Baramizi Lab logo

What is a Unmet Need? (ความต้องการที่ซ่อนอยู่คืออะไร)

What is a Unmet Need

What is a Unmet Need? (ความต้องการที่ซ่อนอยู่คืออะไร)

What is a Unmet Need? (ความต้องการที่ซ่อนอยู่คืออะไร)

นวัตกรรมที่เปลี่ยนโลกมักไม่ได้เริ่มจากเทคโนโลยีล้ำยุคเสมอไป แต่มักเริ่มจากคำถามง่ายๆ ว่า “ความต้องการลึกๆ ของลูกค้าคืออะไร” ความต้องการลึกๆ หรือที่เรียกว่า Unmet Need ในเชิงทฤษฎีการออกแบบ และนวัตกรรมความต้องการของผู้ใช้งานสามารถแบ่งออกเป็นหลายระดับตั้งแต่ความต้องการพื้นฐานที่ผู้ใช้อธิบายได้อย่างชัดเจน ไปจนถึงความต้องการที่ยังไม่สามารถระบุ หรือรับรู้ได้ด้วยตนเองซึ่งเรียกว่า Hidden Needs หรือ Unmet Needs ความต้องการเหล่านี้มักอยู่ในระดับที่ลึกกว่าการแสดงออกทั่วไป เป็นสิ่งที่ฝังอยู่ในพฤติกรรม ความรู้สึก หรือสภาพแวดล้อมที่ผู้ใช้อาศัยอยู่

แนวคิดนี้เชื่อมโยงกับการออกแบบที่เน้นมนุษย์เป็นศูนย์กลาง (Human-Centered Design) และแนวทาง Outcome-Driven Innovation ของ Ulwick (2005) ซึ่งชี้ว่า ความเข้าใจใน “งานที่ผู้ใช้อยากให้เสร็จ (Jobs to Be Done)” นั้นต้องลึกซึ้งกว่าคำพูดหรือแบบสอบถามทั่วไป เพราะผู้ใช้จำนวนมากไม่สามารถบอกความต้องการที่แท้จริงของตนออกมาได้อย่างตรงไปตรงมา (Latent or Unarticulated Needs)

ตัวอย่างของ Hidden Needs ได้แก่ ความรู้สึกไม่มั่นใจในที่ทำงาน ความไม่สะดวกที่ไม่ได้พูดถึงในชีวิตประจำวัน หรือการอยากควบคุมสิ่งต่างๆ ได้มากขึ้นโดยไม่รู้ตัว  การทำความเข้าใจ Hidden Need ไม่ได้เกิดขึ้นจากการตั้งคำถามทั่วไป เช่น “คุณต้องการอะไร?” แต่ต้องใช้เครื่องมือ และกระบวนการวิจัยเชิงลึก เพื่อสกัดจากผู้บริโภค เมื่อองค์กรสามารถระบุ Hidden Need ได้อย่างถูกต้อง ก็มีแนวโน้มสูงที่จะสามารถพัฒนานวัตกรรมที่ตอบโจทย์ตรงใจมากขึ้น

กรณีศึกษาการพัฒนา Unmet Need สู่นวัตกรรม ในโลกธุรกิจ

Dyson: แบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าอย่าง Dyson ที่จับสังเกตพฤติกรรมการล้างมือหลังใช้ห้องน้ำเสร็จ คนเหล่านั้นต้องการให้มือที่ใช้งานไปมีความสะอาด แต่ด้วยสภาพแวดล้อมของห้องน้ำที่ทำอย่างไรก็เจอเเต่พื้นสัมผัส และสิ่งสกปรก เครื่องเป่าลมทั่วไปก็มีเสียงวิจารณ์ในเรื่องของอุณหภูมิที่ไม่เหมาะสม เเทนที่จะทำความสะอาดกลับเป็นการเพิ่มปริมาณเชื้อโรค Dyson จึงได้ทำการออกผลิคภัณฑ์เครื่องเป่ามือ Dyson Airblade ทำงานโดยใช้กระแสลมที่ผ่านการกรองที่แรงเพื่อเป่ามือให้แห้งอย่างรวดเร็วและถูกสุขอนามัย แทนที่จะใช้ความร้อนเพื่อระเหยความชื้น เครื่องเป่ามือจะดูดอากาศเข้ามา กรองผ่านตัวกรอง HEPA จากนั้นจึงเป่าลมผ่านช่องเปิดแคบๆ เพื่อสร้างกระแสลมความเร็วสูงที่ “ขูด” น้ำออกจากมือได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Tesla: หลังจากการค้นพบว่าเจ้าของรถมีความคาดหวังลึกๆ ว่ารถควร “พัฒนาได้ตลอดเวลา” โดยไม่ต้องเข้าศูนย์หรือต้องซื้อรุ่นใหม่ พวกเขาจึงพัฒนา ระบบ Over-the-Air Updates ให้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพหรือปลดล็อกฟีเจอร์ใหม่ให้กับรถยนต์ได้ทุกสัปดาห์ กลายเป็นประสบการณ์ที่เหมือนกับใช้สมาร์ตโฟนมากกว่าการครอบครองสินทรัพย์แบบเดิม และเปลี่ยนวิธีคิดของทั้งอุตสาหกรรมยานยนต์

Loom: การเห็นว่าคนจำนวนมากต้องเข้าประชุมและสื่อสารในสภาวะที่ไม่ได้มีเวลาคิดหรือเตรียมตัว Loom จึงสร้างแพลตฟอร์มวิดีโอที่ช่วยให้ผู้คนสามารถสื่อสารไอเดียผ่านวิดีโอสั้นแบบอะซิงโครนัส (Asynchronous) คือการสื่อสารใดๆ ที่ไม่ได้ทำแบบเรียลไทม์นั่นหมายความว่าคำถามหรือข้อความจะไม่ได้รับคำตอบในทันที แต่จะได้รับคำตอบหลังจากช่วงเวลาหนึ่งเมื่อผู้รับสะดวก และตอบกลับด้วยความใคร่ครวญกับคำตอบอย่างดีที่สุด ผลลัพธ์คือวัฒนธรรมการทำงานที่เคารพจังหวะของแต่ละคน ลดภาระการประชุม และเพิ่มคุณภาพของความคิด

ทั้งสามกรณีศึกษานี้สะท้อนให้เห็นว่า นวัตกรรมที่มีพลังสูงสุดมักเกิดจากการมองเห็น “ช่องว่างที่ยังไม่ถูกพูดถึง” ของความต้องการที่แท้จริงของผู้คน ไม่ใช่เพียงการปรับปรุงผลิตภัณฑ์ให้ดีกว่าคู่แข่ง แต่เป็นการ “เข้าใจผู้ใช้อย่างลึกซึ้ง” จนสามารถออกแบบประสบการณ์ที่ตรงใจได้ก่อนที่ผู้บริโภคจะเอ่ยปากขอเสียอีก

ในโลกที่ผู้คนมีทางเลือกมากมาย และสามารถเปลี่ยนความภักดีต่อแบรนด์ได้ง่ายขึ้นกว่าที่เคยเป็นมา การสร้างสินค้าและบริการที่สามารถ “เชื่อมต่อกับความรู้สึกภายใน” ได้อย่างแม่นยำ จึงไม่ใช่แค่เรื่องของการออกแบบที่ดี แต่คือ กลยุทธ์สำคัญของการอยู่รอดและเติบโตในโลกที่ซับซ้อน เพราะในท้ายที่สุด การชนะใจผู้บริโภคไม่ได้มาจากการเป็น “ทางเลือกที่ถูกกว่า หรือเร็วกว่าคู่แข่ง” แต่คือการเป็น “คำตอบที่ใช่” 

 ที่มา:
Ulwick, A. W. (2005). What Customers Want: Using Outcome-Driven Innovation to Create Breakthrough Products and Services. McGraw-Hill.
dyson.co.uk
https://caredge.com/guides/ota-updates-for-cars


บทความอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

RECOMMEND

read more
19.11.2025 608

ความมืดเริ่มเป็นความงามใหม่

สำรวจ ‘ความมืด’ ในฐานะเฉดใหม่ของการออกแบบโลกประสบการณ์ ในอดีต “ความมืด” มักถูกผูกกับภาพของความกลัว, ภัยอันตราย หรือสิ่งที่เรามองไม่เห็น แต่ในยุคที่ผู้คนเริ่มโหยหาความสงบ พื้นที่ปลอดภัยทางใจ และประสบการณ์ที่แตกต่างไปจากชีวิตประจำวัน “ความมืด” กำลังถูกตีความใหม่ให้กลายเป็นทรัพยากรทางวัฒนธรรมและทางธุรกิจที่ทรงพลัง กรอบคิดว่าด้วยการใช้ความมืดเป็นแกนกลางในการออกแบบประสบการณ์และรูปแบบธุรกิจ (Dark Experience) Dark Experience คือแนวคิดของธุรกิจที่ใช้ “ความมืด” เป็นหัวใจของการออกแบบประสบการณ์ ไม่ใช่เพื่อทำให้ผู้คนหวาดกลัว แต่เพื่อ “มองเห็น” สิ่งที่สำคัญกว่าเดิม ทั้งตัวเอง ธรรมชาติ และเรื่องราวที่เคยถูกกลบอยู่ในเงามืดของสังคม สาระสำคัญของ Dark Experience Business คือการใช้ความมืดเป็น “เครื่องมือในการออกแบบประสบการณ์” แทนที่จะใช้แสงและสิ่งเร้าเข้มข้นแบบที่ธุรกิจยุคก่อนมักใช้ดึงความสนใจผู้บริโภค สังคมปัจจุบันกำลังเผชิญกับปัญหา Overstimulation อย่างหนัก ทั้งจากแสงไฟ เมือง 24 ชั่วโมง และหน้าจอที่อยู่ใกล้ตัวตลอดเวลา ทำให้สมองแทบไม่เคยได้พักจากการประมวลผล สิ่งต่างๆ เหล่านี้สะสมเป็นความล้าโดยไม่รู้ตัว […]

read more
21.11.2025 86

7 Key Economic Trends จาก The Standard Economic Forum 2025

งาน The Standard Economic Forum 2025 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 5–7 พฤศจิกายน 2568 ในธีม “Thailand’s Next Frontier” รวบรวมผู้นำระดับโลก นักเศรษฐศาสตร์ และผู้กำหนดนโยบายกว่า 100 คน เพื่อหารือเกี่ยวกับการปฏิรูปเศรษฐกิจไทย ภายในงานมีการเน้น 3 ความท้าทายหลัก (3D Challenges) ก่อนเข้าสู่เทรนด์เฉพาะทาง ได้แก่ 3D Challenges ก่อนที่จะเจาะลึกในเทรนด์เฉพาะ มาทำความเข้าใจภาพรวมที่กว้างขึ้นก่อน ผู้นำธุรกิจไทยได้ระบุถึง “3 ความท้าทาย Digitalization (การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล) เทคโนโลยีไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป แต่เป็นรากฐานของการแข่งขัน เศรษฐกิจดิจิทัลมีสัดส่วนคิดเป็น 15.5% ของ GDP โลกแล้ว โดย 70% ของมูลค่าใหม่ทั่วโลกคาดว่าจะถูกสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์มดิจิทัลในทศวรรษหน้า Deglobalization (การทวนกระแสโลกาภิวัตน์)  โลกกำลังแตกออกเป็นส่วนๆ จากความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ จีน และพันธมิตร ไทยต้องวางตำแหน่งตัวเองใน “จุดยืนที่เป็นกลางทางภูมิรัฐศาสตร์” (Geopolitical Neutral Position) และ “ผู้สร้างสมดุลอย่างสร้างสรรค์” (Creative Balancer) เพื่อใช้ประโยชน์จากที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ […]

read more
03.11.2025 518

“Gartner” เปิด 10 เทรนด์เทคโนโลยีเปลี่ยนโฉมธุรกิจปี 2569

ในปี 2569 จะเป็นปีที่สำคัญต่อผู้นำด้านเทคโนโลยีที่ต้องเผชิญกับการหยุดชะงัก นวัตกรรม ไปจนถึงความเสี่ยงที่ขยายตัวรวดเร็วอย่างที่ไม่เคยพบมาก่อน เทรนด์เทคโนโลยีทั้งหมดในปีหน้าจะเชื่อมโยงกับโลกที่ขับเคลื่อนด้วย AI (AI-driven world) และเชื่อมต่อกัน ตลอดเวลา ซึ่งองค์กรธุรกิจต้องขับเคลื่อนนวัตกรรมอย่างมีความรับผิดชอบ ดำเนินงานด้วยความเป็นเลิศ และสร้างความไว้วางใจทางดิจิทัลไปพร้อมกัน ผู้นำองค์กรต้องเผชิญกับ การหยุดชะงัก (Disruption) นวัตกรรม และความเสี่ยงที่ขยายตัวรวดเร็ว 10 เทรนด์เทคโนโลยีสำคัญแห่งปี 2569 1. AI Supercomputing Platforms  AI Supercomputing Platforms (แพลตฟอร์ม AI ซูเปอร์คอมพิวติ้ง) เป็นการรวมพลังของ CPU, GPU, ชิป AI ASICs และการประมวลผลแบบนิวโรมอร์ฟิก (จำลองสมองมนุษย์) ช่วยให้องค์กรจัดการงานที่ซับซ้อนมหาศาล ปลดล็อกประสิทธิภาพและนวัตกรรม ต้องอาศัย Orchestration Software เพื่อจัดการเวิร์กโฟลว์ที่ซับซ้อนโดยอัตโนมัติ คาดการณ์ว่าภายในปี 2571 องค์กรชั้นนำ 40% จะใช้สถาปัตยกรรม Hybrid Computing (เพิ่มจาก 8% ในปัจจุบัน) ตัวอย่างการใช้งาน: คิดค้นยาใหม่ในไม่กี่สัปดาห์ (แทนที่จะใช้เวลาหลายป […]

read more
10.11.2025 493

5 Health Mindsets: The Next Big Opportunity: เข้าใจ 5 กลุ่มสุขภาพ = เจอโอกาสใหม่ก่อนใคร

สำรวจทิศทาง 5 พฤติกรรมสุขภาพคนไทย: สัญญาณบ่งชี้โอกาสธุรกิจบริการสุขภาพยุคใหม่ เคยไหม? รู้ว่าควรตรวจสุขภาพประจำปี แต่ก็เลื่อนออกไปเรื่อยๆ หรือรอให้ป่วยก่อนจึงเริ่มใส่ใจสุขภาพ — พฤติกรรมนี้สะท้อนภาพ “ความเฉยเมย” ของคนไทยที่ยังฝังแน่นในวัฒนธรรมการดูแลตัวเอง ปัจจุบัน คนไทยเริ่มให้ความสำคัญกับสุขภาพมากขึ้น แต่พฤติกรรมการดูแลตัวเองยังค่อนข้างหลากหลาย บางคนใส่ใจเรื่องการออกกำลังกาย รับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ และตรวจสุขภาพประจำปีอย่างสม่ำเสมอ ขณะที่บางส่วนยังละเลยเนื่องจากเวลาจำกัด งานยุ่ง หรือค่าใช้จ่ายสูง บริษัท บารามีซี่ แล็บ และ IQQEW POLL ได้สำรวจผู้บริโภคจำนวน 1200 คนทั่วประเทศ จากผลสำรวจล่าสุด พบว่า  58.83% ของผู้บริโภคให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพของตนเอง โดยเฉพาะกลุ่ม Gen X ที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพเป็นอย่างมาก แม้ผู้บริโภคไทยส่วนใหญ่รับรู้ถึงความสำคัญของการตรวจสุขภาพประจำปี แต่กว่า 37.75% ยังคงไม่ได้ให้ความสำคัญกับการตรวจสุขภาพมากนัก รู้สึกว่ายังไม่จำเป็นต้องตรวจหรือดูแลสุขภาพ พฤติกรรมนี้สะท้อนถึงความ “เฉยเมย” ที่ฝังรากลึก ซึ่งมักเกิดจากหลายปัจจัย เช่น ความยุ่งวุ่นวายในชีวิตประจำวัน ค่า […]

read more
21.11.2025 58

สุขภาพแบรนด์ (Brand Health) ดีเท่ากับยอดขายที่แข็งแรง

เพราะ “แบรนด์” ก็ต้องตรวจสุขภาพประจำปีเช่นเดียวกับคน เราตรวจสุขภาพประจำปีเพื่อที่จะรู้ผลประเมินความปกติหรือผิดปกติของร่างกายในฟังก์ชันต่างๆ วิธีการก็คือคุณพยาบาลและนักเทคนิคการแพทย์จะทำการเก็บเลือด เก็บของเสียจากการขับถ่าย ไปจนถึงเอ็กซเรย์สแกนร่างกาย และสิ่งที่เราได้รับก็คือผลตัวเลขทั้งหมดที่บ่งชี้ความปกติ-ไม่ปกติ เปรียบเทียบกับค่ามาตรฐาน และการให้คำปรึกษาจากนายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญถึงแนวทางการปฏิบัติตัวเพื่อยกระดับค่าตัวเลขต่างๆ ให้ดีขึ้นใช่มั้ยคะ การตรวจสุขภาพแบรนด์ก็เช่นเดียวกันค่ะ มันคือกระบวนการสแกนร่างกายของแบรนด์ธุรกิจโดยผ่านเครื่องเอ็กซ์เรย์จากมุมมองของลูกค้า โดยเครื่องเอ็กซ์เรย์ที่ดีจะทำหน้าที่ในการประเมินแต่ละฟังก์ชันที่สำคัญของแบรนด์ให้ได้รู้ว่าเราทำได้ดีในส่วนไหนและมีอะไรที่ต้องปรับปรุงอีกบ้างเมื่อเทียบกับค่ามาตรฐาน และก็มีทีมที่ปรึกษาด้านการวิจัยเพื่อการพัฒนาแบรนด์ให้คำแนะนำการฟิตร่างกายธุรกิจเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการรับรู้แบรนด์ ทีนี้สุขภาพแบรนด์ที่ดีมีประโยชน์อย่างไร? Share of Mind: ส่วนแบ่งของการรับรู้ในใจลูกค้า ทุกคนเคยได้ยินคำว่า “Share of Mind” มั้ยคะ “Share of Mind” (SOM […]

Subscription

เพื่อรับข้อมูลเกี่ยวกับความรู้เทรนด์และวิจัยต่อเนื่อง