดูแลจากระยะไกล Membership / สิทธิพิเศษ และยังสนใจ AI และ Precision Medicine สูงเป็นอันดับต้น ๆ
โอกาสทางธุรกิจ:
- พัฒนา บริการ Premium Health Assurance เช่น Executive Wellness, โปรแกรมตรวจเจาะลึก, หรือบริการ Home Health Monitoring
- เสนอ Membership Program แบบ Exclusive ที่ให้สิทธิ์ตรวจ / ปรึกษา / ดูแลต่อเนื่อง
- สร้าง แพลตฟอร์ม Health Concierge ที่รวมข้อมูลสุขภาพ เทคโนโลยี และการบริการไว้ในที่เดียว
บทสรุปส่งท้าย
เมื่อมองในภาพรวม พบว่ากลุ่มผู้บริโภคด้านสุขภาพในปัจจุบันไม่ได้เหมือนกันทั้งหมด แต่สะท้อนให้เห็น “ระดับการตื่นตัว” ที่ต่างกันตั้งแต่กลุ่มที่ดูแลอย่างจริงจัง ไปจนถึงกลุ่มที่ยังต้องการแรงกระตุ้นหรือความเข้าใจเพิ่มเติม การจำแนกกลุ่มเช่นนี้ช่วยให้เห็นภาพชัดว่าการส่งเสริมสุขภาพหรือพัฒนาเทคโนโลยีและบริการใหม่ ๆ ต้องเข้าใจทั้ง แรงจูงใจส่วนบุคคล (Intrinsic Motivation) และ อิทธิพลจากสิ่งแวดล้อมและสังคม (External Influence) จึงจะสามารถเชื่อมโยงกับผู้บริโภคได้อย่างแท้จริง
บทความอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง






