Baramizi Lab logo

Future Lab Research: ถอดรหัสความในใจลูกค้า เพื่อธุรกิจที่ชนะในอนาคต

Future Lab Research

Future Lab Research: ถอดรหัสความในใจลูกค้า เพื่อธุรกิจที่ชนะในอนาคต

การแข่งขันในโลกยุคใหม่ วัดกันที่ใครเข้าถึงและเข้ากุมหัวใจลูกค้าเป้าหมายได้ก่อนและได้มากกว่าและ Future Lab Research คือคอนเซปต์การทำวิจัยที่ช่วยคุณได้

หลายคนอาจจะคิดว่าในโลกยุคเทคโนโลยีดิจิทัลขนาดนี้ อาจจะมี เทคโนโลยี อะไรที่สร้างความสามารถทางการแข่งขันให้กับธุรกิจของเราได้ใช่มั้ยคะ มันก็ใช่นะ มันช่วยได้

…แต่ลองคิดอีกทีเทคโนโลยีที่เกิดในยุคนี้ช่วงเวลานี้ล้วนแต่จะทำให้ ถูกลงๆ เข้าถึงได้มากขึ้น ถึงจุดหนึ่งเทคโนโลยีก็คือ Foundation หรือฐานรากของธุรกิจ ที่คนที่ไม่มีหรือทำไม่ได้ ใช้ไม่เป็นก็จะไม่สามารถอยู่ในโลกแห่งการแข่งขันได้อีกต่อไป เป็นเช่นนี้แล้วเราจะสร้างความแตกต่างและมีความสามารถทางการแข่งขันที่เหนือกว่าได้อย่างไร

Back to Basic ค่ะ : ) คำตอบกลับมาอยู่ที่ความสามารถในการเข้าใจโจทย์ที่จะทำให้เราชนะ! ซึ่งโจทย์นั้นอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลก็คืออยู่ที่หัวใจของลูกค้าเป้าหมายของเรานั่นเองค่ะ

เทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นไม่ได้เปลี่ยนกุญแจดอกนี้ไปแต่เทคโนโลยีมาช่วยเสริมประสิทธิภาพในการเข้าถึงหัวใจของลูกค้า มันอาจจะง่ายขึ้น เร็วขึ้น ถูกลงบ้างในบางโจทย์ (แต่บางโจทย์ก็อาจจะยังต้องใช้วิธีคลาสสิคอยู่) และเทคโนโลยีอีกส่วนก็มาช่วยเสริมประสิทธิภาพในการตอบสิ่งที่ลูกค้าต้องการ ทำให้ Solution Idea มันมีความสร้างสรรค์หรือ Beyond Expectation ไปได้มากกว่าเดิม

เพราะฉะนั้นมาทวนกันอีกครั้งนะคะว่า Flow ในการค้นหาโอกาสทางธุรกิจเพื่อสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันในกี่ยุคกี่สมัยก็ยังคือ

  1. ค้นหาโจทย์ที่เราควรแก้ไขเพื่อปลดล็อคการเติบโต โดยต้องวิเคราะห์แยกแยะเหตุปัจจัย “สิ่งที่จะทำให้เราโตไปกว่านี้มีจุดไหน อย่างไรได้อีกบ้าง” “กลุ่มเป้าหมายคนสำคัญที่ถ้าเราพิชิตได้ เราจะชนะในเกมการเติบโตคือใคร”
  2. หาวิธีที่จะล้วงเอา “ความในใจ” ของกลุ่มเป้าหมายคนสำคัญแต่ละกลุ่ม เพื่อค้นพบ “โจทย์” ที่เราต้องหา Solution Idea
  3. ค้นหา Solution Idea ที่สดใหม่ สร้างสรรค์ ชาญฉลาด และล้ำหน้าไปกว่าคู่แข่งขันในตลาดทั้งหมด
  4. ถ้ามันไม่แน่ใจก็สร้าง Prototype ไปลองเทสต์ดูก่อน ก่อนที่จะสร้างจริงเจ็บจริง
  5. ได้ผลสรุปแล้วก็เดินหน้าทำให้ Solution Idea นั้นเป็นจริงได้เลย
  6. อย่าลืมประเมินการดำเนินงานเพื่อเก็บเป็นองค์ความรู้ด้วยนะคะ

กล่าวไปกล่าวมามันก็จะเป็น Flow ที่คล้ายๆ กับ Design Thinking ที่หลายๆ คนรู้จักนั่นเองนะคะ หรืออีกทีมันก็คือหนึ่งในทักษะแห่งอนาคตที่เรียกว่า Critical Thinking นั่นเอง พบปัญหา ค้นหาสาเหตุแห่งปัญหา คิดเชิงกลยุทธ์เพื่อแก้ไข กำหนดแผนงาน ดำเนินการแก้ไขตามแผนงาน จากนั้นก็ประเมินผล

สำหรับการดำเนินงานด้านการล้วงเอา “ความในใจ” พวกเรา Baramizi Lab ถนัดนักในการดำเนินงานขั้นตอนนี้ค่ะ

เมื่อเราชัดเจนแล้วว่าใครคือกลุ่มเป้าหมายคนสำคัญที่จะทำให้เราชนะในเกมธุรกิจ ถ้าเราล้วงความในใจของเขาได้แล้วสร้างข้อเสนอที่สุดพิเศษเพื่อพวกเขา พวกเขาก็จะสร้างการเติบโตให้เรา การล้วงความในใจคือกุญแจสำคัญที่จะนำไปสู่ความสำเร็จ

แต่ปัญหาโดยทั่วไปที่ทุกคนจะต้องเจอในการทำวิจัยกับกลุ่มเป้าหมาย ก็คือ ผู้บริโภคไม่สามารถเอ่ยสิ่งที่ตัวเองไม่เคยเห็นได้ อย่างที่คุณ Henry Ford (ผู้ปฏิวัติวงการอุตสาหกรรมรถยนต์) ได้กล่าวไว้ว่า ถ้าเราไปถามผู้บริโภคในยุคนั้น (ยุคก่อนหน้าจะมีรถยนต์คันแรก) ว่าอยากได้อะไร คนก็คงจะตอบว่า “อยากได้ม้าที่วิ่งเร็วขึ้น” เพราะคนในยุคนั้นยังไม่รู้จักว่ามีสิ่งประดิษฐ์ที่เรียกว่ารถยนต์ด้วย แต่ถ้าเราพยายามเข้าใจพวกเขาอย่างลึกซึ้ง เจาะความในใจให้กระจ่างเราจะพบว่า…พวกเขาต้องการอะไรที่มีกำลังแรงขึ้น และอาจจะเสริมความสะดวกสบายด้วยเพิ่มขึ้นไปอีก ดังนั้นเราจึงพยายาม R&D วิธีการวิจัยของพวกเราให้สามารถล้วงลึกถึงความในใจลึกๆ เหล่านั้นให้ได้

ว่ากันว่าความในใจหรือ Consumer Insight นั้นเปรียบเหมือนภูเขาน้ำแข็งที่มีส่วนที่โผล่พ้นน้ำเพียงนิดเดียวในขณะที่ใต้น้ำนั้นรากสุดลึกล้ำ จากประสบการณ์ของ Baramizi Lab พบว่าความต้องการที่อยู่ลึกๆ นั้นเราจะมีโอกาสจะเจอ 2 รูปแบบ คือ

  1. ความต้องการที่พวกเขาอาจจะไม่รู้ว่าตัวเองต้องการ (Unmet Needs)
  2. พวกเขารู้ว่าต้องการแต่ไม่บอก

ทั้งสองส่วนนี้คือขุมทรัพย์ทั้งคู่ เราต้องหาให้เจอ ทีมวิจัยของเราจึงถูกฝึกมาให้ใช้เครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ เพื่อกระตุ้น แล้วตามด้วยทั้งการถามตรงๆ และถามอ้อมๆ หว่านล้อมให้กลุ่มเป้าหมายของเราค่อยๆ คายมันออกมา

การทำงานในรายละเอียดต่างๆ เหล่านี้พวกเราทำงานกันภายใต้คอนเซปต์การวิจัยที่เรียกว่า “Future Lab Research Methodology” เป้าของมันคือการคันพบ “Unmet Needs” ของกลุ่มเป้าหมาย ขั้นตอนของ “Future Research Methodology” ประกอบด้วย การศึกษาบริบทเพื่อตั้งสมมติฐานถึง Pain Point และ Opportunity ที่น่าสนใจและน่าจะเป็นโจทย์สำคัญของการพิชิตเป้าหมาย ซึ่งขั้นตอนนี้เราจะมีการสัมภาษณ์ผู้บริหารและทีมงานเพื่อขอไอเดียไปด้วยกัน และอาจจะใช้ Methodology การวิจัยประเภท Observation หรือการสำรวจและสังเกตการณ์ ณ จุดขาย หรือ Mysterious Shopper กับแบรนด์คู่แข่งบ้างอะไรบ้างค่ะ และสำคัญขาดไม่ได้คือการ Research ข้อมูลเทรนด์ธุรกิจและเทรนด์การออกแบบที่ช่วยในการขยายไอเดีย Solution ให้กับทีม Brand Owner และทีมงานวิจัยได้

Future Lab Research Methodology

รูป Future Lab Research Methodology

ต่อมาเมื่อเราได้วัตถุดิบสำคัญทั้งเป้าหมายและสมมติฐานเป้าหมายย่อยๆ ที่เราต้องการชนะ ขั้นตอนสำคัญของกระบวนการ Future Lab Research Methodology ก็คือขั้นตอนที่เรียกว่า Future Scenario Creation ค่ะ ขั้นตอนนี้ทีมงานวิจัย Baranizi Lab รวมถึงหลายครั้งเรามีทีมกลยุทธ์จาก Baramizi Consultant เข้ามาร่วมกันเพื่อ Ideation ไอเดียที่จะเป็น Solution ของสมมติฐานเหล่านั้น จากนั้นก็ใช้ Magic ความถนัดของเราในฐานะนักวิจัยแปร Idea เหล่านั้นให้มันกลายเป็น “เครื่องมือวิจัยที่มีประสิทธิภาพสูง” ซึ่งต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้

  1. มีตัวเลือกที่มีน้ำหนักเท่าเทียมกัน
  2. สื่อสารกับกลุ่มตัวอย่างได้เข้าใจง่าย
  3. เปิดกว้างหรือปิดกั้นแบบพอเหมาะพอสมกับวัตถุประสงค์ของประเด็นทดสอบนั้นๆ
  4. จำนวนไม่มากไม่น้อยไปพอดีกับเวลาที่กลุ่มตัวอย่างจะไม่เหนื่อยเกินไป
  5. สร้างสรรค์ที่จะสามารถดึง Insight ที่เราต้องการทดสอบได้อย่างมั่นใจว่าจะไม่ Bias จริงๆ

Future Scenario Creation

รูปตัวอย่าง Future Scenario

ฟังดูน่าปวดหัวมั้ยคะ😅😅 อย่างไรในฐานะเจ้าของแบรนด์ไม่ต้องมาปวดหัวไปกับเรื่องนี้นะคะปล่อยเป็นหน้าที่ของผู้เชี่ยวชาญได้เลย

เมื่อคำถามพร้อม ไอเดีย Future Scenario และเครื่องมือวิจัยพร้อม จากนั้นเราก็ลุยวิจัยภาคสนามกับกลุ่มเป้าหมายของเราได้เลย ซึ่งในการเก็บข้อมูลภาคสนามก็จะมีวิธีการต่างๆ มากมายเลยค่ะ มากไปเพื่ออะไร?…จริงๆ เป็นไปเพื่อการตอบโจทย์จริตของกลุ่มเป้าหมายแต่ละกลุ่มที่อาจเหมาะสมกับวิธีการพูดคุยที่แตกต่างกันไป

เก็บข้อมูลแล้วเสร็จก็นำมาเข้ากระบวนการ Data Translation (ตีความผลวิจัย) ซึ่งเป็นอีกขั้นตอนที่สำคัญมากๆ เราจะจัดระเบียบข้อมูลที่ได้ทั้งหมดให้พร้อมใช้ จากนั้นนักวิจัย Future Lab Researcher ก็จะทำหน้าที่ตีความประเด็นต่างๆ อย่างพิถีพิถัน เปรียบเทียบกลับไปกลับมา ตั้งคำถามกันและกันสร้างแนวทางการตอบประเด็นเพื่อเปรียบเทียบและเพื่อเลือกคำตอบที่ใช่ และตรงไปตรงมาจากเสียงของผู้บริโภคมากที่สุด ขั้นตอนนี้ทีมวิจัยที่ทำงานในโปรเจกต์นั้นๆ จะเหมือนกับต้องพากันไปเข้าถ้ำค่ะ 555 จมลึกลงไปในข้อมูล อยู่กับตัวเองและอยู่กับทีมถกกันทั้งแบบตั้งใจและไม่ตั้งใจ เช่น ระหว่างกินข้าวอาจจะชวนกันถกขึ้นมาแล้วได้ประเด็นใหม่ๆ ที่เราอาจจะมองข้ามไป เมื่อตกผลึกและกระจ่างแล้ว ทีม Researcher ก็ต้องคิดวิธีการ Visualize ผลนั้นๆ ออกมาให้ทีม Brand Owner และทีมกลยุทธ์เข้าใจและนำไปใช้งานต่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ผลลัพธ์สำคัญที่เราจะได้ในขั้นตอนแรกของการวิเคราะห์ผล คือ Consumer Future Insight ค่ะ

ส่วนขั้นต่อไปที่เราต้องสะกัดต่อให้ออกเป็น Practical Future Strategy เราจะต้องนำ Treatment อีกสอง-สามส่วนกลับมาวิเคราะห์ร่วมเพื่อสรุปทางเลือกของทิศทางที่เป็นไปได้และน่าสนใจมากที่สุด นั่นคือ

  1. Competitor Strength จุดเด่นของแบรนด์คู่แข่งที่เขาครอบครองไปแล้ว
  2. Brand Spirit จุดแข็งและ Passion & Vision ของแบรนด์เราเอง และต้องกลับไปชำเลือง
  3. Trend เพื่อตรวจสอบว่าทิศทางจะยังอยู่บนเส้นทางที่นำพาธุรกิจไปสู่การเติบโต

และนี่คือภาพรวมทั้งหมดของการทำวิจัยแบบ Future Lab Research Methodology ที่เป็นเครื่องมือสำคัญของธุรกิจยุคใหม่ที่ต้องเผชิญความท้าทายของการแข่งขันในยุคสมัยแต่ท้ายที่สุดเมื่อมองให้ออกถึงแก่นก็คือ การมีความสามารถล้วงลึกเข้าไปถึงความในใจของลูกค้าเป้าหมายของเราได้ก่อนใคร

ถ้าให้สรุป Secret Sauce ของการทำวิจัยแบบ Future Lab Research Methodology คงจะสรุปได้ประมาณ 5 ประการค่ะ

  1. การวิเคราะห์ตกผลึกพบโจทย์ที่คมคาย
  2. มองเห็นโอกาสแห่งอนาคตที่เป็นไปได้หลายๆ เส้นทาง
  3. ถามถูกคนถามถูกวิธี เลือกใช้วิธีเก็บข้อมูลกลุ่มตัวอย่างที่เหมาะสม จำนวนที่ตอบความเชื่อมั่นได้
  4. ถามถูกเรื่อง ทั้งแนวทางคำถามและเครื่องมือวิจัยที่มีประสิทธิภาพ
  5. ตีความและสรุปผลให้เป็น

และทั้งหมดนี้ คุณคาดหวังได้จากทีมวิจัยที่แสนจะเข้มข้นของ Baramizi Lab ค่ะ 😁😁

ไว้โอกาสต่อไปจะมาขยายความเรื่องต่างๆ ในรายละเอียดและเล่าตัวอย่างผลลัพธ์งานสนุกๆ สู่กันฟังเพิ่มเติมนะคะ


บทความอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

 

RECOMMEND

read more
08.10.2025 64

จาก T-Pop สู่ T-Beauty: เมื่อวัฒนธรรมไทยกลายเป็นพลังขับเคลื่อนอุตสาหกรรมความงาม

สรุปวิเคราะห์ T-Beauty Trend ในปี 2025 ความนิยมและความเติบโตของตลาด T-Beauty ตลาดความงามในไทยเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยมูลค่ารวมมากกว่า 6.6 พันล้านดอลลาร์ในปี 2022 และอัตราการเติบโตเฉลี่ยปีละ 9-10% ตลาดนี้ได้นำเสนอระบบนิเวศน์ครบวงจรที่ผสมผสานวัฒนธรรม ความคิดสร้างสรรค์ และนวัตกรรม ทั้งด้านผลิตภัณฑ์และการตลาดดิจิทัล โดยมีแบรนด์ไทยเป็นที่สนใจและได้รับการยอมรับในตลาดโลกมากขึ้น การจำหน่ายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์และช่องทางค้าปลีกหลักๆ มีบทบาทสำคัญ อิทธิพลของวัฒนธรรมและไอดอล T-Pop ความสำเร็จของ T-Beauty ได้รับแรงสนับสนุนจากวัฒนธรรมป๊อปไทยหรือ T-Pop เช่น นักแสดงจากละครแนว BL และศิลปินดังอย่าง Lisa จาก BLACKPINK ที่กลายเป็นหน้าโฆษณาของแบรนด์ทั้งในและต่างประเทศ ลักษณะความงามที่เน้นความเป็นธรรมชาติ แบบ “Swai Meiku” คือความสมดุลระหว่างสไตล์เอเชียและตะวันตกที่ดูสวยแบบไม่ตั้งใจแต่ตั้งใจ ทำให้เกิดกระแสแรงบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เทรนด์สกินแคร์ที่โดดเด่น กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เติบโตเร็ว เช่น เซรั่ม Exosome, ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ Growth Factors และเปปไทด์ ซึ่งเน้นการปรับปรุงสุขภาพผิวตามชีววิทยาเฉพาะตัวของผ […]

thai cities safety resilience trend
read more
02.10.2025 328

แนวโน้มจะเป็นอย่างไรเมื่อ World Bank เตือน GDP ไทยอาจลด 7-14% ในปี 2593 เพราะภัยพิบัติโลกร้อน

แม้เราจะเดินทางมาถึงช่วงท้ายของปี 2025 แต่ประเทศไทยยังคงเผชิญกับภัยพิบัติทางธรรมชาติหลากหลายรูปแบบอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสะท้อนถึงสถานการณ์โลกที่กำลังเผชิญกับภัยพิบัติที่มากขึ้นเรื่อยๆ หากเทียบข้อมูลย้อนหลัง จำนวนภัยพิบัติทั่วโลกเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน จากเพียง 23 ครั้งในปี 1950 กลายเป็นกว่า 361 ครั้งในปี 2019 ซึ่งล้วนเเล้วเเต่เป็นผลของสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง สำหรับประเทศไทย แม้จะปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพียง 258 ล้านตัน คิดเป็น 0.76% ของการปล่อยทั้งหมดทั่วโลกในปี 2020 (ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 24) แต่กลับถูกจัดอยู่ใน ประเทศที่เสี่ยงได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมากที่สุดเป็นอันดับ 9 ของโลก ความเสี่ยงนี้ครอบคลุมเกือบทุกมิติ ตั้งแต่ผลผลิตทางการเกษตรและประมงชายฝั่ง ไปจนถึงการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ และฐานทรัพยากรด้านการท่องเที่ยวที่เป็นเสน่ห์สำคัญของประเทศ รายงานของ ธนาคารโลก (World Bank) ในช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา เตือนว่า หากไทยยังขาดมาตรการรับมือที่จริงจัง ภาวะโลกร้อนอาจทำให้ GDP ของประเทศลดลงถึง 7–14% ภายในปี 2593 โดยเฉพาะต่อประชากรเปราะบางกว่า 9.4 ล้านคน ซึ่งมีมากถึง 8 ล้านคนที่อย […]

Wellness Economy 5.0
read more
25.09.2025 203

Wellness Economy 5.0 พลังขับเคลื่อนไทยสู่ศูนย์กลางสุขภาพโลก

แนวคิดเศรษฐกิจสุขภาพยุคใหม่ในไทยธุรกิจไหนได้ประโยชน์มากที่สุด Wellness Economy 5.0 Wellness Economy 5.0 คือแนวคิดเศรษฐกิจสุขภาพยุคใหม่ในไทย ซึ่งมุ่งเน้นการพัฒนาและขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดยยึดสุขภาพและคุณภาพชีวิตของประชาชนเป็นศูนย์กลาง โดยเฉพาะในยุคที่ไทยกำลังกลายเป็นสังคมผู้สูงอายุ (super-aged society) ภายในปี 2033 แนวคิดนี้ไม่ใช่แค่การรักษาโรค แต่คือการส่งเสริมการใช้ชีวิตเชิงป้องกันและทำให้สุขภาพดีเป็นวิถีชีวิตที่รวมถึงความงาม อาหารสุขภาพ การออกกำลังกาย และการท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ Key Idea ของ Wellness Economy 5.0 มุ่งเน้นความสมดุลทั้งทางกาย ใจ อารมณ์ และสังคมผ่านการดำเนินชีวิตที่ดี เกิดการบูรณาการระหว่างเทคโนโลยี เศรษฐกิจ และรูปแบบการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน ผลักดันธุรกิจความงาม อาหารเพื่อสุขภาพ บริการออกกำลังกาย และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเป็นอุตสาหกรรมหลัก รัฐบาลและภาคเอกชนร่วมลงทุนและพัฒนาระบบสาธารณสุขและ wellness hubs เพื่อรองรับตลาดผู้สูงวัยและสุขภาพดีแบบองค์รวม Wellness Economy ในไทยปี 2023 มีมูลค่าตลาดประมาณ 1.4 ล้านล้านบาท เติบโตสูงจากกลุ่มนักท่องเที่ยวสุขภาพที่เพิ่มขึ้นและการผสมผสาน […]

Longevity Trend
read more
24.09.2025 197

Longevity Trend
”เมื่อ ‘วัยทำงาน’ ยาวนานขึ้น โอกาสของคนรุ่นใหม่จะเหลือเท่าไหร่?”

อายุขัยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง (เฉลี่ยเพิ่มขึ้นประมาณ 2 ปีในทุกๆ 10 ปี) ตำแหน่งงานเก่าๆ ยังไม่ว่างให้คนรุ่นใหม่เข้าทำงาน Longevity Trend แนวโน้ม Longevity Trend หรือแนวโน้มคนมีอายุยืนยาวขึ้น ส่งผลให้คนจำนวนมากเลือกหรือจำเป็นต้องเกษียณช้าลงจากเดิม โดยอายุเกษียณที่เคยอยู่ราว 60 ปี เริ่มถูกปรับเพิ่มเป็น 65 ปีขึ้นไป ทั้งในไทยและในหลายประเทศ เพราะคนมีสุขภาพดีขึ้น เรียนรู้และทำงานได้นานขึ้น พร้อมกับระบบสวัสดิการและนโยบายที่สนับสนุนให้คนยังคงมีส่วนร่วมในตลาดแรงงานมากขึ้น ขณะที่การเกษียณช้าช่วยให้มีรายได้และสวัสดิการทางการเงินที่มากขึ้น ลดความเสี่ยงด้านสุขภาพจิตและการแยกตัวจากสังคมได้ด้วย และการทำงานต่อเนื่องยังช่วยให้สมองและร่างกายได้รับการกระตุ้น ช่วยยืดอายุขัยโดยรวม สาเหตุของการเกษียณช้าลง อายุขัยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง (เฉลี่ยเพิ่มขึ้นประมาณ 2 ปีในทุกๆ 10 ปี) คนสูงอายุในยุคใหม่มีสุขภาพดีขึ้น เขียนได้ ชำนาญและมีประสบการณ์มากกว่ารุ่นก่อน ระบบสวัสดิการ ศูนย์ดูแลสุขภาพ และโครงสร้างทางสังคมที่สนับสนุนให้คนสูงอายุทำงานต่อได้ ความจำเป็นด้านการเงิน เช่น รายได้ที่ไม่เพียงพอจากเงินออมและ […]

read more
01.10.2025 651

Event Tourism พลังสำคัญที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลก

ประเทศไทยพร้อมหรือยัง…ที่จะสร้างกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์สู่ระดับนานาชาติ?   กิจกรรมและงานอีเวนต์ ไม่ว่าจะเป็น เทศกาลศิลปะ ดนตรี อาหาร กีฬา หรือวัฒนธรรม ล้วนมีพลังในการเปลี่ยน “พื้นที่หนึ่ง ๆ” ให้กลายเป็น “จุดหมายการท่องเที่ยวระดับโลก” สำหรับประเทศไทย กิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ไม่เพียงช่วยสร้างความสุข แต่ยังสร้างเศรษฐกิจ การจ้างงาน และทำให้ประเทศเป็นที่จดจำในสายตานักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติ  เพื่อให้ก้าวสู่เวทีโลก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยจึงมีการศึกษาศักยภาพกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ระดับนานาชาติของประเทศไทย และได้ใช้เครื่องมือ Future Scenario (ฉากทัศน์แห่งอนาคต) ในการออกแบบ “ภาพอนาคตของ Event Tourism” เพื่อให้เราเห็นว่ากิจกรรมแบบไหนที่ตอบโจทย์การท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ และสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศได้อย่างแท้จริง  ถ้าว่าเคยติดตามคอนเทนต์ของบรารามีซี่ แล็บจะทราบว่าเครื่องมือวิจัยที่เรียกว่า Future Scenario คือ ฉากทัศน์ที่เป็นไปได้ในอนาคตของแบรนด์ หรือคือ ไอเดียแก้ปัญหาที่น่าสนใจ ที่เราอยากได้ทดลองกับกลุ่มตัวอย่าง  อ่านบทความ Brand Future Scenario […]

Subscription

เพื่อรับข้อมูลเกี่ยวกับความรู้เทรนด์และวิจัยต่อเนื่อง